
การแก้ปัญหาความขัดแย้งและความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ตลอด 2 ปีของรัฐบาลเพื่อไทยค่อนข้างน่าผิดหวัง
เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีไปถึง 2 คน แต่สร้างจุดเปลี่ยนไปสู่การแก้ไขปัญหาไม่ได้เลย
ทั้งสองรัฐบาลให้ความสำคัญกับ “นโยบายดับไฟใต้” ค่อนข้างน้อย สังเกตได้จากคำแถลงนโยบายของรัฐบาลทั้งสองชุดที่พูดถึงปัญหาชายแดนใต้เพียงเล็กน้อย และไม่มีสาระสำคัญใดๆ ต่อการจัดการปัญหา
เมื่อถึงภาคปฏิบัติจริงยิ่งหนักกว่านโยบาย เพราะไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม หรือเป็นมรรคผลเกิดขึ้นเลย
อดีตนายกฯเศรษฐา ทวีสิน พยายามปลุกเศรษฐกิจ และผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญหาท้องถิ่น ผลักดันให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ ขยายตลาด เพิ่มมูลค่า แต่นอกจากท่านจะหิ้วสินค้า หรือนำผลิตภัณฑ์ไปใช้ และโชว์ในต่างประเทศ แต่เมื่อไม่มีกระบวนการทางการตลอดรองรับที่ดีพอ ความหวังของการพัฒนาก็ดับมอดไปไม่ต่างอะไรจากไฟไหม้ฟาง
ผ่านมาถึงยุคอดีตนายกฯแพทองธาร มีความพยายามจะรื้อยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ รองนายกฯภูมิธรรม เวชยชัย (ปัจจุบันเป็นรักษาการนายกฯ) สั่งทบทวนยุทธศาสตร์ และขีดเส้นกำหนดกรอบเวลา แต่ก็ล่วงเลยเวลามาเนิ่นนานก็ยังไม่มีการสรุปยุทธศาสตร์ใหม่แก้ไขปัญหาปลายด้ามขวาน

กระบวนการพูดคุยสันติสุข/สันติภาพ มีการประกาศให้ความหวังว่าจะมีการตั้งคณะพูดคุยฯ มีชื่อ มีโครงสร้างออกมา แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่ข่าว ไม่มีคณะพูดคุยฯตัวจริงได้ทำงาน
- มิติการพูดคุยสันติภาพ/สันติสุข แม้จะมีรายงานล่าสุดว่ารัฐบาลเตรียมแต่งตั้ง พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขคนใหม่ เพื่อสานต่องานการเมือง พูดคุยกับผู้เห็นต่างจากรัฐ แต่จนแล้วจนรอด คำสั่งแต่งตั้งก็ไม่มีประกาศออกมา ได้แต่เงื้อง่าราคาแพง จนรัฐบาลพ้นตำแหน่งไปก่อน จึงปิดฉากการมีคณะพูดคุยฯ
- ปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและความเชื่อมั่น คดีตากใบที่รัฐบาลปล่อยให้ขาดอายุความ ทำให้ประชาชนตั้งคำถามถึงความจริงใจของรัฐบาลเพื่อไทยในการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ ขณะที่จำเลยอันดับ 1 ที่อัยการสั่งฟ้องคือ สส.พรรคเพื่อไทย แถมใกล้ชิดอดีตนายกฯทักษิณ ส่งผลต่อกระบวนการพูดคุยสันติสุขที่ถูกมองว่ารัฐบาลไม่มีความจริงจังและจริงใจเพียงพอ
- ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม

ปัญหาปากท้อง: ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ และยังละเลยปัญหาของชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ปัญหาช้างทำลายพืชผลทางการเกษตร
ปัญหายาเสพติด: ยังคงมีการระบาดอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ยังไม่มีการปราบปรามอย่างจริงจัง ทำให้ยาเสพติดหาซื้อง่าย ราคาถูกลง และส่งผลให้เกิดปัญหาอาชญากรรมและการลักขโมยในชุมชน รวมถึงปัญหาครอบครัวแตกแยกตามมา ยิ่งพรรคร่วมรัฐบาลมีนโยบาย “กัญชา-กระท่อม” ไม่ผิดกฎหมาย ยิ่งทำให้ปัญหาร้ายแรงกว่าเดิม
- บทบาทของอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางลงพื้นที่เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 และกล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่าปัญหาจะจบลงในปีหน้า และสันติสุขชายแดนใต้ต้องเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ แต่สุดท้ายไม่มีจุดเปลี่ยนอะไรที่ดีขึ้นเลย
- การที่อดีตนายกฯทักษิณ ได้รับแต่งตั้งเป็น “ที่ปรึกษาส่วนตัว” ของประธานอาเซียน นายกฯอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย ไม่ได้ส่งผลบวกใดๆ ต่อปัญหาชายแดนใต้เลย

- หนึ่งปีของอดีตนายกฯแพทองธาร ลงพื้นที่ชายแดนใต้ 1 ครั้ง ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 เพื่อเป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยลูกหนี้ มีอยู่ มีกิน มีใช้” ที่ จ.นราธิวาส และติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาในพื้นที่ เช่น โครงการก่อสร้างสะพานและโครงการรถไฟทางคู่ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาในการพัฒนาเยาวชนและสร้างความสามัคคี
แต่แทบไม่มีมรรคผลใดๆ เกิดขึ้นเลย...
