
ระเบิด - เผายางรถยนต์ป่วน 9 จุด ครบ 3 จังหวัดชายแดนใต้ รับวันชาติมาเลย์ - สถาปนาเบอร์ซาตู แฉ 7 จุดเป็นตู้ ATM คนร้ายก่อเหตุสุดอุกอาจ มีอาวุธปืนครบมือ บางแห่งพยายามงัดตู้เซฟหวังชิงเงินสดหลังตูมสนั่น แต่ไม่สำเร็จ ฝ่ายความมั่นคงพบร่องรอยเชื่อมโยงเครือข่ายค้ายาเสพติด
ความคืบหน้าเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดและเผายางรถยนต์ ในพื้นที่ 5 อำเภอ ของ จ.นราธิวาส คือ อ.สุไหงปาดี อ.บาเจาะ อ.จะแนะ อ.เจาะไอร้อง และ อ.ศรีสาคร ในคืนวันที่ 31 ส.ค.68 ต่อเนื่องถึงเช้ามืดวันที่ 1 ก.ย.68 และยังลุกลามเกิดเหตุใน จ.ปัตตานี และยะลาอีกด้วย
โดยวันเกิดเหตุตรงกับวันคล้ายวันสถาปนา “ขบวนการเบอร์ซาตู” และวันชาติมาเลเซีย ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขนาดใหญ่มาแล้วหลายครั้งในห้วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะปี 2555 หรือเมื่อ 13 ปีก่อน
ช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 1 ก.ย. เจ้าหน้าที่ได้จัดแบ่งกำลังแยกย้ายกันออกไปตรวจสอบและเก็บรวบรวมพยานหลักฐานจากจุดเกิดเหตุระเบิด ในพื้นที่ 5 อำเภอของ จ.นราธิวาส เพื่อความรวดเร็ว และเร่งเปิดการจราจรให้ประชาชนสัญจรไปมาได้สะดวก

จุดแรก เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดหน้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาบาเจาะ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ พบว่าตู้ ATM ที่ติดตั้งอยู่หน้าธนาคารได้รับความเสียหาย 2 ตู้ รวมไปถึงป้ายชื่อธนาคาร กันสาด กระจกประตูหน้าต่าง เต็นท์ผ้าใบด้านหน้าถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหาย
นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังพบเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็กและแป๊ปเหล็กทรงกลม จุดชนวนด้วยรีโมทคอนโทรล ตกกระจายเกลื่อน จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนร้าย 4 คน แต่งกายด้วยชุดสีดำ พร้อมอาวุธปืนครบมือ ใช้รถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ขับขี่ไปจอดหน้าธนาคาร บริเวณที่พนักงาน รปภ.กำลังยืนอยู่ ระหว่างหน้าร้านสะดวกและธนาคาร ธ.ก.ส.
จากนั้นหนึ่งในคนร้ายได้ใช้ปืนจี้บังคับ รปภ. แล้วใช้เคเบิ้ลไทร์มัดมือ รปภ.เอาไว้ ส่วนคนร้ายอีก 3 คนได้นำระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก และแป๊ปเหล็กทรงกลม จำนวน 2 ลูก น้ำหนักดินระเบิดลูกละประมาณ 3 กิโลกรัม ไปวางไว้บริเวณแท่นกดเลขบัญชีหรือเลขรหัสของตู้ ATM ลูกละ 1 ตู้ เสร็จแล้วคนร้ายได้วิ่งไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไป ถัดจากนั้นอีกเพียง 1 นาทีก็เกิดระเบิดขึ้น ทำให้ตู้ ATM ได้รับความเสียหาย
จุดที่ 2 ในท้องที่ อ.จะแนะ มีระเบิดเกิดขึ้น 3 แห่ง คือ
- บริเวณกองขยะด้านหน้ามัสยิดดุซงญอ ห่างจากถนนสายหลักเข้าไปประมาณ 40 เมตร
- บริเวณหน้าตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย สาขาจะแนะ ทำให้ตู้กดเงินได้รับความเสียหายจากอานุภาพของระเบิด พบเศษซากชิ้นส่วนของตู้ ATM ตกกระจายเกลื่อนถนน ปะปนกับซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก น้ำหนักดินระเบิดประมาณ 3 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยรีโมทคอนโทรล

- บริเวณถนนสายหลักหน้าตลาดดุซงญอ ซึ่งกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้าตรงกันข้ามจุดเกิดเหตุ สามารถบันทึกพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายเอาไว้ได้ มีจำนวน 6 คน ขณะก่อเหตุนำยางรถยนต์และถังขยะมากองไว้บนถนนแล้วจุดไฟเผา ก่อนหลบหนีไป
จุดที่ 3 อ.ศรีสาคร เหตุลอบวางระเบิดตู้ ATM ธนาคาร ธ.ก.ส.สาขาศรีสาคร ตั้งอยู่หน้าองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตะมะยูง หมู่ 2 ต.ตะมะยูง ทำให้ตู้ ATM ได้รับความเสียหาย
เบื้องต้นพบว่า มีคนร้าย 2 คนขับขี่รถจักรยานยนต์นำระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัม ไปวางไว้ที่ตู้ ATM แล้วขับรถหลบหนีไป ถัดจากนันไม่นานจึงเกิดระเบิดขึ้น
จุดที่ 4 อ.สุไหงปาดี บริเวณถนนพาดทางรถไฟบ้านไอบาตู หมู่ 4 ต.โต๊ะเด็ง พบคนร้ายเผายางรถยนต์บนถนน และนำระเบิดแสวงเครื่องประกอบใส่ในถังแก๊สหุงต้ม น้ำหนัก 40 กิโลกรัม ไปวางบนถนนแล้วจุดระเบิด ทำให้รถยนต์เก๋งยี่ห้อมาสด้า สีขาว ป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร ที่กำลังขับผ่าน ได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย คือ นายอาซูดิง กูเร็ง อายุ 32 ปี เป็นผู้ใหญ่บ้านสุแก หมู่ 3 ต.ดุซงญอ และ อส.อัสฟัสรี มะมิง อายุ 28 ปี เจ้าหน้าที่ อส.ประจำอำเภอจะแนะ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสุไหงปาดี
จุดที่ 5 เหตุวางระเบิดตู้ ATM ธนาคาร ธ.ก.ส. หน้าสถานีรถไฟเจาะไอร้อง ตั้งอยู่หมู่ 1 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องแบบเดียวกันกับที่ใช้ก่อเหตุในอำเภออื่น มาวางไว้บนแป้นพิมพ์เลขบัญชีและรหัสของตู้ ATM แล้วจุดระเบิด ทำให้ตู้ ATM ได้รับความเสียหาย

พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (รอง ผบช.ภ.9) รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (รรท.ผบก.ภ.จว.นราธิวาส) ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุทั้ง 5 อำเภอ เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้โดยรอบ เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุในครั้งนี้ เนื่องจากเชื่อว่าน่าจะเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เคลื่อนไหวแฝงตัวอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุนั้นเอง
ส่วนกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายเอาไว้ได้ในพื้นที่ อ.จะแนะ นั้น ฝ่ายตำรวจได้เร่งส่งให้ผู้เชี่ยวชาญนำไปขยายผลในส่วนของความคมชัด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการนำไปเปรียบเทียบลักษณะรูปพรรณสัณฐานกับบุคคลที่มีประวัติในแฟ้มคดีความมั่นคง ว่าตรงกับผู้ใดหรือไม่ เพื่อขยายผลติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
@@ ป่วนยะลา 3 จุด “เผายาง – ระเบิดตู้ ATM”

เหตุรุนแรงด้วยการลอบวางระเบิดและวางเพลิง ยังคงเกิดขึ้นใน จ.ยะลา และปัตตานีด้วย
โดยในพื้นที่ จ.ยะลา เมื่อเวลา 00.01 น. วันที่ 1 ก.ย.68 เกิดเหตุคนร้ายลอบเผายางรถยนต์ บนถนนหมายเลข 409 มีการเผาและยิงหม้อแปลงไฟฟ้าเสียหาย และวางวัตถุต้องสงสัยบริเวณตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย ด้านหน้าร้านมินิบิ๊กซี สาขาบ้านเนียง พื้นที่หมู่ 4 บ้านเนียง ต.เปาะเส้ง อ.เมืองยะลา จ.ยะลา
ต่อมาเวลา 00.55 น. เกิดเหตุระเบิดตู้ ATM ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.บุดี บ้านกำปงบือแน ต.บุดี อ.เมืองยะลา และในเวลาใกล้เคียงกัน ศูนย์วิทยุ สภ.กาบัง ได้รับแจ้งเหตุระเบิดตู้ ATM อีกจุด ในปั๊ม ปตท. หมู่ 1 ต.กาบัง อ.กาบัง จ.ยะลา
เบื้องต้นทั้ง 3 จุดไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็สร้างความตื่นตระหนกแก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างมาก
เจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุทุกจุด เพื่อเปิดทางให้ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี และเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เข้าตรวจสอบเพื่อเก็บหลักฐานอย่างละเอียดต่อไป ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันชนิดของวัตถุระเบิดได้แน่ชัด
@@ วงจรปิดจับพฤติการณ์พยายามงัดเซฟ ATM ชิงเงิน

มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคงว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ที่ติดตั้งบริเวณด้านหน้าตู้ ATM ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.บุดี บ้านกำปงบือแน ต.บุดี อ.เมืองยะลา ซึ่งถูกลอบวางระเบิดด้วยนั้น พบพฤติกรรมของคนร้ายจำนวน 4 คน สวมหมวกปีกปิดบังใบหน้า ในมือถืออาวุธปืน โดยนำระเบิดแสวงเครื่องวางหน้าตู้ ATM ในเวลาประมาณ 01.15 น. จากนั้นทั้ง 4 คนได้ไปซ่อนตัวห่างจากรัศมีระเบิด
ต่อมา เมื่อเกิดระเบิดขึ้นแล้ว คนร้าย 2 คนจาก 4 คนได้พยายามงัดตู้เซฟของ ATM โดยมีเพื่อนอีก 2 คนถือปืนประกบเพื่อระวังภัยให้ แต่ไม่สามารถงัดตู้เซฟออกมาได้ กระทั่งเวลาผ่านไปหลายนาที คนร้ายจึงตัดสินใจหลบหนีไป
@@ บึ้มตู้ ATM เมืองปัตตานี เสียหาย 1 จุด

เวลา 07.30 น.วันเดียวกัน ตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี นำกำลังเข้าตรวจสอบเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดตู้ ATM ของธนาคารอิสลาม ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของร้านจำหน่ายเครื่องสำอางแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่บ้านปูยุด ต.ปูยุด อ.เมือง จ.ปัตตานี โดยเหตุเกิดช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา แรงระเบิดทำให้ตู้ ATM ได้รับความเสียหาย และกระจกร้านค้าที่อยู่ใกล้เคียงก็แตกร้าวหลายบาน โชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ส่วนสาเหตุ เจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นการกระทำของของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงชุดเดียวกับที่ก่อเหตุในพื้นที่ จ.นราธิวาส และยะลา โดยคนร้ายก่อเหตุในครั้งนี้เพื่อต้องการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เนื่องในวันชาติของประเทศมาเลเซีย และวันสถาปนาของขบวนการเบอร์ซาตู ซึ่งตรงกับวันที่ 31 ส.ค.ของทุกปี และปีก่อนๆ บางปีก็เคยเกิดเหตุรุนแรง หรือสถานการณ์ความไม่สงบเช่นเดียวกัน
@@ กอ.รมน.ภาค 4 สรุปเหตุป่วน 3 จังหวัด รวม 9 จุด
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ได้สรุปเหตุสร้างสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี และยะลา) รวมทั้งหมด 9 จุด แยกเป็น จ.นราธิวาส 5 จุด จ.ยะลา 3 จุด และ จ.ปัตตานี 1 จุด โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นไล่เรียงกัน เริ่มตั้งแต่เวลา 19.40 น.ของวันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค. จนถึงเวลา 00.30 น. ของวันจันทร์ที่ 1 ก.ย. โดยเป้าหมายที่เป็นตู้ ATM มีทั้งหมด 7 จุด
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงระบุว่า การก่อเหตุครั้งนี้เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบชุดเดิมที่ต้องการแสดงศักยภาพให้เห็นว่ายังสามารถเคลื่อนไหวได้ โดยเลือกใช้ช่วงเวลาที่สำคัญอย่าง วันชาติมาเลเซีย วันที่ 31 ส.ค. ซึ่งตรงกับวันครบรอบการก่อตั้ง ขบวนการเบอร์ซาตู (Bersatu) เมื่อปี 2532 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการสื่อสารและตอกย้ำการมีอยู่ของกลุ่มขบวนการ แม้ปัจจุบันขบวนการนี้จะสลายบทบาทไปแล้วก็ตาม เนื่องจากประธานกลุ่ม คือ ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน เสียชีวิตไปแล้ว
@@ พบเงื่อนงำโยงเครือข่ายค้ายาเสพติด
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบเงื่อนงำที่น่าสนใจ โดยมีเบาะแสที่เชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์ความไม่สงบกับเครือข่ายค้ายาเสพติด โดยเฉพาะไอซ์และยาบ้า ซึ่งแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า การก่อเหตุป่วนครั้งนี้อาจเป็นการ “ตอบโต้” เจ้าหน้าที่ที่กวาดล้างยาเสพติดอย่างหนัก จนกระทบต่อผลประโยชน์ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่เชื่อว่ามีส่วนพัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมายนี้ โดยทั้งหมดทุกจุดเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนและติดตามตัวกลุ่มคนร้ายอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันเหตุแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต
