
วันศุกร์ที่ 5 ก.ย.68 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง “ให้นายทหารรับราชการ” ระบุว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายทหารรับราชการสนองพระเดชพระคุณ รวม 862 ราย มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2568 เป็นต้นไป
โดยมีตำแหน่งสำคัญๆ ได้รับการโปรดเกล้าฯ ระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพ หรือเทียบเท่า ดังนี้
พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็น ปลัดกระทรวงกลาโหม
พล.อ.อุกฤษ์ บุญตานนท์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ เป็น ผู้บัญชาการทหารเรือ
พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผู้ช่วยผู้บัญชากการทหารอากาศ เป็น ผู้บัญชาการทหารอากาศ
ทั้งนี้ ตำแหน่งระดับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ไม่มีตำแหน่งใดเหนือความคาดหมายจากที่เคยเป็นข่าวไปก่อนหน้าแล้ว
@@ เปลี่ยนตัวแม่ทัพภาค 4 โยกจากภาคอีสาน!

ในส่วนของกองทัพภาคที่ 4 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ และตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งต่างๆ ดังนี้
- พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็น ที่ปรึกษาพิเศษ กองทัพบก
- พล.ท.สุรเทพ หนูแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 (ผอ.ศปป.5) สำนักงานปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในกองทัพบก เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก (อัตรา พลเอก)
- พล.ต.นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็น แม่ทัพภาคที่ 4
- พล.ต.วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 3 (ผอ.ศปป.3)สำนักงานปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในกองทัพบก
-พล.ต.ประเสริฐ หมวดเชียงคะ ผู้อำนวยการสำนักวิเทศสัมพันธ์ กรมข่าวทหารบก เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 (ผอ.ศปป.5) สำนักงานปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในกองทัพบก
- พล.ต.พิชิต โชติแก้ว ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 43 เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก (อัตราพลโท)
- พล.ต.พสิษฐ์ ชาญเลขา ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45 เป็น ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก (อัตราพลโท)
- พล.ต.กรกฎ ภู่โชติ ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 4 เป็น รองแม่ทัพภาคที่ 4
- พล.ต.กฤศ ศรีเดชาสินธุ์ เสนาธิการกองทัพน้อยที่ 4 เป็น ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 4
- พล.ต.เกรียงศักดิ์ วัฒนเกริก ผู้บัญชาการกองบัญชาการช่วยรบที่ 4 เป็น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 43
- พล.ต.เฉลิมชัย สุทธินวล เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 เป็น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45
- พ.อ.สมคิด บุญโชติ เป็น เสนาธิการกองทัพภาคที่ 4
- พ.อ.มานิตย์ เผ่าพงษ์ขันทร์ เป็น เสนาธิการกองทัพน้อยที่ 4
- พ.อ.ภูมเดชา พ่วงเจริญ เป็น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42
- พ.อ.จิรศักดิ์ คงทน เป็น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 46
- พ.อ.วิธเวช วิเศษศรี เป็น รองผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในภาคที่ 4 สำนักงานปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในกองทัพบก
@@ รู้จัก “บิ๊กยูร” นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคใต้ “ข้าวนอกนา”

ตำแหน่งที่เหนือความคาดหมายไม่น้อย คือ พล.ต.นรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ข้ามห้วยจากภาคอีสาน ไปดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ คุมภารกิจดับไฟใต้เต็มตัว
พล.ต.นรธิป เป็นหนึ่งในตัวเต็งขึ้นแม่ทัพภาคที่ 2 ต่อจาก “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง เตรียมทหารรุ่นเดียวกัน และยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คนปัจจุบันอีกด้วย
แต่เนื่องจาก พล.ต.นรธิป เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 2 คนที่ 2 จึงต้องเปิดทางให้เพื่อนร่วมรุ่น คือ พล.ต.วีระยุทธ์ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 คนที่ 1 ขึ้นเป็นแม่ทัพตามไลน์ ส่วนตนเองถูกโยกมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 แทน
นับเป็นเส้นทางที่น่าสนใจ และเป็นการกลับมาของนายทหารสายเลือดอีสานสู่ตำแหน่งคุมกำลังพลหลักในพื้นที่ความมั่นคงชายแดนภาคใต้
พล.ต.นรธิป หรือ “บิ๊กยูร” เป็นนายทหารที่มีประสบการณ์ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาอย่างยาวนาน เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในกองทัพภาคที่ 2 เช่น ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 (ผบ.พล.ร.3) ซึ่งเป็นหน่วยกำลังรบหลักที่รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนอีสานตอนบน ทั้งในจังหวัดเลย, หนองคาย, บึงกาฬ, นครพนม และมุกดาหาร
เส้นทางของ “บิ๊กยูร” คล้ายคลึงกับ พล.อ.พิเชษฐ์ วิสัยจร อดีตนายทหารรุ่นพี่ที่เคยข้ามจากรองแม่ทัพภาคที่ 2 ไปเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 4 และขึ้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ก่อนจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกในที่สุด
แต่สำหรับ “บิ๊กยูร” พล.ต.นรธิป มีความแตกต่าง เนื่องจากไม่ได้ข้ามมาแต่งตัวรอเป็นรองแม่ทัพก่อน แต่กลับข้ามมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 แบบพลิกความคาดหมายแบบ “ม้วนเดียวจบ”
มีข่าวบางกระแสระบุว่า พล.ต.นรธิป อาจจะเคยลงใต้ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยเฉพาะกิจชายแดนใต้ในห้วงเวลาสั้นๆ ในช่วงที่มีการส่งกำลังจากกองทัพภาคต่างๆ ร่วมปฏิบัติการในภารกิจดับไฟใต้เมื่อหลายปีก่อน
@@ พล.ท.ไพศาล ตกสวรรค์แค่ 1 ปี - ปิดยุคลูกหม้อทัพ 4 ?

การขยับ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ขึ้นไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ส่งผลให้ พล.ท.ไพศาล เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ในรอบเกือบ 10 ปี ที่ดำรงตำแหน่งเพียงปีเดียว ทั้งๆ ที่ระยะหลัง กองทัพบกมีนโยบายให้แม่ทัพภาคที่ 4 ดำรงตำแหน่งได้ 2 ปี เพื่อให้การทำงานมีความต่อเนื่อง เพราะมีปัญหาด้านความมั่นคงเป็นกรณีพิเศษ
แม่ทัพภาคที่ 4 ตั้งแต่ปี 2559 ล้วนดำรงตำแหน่งคนละ 2 ปีทั้งสิ้น
และการโยก พล.ท.ไพศาล ออกจากเส้นทางเหล็ก “แม่ทัพดับไฟใต้” และนายทหารจากกองทัพภาคที่ 2 หรือ “ภาคอีสาน” มาดำรงตำแหน่งแทน เท่ากับหยุดเส้นทางการดำรงตำแหน่งแม่ทัพต่อเนื่องกันของ “นายทหารลูกหม้อทัพภาค 4” ซึ่งนั่งเก้าอี้ตัวนี้แบบส่งไม้ต่อกันมา 4 คนต่อเนื่องแล้ว
ตั้งแต่ พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ หรือ “บิ๊กเดฟ” พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ หรือ “บิ๊กเกรียง” พล.อ.ศานติ ศกุนตนาค หรือ “แม่ทัพต้น” และ พล.ท.ไพศาล
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 คือ เหตุการณ์ปล้นปืนครั้งมโหฬาร และเป็นปฐมบทของไฟใต้ระลอกปัจจุบันนั้น ตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 ถูกจับจ้อง และอยู่ในสปอตไลต์มาตลอด
โดย พล.ท.พงษ์ศักดิ์ เอกบรรณสิงห์ เป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 อยู่ในขณะที่เกิดเหตุการณ์ปล้นปืน จากนั้นวันที่ 31 มี.ค.2547 เขาก็ถูกย้ายไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี แล้วมีการแต่งตั้ง พล.ท.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 คนต่อมา และ พล.ท.พิศาล ก็ถูกย้ายเช่นกัน จากเหตุการณ์ตากใบ ซึ่งสุดท้ายก็ตามหลอกหลอนเขา กระทั่งเป็น สส.พรรคเพื่อไทย ก็ยังได้รับผลสะเทือน
หากนับจาก 4 ม.ค.2547 ถึงปัจจุบัน กองทัพภาคที่ 4 มีแม่ทัพมาแล้ว 16 คน เรียงตามลำดับดังนี้ (ยศขณะดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4)
1.พล.ท.พงษ์ศักดิ์ เอกบรรณสิงห์ (1 ต.ค.46-31มี.ค.47)
2.พล.ท.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ( 1 เม.ย.47 – 31 มี.ค.48 )
3.พล.ท.ขวัญชาติ กล้าหาญ (1 เม.ย.48 – 10 ธ.ค.48)
4.พล.ท.องค์กร ทองประสม (11ธ.ค.48 – 30 ก.ย.49)
5.พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ (1ต.ค.49-30 ก.ย.51)
6.พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร (1ต.ค.51 – 30 ก.ย.53)
7.พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ (1ต.ค.53- 31 มี.ค.56)
8.พล.ท.สกล ชื่นตระกูล (1 เม.ย.56 – 31 มี.ค.57)
9.พล.ท.วลิต โรจนภักดี (1 เม.ย.57 – 30 ก.ย.57)
10.พล.ท. ปราการ ชลยุทธ (1 ต.ค.57 – 30 ก.ย.58)
11.พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ ( 1 ต.ค. 58 – 30 ก.ย.59)
12.พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช (1 ต.ค.59 - 30ก.ย.61)
13.พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ( 1 ต.ค.61 – 30 ก.ย.63)
14.พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ (1 ต.ค.63- 30 ก.ย.65)
15.พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค (1 ต.ค.65-30 ก.ย.67)
16.พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ ( 1 ต.ค.67 – ปัจจุบัน)
ส่วนแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ดำรงตำแหน่งไม่ถึง 2 ปี มีทั้งหมด 8 คน ได้แก่
พล.ท.พงษ์ศักดิ์ เอกบรรณสิงห์ ย้ายไปช่วยราชการสำนักนายกฯ (1 ต.ค.46-31มี.ค.47)
พล.ท.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ถูกย้ายกรณีเหตุตากใบ ( 1 เม.ย.47 – 31 มี.ค.48 )
พล.ท.ขวัญชาติ กล้าหาญ ถูกย้ายกรณีเหตุการณ์ตันหยงลิมอ (1 เม.ย.48 – 10 ธ.ค.48)
พล.ท.องค์กร ทองประสม (11ธ.ค.48 – 30 ก.ย.49)
พล.ท.สกล ชื่นตระกูล (1 เม.ย.56 – 31 มี.ค.57)
พล.ท.วลิต โรจนภักดี (1 เม.ย.57 – 30 ก.ย.57)
พล.ท.ปราการ ชลยุทธ (1 ต.ค.57 – 30 ก.ย.58)
พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ (1 ต.ค. 58 – 30 ก.ย.59)
@@ 4 แคนดิเดตอกหัก - วงในแย้ม “ขาดสายคุมกำลัง”

พล.ท.ไพศาล แม่ทัพภาคที่ 4 คนปัจจุบัน มีข่าว “เก้าอี้ไม่แข็งแรง” มาก่อนแล้ว เนื่องจากผลงานไม่ค่อยเข้าตา และสถานการณ์ไฟใต้กลับมาร้อนแรงมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่เจ้าตัวเป็นคนพูดน้อย ไม่ค่อยสื่อสาร จึงตกเป็นฝ่ายรับคำวิจารณ์อย่างเดียว
จากสถานการณ์ “เก้าอี้สั่นคลอน” ของ พล.ท.ไพศาล ทำให้มีการเปิดตัว “แคนดิเดตแม่ทัพคนใหม่” กันคึกคักอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
จริงๆ แล้วปีนี้ มีนายทหารที่ทำงานเกี่ยวข้องกับกองทัพภาคที่ 4 ภาคใต้ และปัญหาไฟใต้ มีโอกาสชิงเก้าอี้แม่ทัพถึง 4 คนด้วยกัน
รายแรกคือ พล.ท.อนุสรณ์ โออุไร แม่ทัพน้อยที่ 4 (ตท.26) ซึ่งเพิ่งได้รับการขยับตำแหน่งขึ้นมาจากรองแม่ทัพภาคที่ 4 ในช่วงการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพลเมื่อกลางเดือน มี.ค.68 ที่ผ่านมา (โผกลางปี) การขยับติดยศ พล.ท. และนั่งแม่ทัพน้อย ทำให้มีสิทธิขยับเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ได้
ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า พล.ท.อนุสรณ์ เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่นเดียวกับ ผบ.ทบ.
แต่ข้อที่เป็นจุดอ่อนก็คือ เป็นนายทหารเหล่าแผนที่ ไม่ใช่สายคุมกำลังรบ จึงไม่ค่อยเหมาะกับสถานการณ์ชายแดนใต้ รวมถึงเรื่องของบารมีในการคุมกำลัง ตลอดจนงานด้านยุทธการ
รายที่ 2 คือ พล.ต.วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 (ตท.27) นายทหารลูกหม้อกองทัพภาคที่ 4 ที่ขยับขึ้นจาก ผบ.พล.ร. 5 มาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 4 ตั้งแต่ปี 66 ถือเป็นรองแม่ทัพอาวุโสสูงสุด และถือเป็นทายาทที่ถูกว่าตัวเอาไว้ ในฐานะน้องเลิฟสายตรง “3 บิ๊กอดีตแม่ทัพภาค 4” คือ “บิ๊กเดฟ” พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์, “บิ๊กเกรียง” พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ และ “บิ๊กต้น” พล.อ.ศานติ ศกุนตนาค
รายที่ 3 คือ พล.ต.ชาคริต อุจะรัตน รองแม่ทัพภาคที่ 4 (ตท.28) นายทหารจากสายรบพิเศษ อดีตผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 และมาทำงานอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาระยะหนึ่งแล้ว มีชื่อปรากฏจ่อคิวเป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 4 อีกคน ทั้งมีอายุราชการอีกนานกว่าจะเกษียณในปี 72
แต่ พล.ต.ชาคริต หรือ “บิ๊กคิ้ว” ถูกสกัดอย่างเงียบๆ จาก “สายลูกหม้อทัพภาค 4” โดยเฉพาะจาก “กลุ่ม 3 บิ๊กอดีตแม่ทัพ” และอาจรวมถึง “แม่ทัพไพศาล” คนปัจจุบันด้วย
รายที่ 4 พล.ท.สุรเทพ หนูแก้ว หรือ “บิ๊กจ้อย” นายทหาร ตท.26 เพื่อนร่วมรุ่น ผบ.ทบ.อีกคนหนึ่ง แม้ไม่ใช่สายคุมกำลัง แต่ทำหน้าที่ ผอ.ศปป.5 กอ.รมน. ซึ่งเป็นศูนย์ที่รับผิดชอบปัญหาไฟใต้โดยตรง ในหมวกของ กอ.รมน.
แต่แคนดิเดตทั้ง 4 คนต้องอกหัก หลีกทางให้กับ “บิ๊กยูร” พล.ต.นรธิป โพยนอก นายทหาร ตท.26 รุ่นเดียวกับ ผบ.ทบ. แต่มาไกลจากอีสาน ด้วยเหตุผลที่กล่าวกันวงในว่า “แก้ปัญหาภาค 4 ขาดนายทหารสายคุมกำลัง”
นี่คือการส่งสัญญาณบวกหรือลบกับสถานการณ์ไฟใต้...ต้องรอดู!
