
การมีผู้นำประเทศคนใหม่ ตามด้วยรัฐบาลชุดใหม่ ย่อมเป็นความหวังของประชาชนคนไทย รวมถึงพี่น้องในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตลอดกว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ความคาดหวังของคนชายแดนใต้เวลามีรัฐบาลใหม่ คือ อยากให้ไฟใต้ดับมอดเสียที
แต่การมาเป็นรัฐบาลใหม่ของพรรคภูมิใจไทย นำโดย “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีป้ายแดง กลับมีข้อเรียกร้องและความกังวลของคนปลายด้ามขวาน เกี่ยวกับปัญหายาเสพติดที่ระบาดอย่างหนักซ้ำเติมความรุนแรง
โดยเฉพาะกัญชาและกระท่อม ซึ่งถูกดึงออกจากบัญชียาเสพติด ทำให้การครอบครองพืชทั้งสองชนิดแทบไม่ผิดกฎหมาย จึงถูกนำมาแปรรูปกลายเป็นสารเสพติดชนิดต่างๆ เสพและใช้กันอย่างโจ๋งครึ่ม
ในขณะที่พรรคภูมิใจไทยมีนโยบายหาเสียงที่เปรียบเสมือนเป็นโลโก้พรรค ก็คือ “กัญชาเสรี” แม้ภายหลังจะลดโทนมาเป็น “เสรีเฉพาะทางการแพทย์” ก็ตาม
ลองมาฟังเสียงพี่น้องกลุ่มต่างๆ จากชายแดนใต้ ว่าพวกเขาฝากถึงรัฐบาลภูมิใจไทย และ “นายกฯหนู” ว่าอะไร
@@ มึนได้แม่ทัพอีสาน แนะตั้งหลักยุทธศาสตร์ดับไฟใต้
บุษยมาส อิศดุลย์ ประธานกลุ่มบ้านบุญเต็ม ซึ่งทำงานภาคประชาสังคมช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ถูกดำเนินคดี กล่าวว่า เดิมทีพรรคภูมิใจไทยแทบไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาชายแดนใต้ มีเพียงอดีต ส.ส.บางท่านที่เข้ามาติดตามงานด้านการเยียวยาอยู่บ้าง ฉะนั้นเมื่อ นายอนุทิน เข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็อยากให้แสดงบทบาทที่ชัดเจนต่อปัญหาความไม่สงบในพื้นที่แห่งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งโจทย์ที่จะต้องรับไปพิจารณา
“การที่หลายคนในพื้นที่กังวลมากเป็นพิเศษ เพราะปีนี้มีการเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 4 โดยนำนายทหารข้ามห้วยมาจากกองทัพภาคที่ 2 หรือทหารภาคอีสานมาอยู่ภาคใต้เลยทีเดียว”
บุษยมาส ยังเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่เร่งจัดการปัญหาเศรษฐกิจตั้งแต่ฐานราก โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs การกเพิ่มช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำด้วยเงื่อนไขที่ง่ายขึ้น เพื่อให้เงินถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เช่น โครงการ “คนละครึ่ง” ซึ่งคาดว่าคนสามจังหวัดน่าจะเห็นด้วย
@@ ปราบยาอย่าเหนียม สานต่อ “พ.ต.อ.ทวี”

ส่วนนโยบายปราบยาเสพติดของรัฐบาลปัจจุบันพรรคเพื่อไทย จริงๆ แล้ว พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กำลังเดินหน้าเต็มสูบ มีพลังสังคมออกมาปฏิเสธกระท่อมเสรีอย่างชัดเจน หากนายอนุทินจะรับไม้ต่อก็ควรเดินหน้าอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงแค่การทำงานสร้างกระแสแบบวูบวาบ เพราะเรื่องนี้เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านและคนในพื้นที่จริงๆ
“หากสามารถจัดการปัญหาได้อย่างตรงจุด และทำเพื่อประชาชนเป็นสำคัญ ไม่ใช่เพื่อพวกพ้องหรือผลประโยชน์ เชื่อว่าจะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ครบ 4 เดือนตามคำประกาศ และอาจได้รับอานิสงส์ต่อไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วย” ประธานกลุ่มบ้านบุญเต็ม ระบุ
@@ กลุ่มด้วยใจ จี้แสดงเจตจำนงเดินหน้าพูดคุย
อัญชนา หีมมิหน๊ะ แกนนำกลุ่มด้วยใจ ยังมองไม่เห็นว่านโยบายที่นำเสนอมาในเบื้องต้น จะสามารถทำได้อย่างไรในระยะเวลาเพียง 4 เดือน จึงอยากให้ออกนโยบายเฉพาะหน้า ระยะสั้นที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และหารือกับพรรคประชาชน
สำหรับปัญหาสำคัญในจังหวัดชายแดนใต้ คือปัญหาความไม่สงบ ซึ่งมีความแตกต่างจากความขัดแย้งชายแดนทั่วไปที่รัฐบาลมักยกมากล่าวอ้าง แม้จะมีความกังวลในเรื่องนี้ แต่ก็ยังคงมีความหวังกับอดีต สส.และสมาชิกพรรคภูมิใจไทยว่า จะสามารถผลักดันประเด็นปัญหาชายแดนใต้ให้ถูกบรรจุในนโยบายระยะสั้นได้ เช่น การนำข้อเสนอของคณะกรรมาธิการสันติภาพชายแดนใต้ ไปบรรจุในนโยบาย โดยเฉพาะการแสดงเจตจำนงของรัฐบาลในการเจรจาสันติภาพและการแก้ปัญหาโดยใช้แนวทางทางการเมือง
@@ วอนทบทวนปลดล็อกกัญชาไม่เป็นยาเสพติด
ส่วนปัญหายาเสพติด ต้องยอมรับตรงๆ ว่าคนพื้นที่มีความกังวลเพิ่มขึ้น เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยและพรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยแสดงเจตจำนงชัดเจนในเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติด แต่กลับมีนโยบายปลดล็อกกัญชาไม่ให้เป็นยาเสพติดของพรรคภูมิใจไทย จึงอยากให้พิจารณาทบทวนในเรื่องนี้
@@ วัยรุ่นยุคเสรีกระท่อม-กัญชา “ขี้ยา ขี้หก ขี้ลัก ขี้โรค”

ความเห็นของชาวบ้านรากหญ้าทั่วไป ส่วนใหญ่แสดงความวิตกต่อปัญหายาเสพติด ซึ่งถือเป็นจุดเปราะบางของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งคนทั่วไปมีภาพจำเรื่อง “กัญชาเสรี”
มูซอ ดอเลาะ ชาวจังหวัดยะลา กล่าวว่า สำหรับคนมุสลิมในภาคใต้ กระท่อมกับกัญชาถือเป็นสิ่งฮารอม (สิ่งต้องห้ามทางศาสนา) หากรัฐบาลภูมิใจไทยสนับสนุน ก็จะเกิดปัญหากับศาสนาอย่างแน่นอน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลภูมิใจไทยนำกระท่อมและกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติดแบบเดิม และขอไม่สนับสนุนยาเสพติดเสรี
สุดารัตน์ มณีโชค ชาวจังหวัดสงขลา กล่าวว่า ทุกวันนี้ปัญหายาเสพติดคือปัญหาใหญ่ของทุกหมู่บ้าน ทุกปัญหาเริ่มต้นมาจากยาเสพติด จนมีคำพูดที่เป็นสโลแกนว่า “วัยรุ่นในปัจจุบันจะเริ่มจากขี้ยา ขี้หก ขี้ลัก และขี้โรค”
“ชาวบ้านกังวลมากเมื่อรู้ว่ารัฐบาลใหม่เป็นพรรคที่เคยทำให้กัญชาและกระท่อมเสรี เพราะมันระบาดหนักชาวบ้านจึงออกมาแสดงจุดยืนปฏิเสธและเชื่อว่ามันมีโทษมากกว่าประโยชน์ เป็นห่วงอนาคตของชาติถ้าเยาวชนมีปัญหาแล้วจะเอาประชากรที่มีคุณภาพมาจากไหน”
@@ ต้องกล้าหยุด “เมืองยาเสพติด”
รัชดา เมาะมุสอ ชาวอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา กล่าวว่า อยากให้มีนโยบาย “กระท่อม-กัญชาเสรี” และขอให้รัฐบาลใหม่นำกระท่อม กัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด เพราะการแก้ไขปัญหาด้วยการนำผู้ติดยาไปบำบัดฟื้นฟูนั้น เหมือนเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ สุดท้ายพอกลับเข้ามาในสังคมก็จะเข้าสู่วังวนเดิมอีก
รอมละ เจะดีแล ชาวจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า กังวลมากถ้ารัฐบาลใหม่คือพรรคภูมิใจไทย กลัวยาเสพติดจะยิ่งเยอะขึ้น แล้วไม่มีใครแก้ปัญหา ถ้าเป็นไปได้อยากขอให้แก้ปัญหากระท่อมเสรีเป็นปัญหาแรก และเป็นปัญหาเร่งด่วน เพราะตอนนี้เด็กในพื้นที่ติดกระท่อมเยอะมาก จึงขอฝากเรื่องนี้ไปถึงรัฐบาลภูมิใจไทยด้วย
นายมะแซ สาและ ชาวจังหวัดนราธิวาส ยอมรับว่า นราธิวาสมีปัญหายาเสพติดมากกว่าปัตตานี ยะลา หรือสงขลา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเพราะกระท่อมเสรีทำให้ยาเสพติดอื่นๆ เสรีไปด้วย อยากฝากรัฐบาลภูมิใจไทยให้แก้ปัญหายาเสพติด นำกระท่อมและกัญชากลับเข้าบัญชียาเสพติดทันทีที่เข้าไปเป็นรัฐบาล เพื่อไม่ให้พื้นที่กลายเป็น “เมืองยาเสพติด” มากกว่าที่เป็นอยู่
@@ นโยบายย้อนแย้ง สับสน ทำยานรกระบาดหนัก

ร.ต.อ.เจษฎาวุธ เพ็งลาย ผู้จัดการฟาร์มตัวอย่างฯ กล่าวว่า ตอนนี้ยาเสพติดระบาดในทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน ทำให้ประชาชนทนไม่ไหว หลายหมู่บ้านกล้าออกมาแสดงจุดยืนปฏิเสธยาเสพติด เพราะความเดือดร้อนเกิดขึ้นกับตนเองและส่วนรวม จึงขอฝากเรื่องนี้ไปถึงรัฐบาลใหม่ด้วย
ด้านเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่ กล่าวว่า ยาเสพติดในภาคใต้เยอะขึ้นหลังจากกระท่อมและกัญชาเสรี นโยบายนี้ถือว่าทำลายเยาวชนและเป็นภัยต่อสังคมอย่างมาก ที่สำคัญทำให้ผู้ปฏิบัติงานสับสน เพราะวันหนึ่งนโยบายบอกให้ปลูกและขายกระท่อมกัญชาเสรี แต่อีกวันผู้บังคับบัญชาบอกว่าเป็นภัยความมั่นคง ทำให้การทำงานยากลำบาก
“อยากให้รัฐบาลภูมิใจไทยมองประโยชน์ส่วนรวมมากกว่า และทำกระท่อม กัญชาไม่ให้เสรี เพื่อให้ยาเสพติดชนิดอื่นลดลงไปด้วย”
