
รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งจะมีอายุเพียงแค่ 4 เดือนตามที่ผู้นำรัฐนาวาประกาศเอาไว้หลายครั้ง ได้ตัดสินใจไฟเขียวแต่งตั้งคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากว่างเว้นมานานกว่า 1 ปี
โดยหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขคนสุดท้าย คือ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้รับการแต่งตั้งในรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน แต่ก็พ้นไปพร้อมกับรัฐบาล เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ นายเศรษฐา พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2567 ทำให้รัฐบาลนายเศรษฐา ต้องสิ้นสุดตามไปด้วย
ต่อมามีการเปลี่ยนรัฐบาล เป็นคณะที่นำโดย นายกฯแพทองธาร ชินวัตร และมีอายุราวๆ 1 ปี แต่ก็ไม่มีการตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯขึ้นมาทดแทน ท่ามกลางกระแสเรียกร้องจากหลายฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะคนในพื้นที่เองที่ให้ความสนใจเรื่องนี้อย่างมาก
กระทั่งถึงรัฐบาลนายอนุทิน ซึ่งจะมีอายุเพียงไม่เกิน 4 เดือน ปรากฏว่าในเอกสารนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา มีการเขียนนโยบายดับไฟใต้ไว้ในนโยบายด้วย และเมื่อรัฐบาลแถลงนโยบายเรียบร้อย นายกฯเข้าประชุม สมช.นัดแรกในวันพฤหัสบดีที่ 2 ต.ค.2568 ปรากฏว่า ที่ประชุม สมช.ได้เห็นชอบให้เสนอชื่อหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯ คนใหม่ เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติในการประชุม ครม.นัดต่อไป
@@ เลขาฯสมช.แถลงเอง “พล.อ.สมศักดิ์” ประสบการณ์แน่น
นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. แถลงภายหลังการประชุม สมช.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการแต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขคนใหม่คือ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา อดีตเลขาธิการ สมช. ซึ่งมีประสบการณ์ในเรื่องการแก้ไขปัญหาความมั่นคง หลังจากนี้จะได้ให้ไปฟอร์มทีมงาน ตลอดจนองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อดำเนินการในกระบวนการพูดคุยต่อไป
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วง 3 ปี ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ คือ ในปี 2568-2570 ซึ่งถือเป็นนโยบายที่มีส่วนร่วมกับพี่น้องในพื้นที่ทุกภาคส่วนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะชี้ทิศทางด้านความมั่นคง ด้านการพัฒนา และได้แปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง 5 ภาษา เผยแพร่ไปทั่วโลก เพื่อสะท้อนว่าไทยแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้โดยยึดหลักสันติวิธี ทั้งมุมมองด้านการพัฒนา และความมั่นคง รวมถึงเรื่องกระบวนการพูดคุยฯ ซึ่งยังเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่จะต้องดำเนินการต่อเนื่อง
“หลังจากนั้นจะนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี เพราะนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องแถลงต่อสภาให้ทราบด้วย” นายฉัตรชัย ระบุ
@@ เปิดประวัติ “บิ๊กอั๋น” นักเรียนนอก - สายยุทธการ

สำหรับประวัติของ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา หรือ “บิ๊กอั๋น” เกิดเมื่อวันที่ 25 มี.ค.2503 ปัจจุบันอายุ 65 ปี เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 19 หรือ ตท.19 นักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 30 หรือ จปร.30 และได้ข้ามไปเรียนนายร้อย VMI - Virginia Military Institute สหรัฐอเมริกา จนจบหลักสูตรปริญญาตรี และต่อปริญญาโทสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าที่ Virginia Polytechnic Institute and State University ที่สหรัฐอเมริกาเช่นกัน
พล.อ.สมศักดิ์ จบโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ชุดที่ 70 วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 58 ผ่านหลักสูตรชั้นนายร้อยและชั้นนายพันในเหล่าทหารสื่อสาร เป็นลูกหม้อสำนักนโยบายและแผนกลาโหม กระทรวงกลาโหม
เคยดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ได้แก่ อาจารย์ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า, รองผู้อำนวยการโครงการสงครามพิเศษ กรมยุทธการทหารบก, ผู้อำนวยการกองการฝึกและศึกษา กรมยุทธศึกษาทหารบก, ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผน กรมยุทธการทหารบก, ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม ไต่เต้าขึ้นเป็นรองผู้อำนวยการ และผู้อำนวยการตามลำดับ
พล.อ.สมศักดิ์ ขึ้นเป็นผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม แทน พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ ที่ข้ามห้วยไปเป็นเลขาธิการ สมช. เมื่อปี 2560 ก่อนที่ พล.อ.สมศักดิ์ จะขยับขึ้นเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม และย้ายข้ามไปเป็นเลขาธิการ สมช. ต่อจาก พล.อ.วัลลภ อีกทีหนึ่ง
อ่านประกอบ : รู้จัก "พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา" ว่าที่ เลขาฯสมช.ต่อคิวคนที่ 3 ข้ามห้วยจากกองทัพ
พล.อ.สมศักดิ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการ สมช. ในฐานะเป็นทหารคนที่ 3 ต่อเนื่องกันที่โยกจากกองทัพไปดำรงตำแหน่งนี้ ตั้งแต่ยุครัฐบาล คสช.เข้ามาอีกอำนาจ เริ่มจาก พล.อ.ทวีป เนตรนิยม ตามด้วย พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ และ พล.อ.สมศักดิ์ ซึ่งตัว พล.อ.สมศักดิ์ เกษียณอายุราชการในปี 2563 และเมื่อวันที่ 30 ก.ย.2563 ได้ส่งไม้ต่อตำแหน่งเลขาธิการ สมช.ให้กับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็น เลขาธิการ สมช.จากทหาร คนที่ 4 จากทั้งหมด 5 คนในยุค คสช.ครองอำนาจ
อ่านประกอบ : เลขาฯสมช.เมืองไทย เก้าอี้ปลอบใจ-อะไหล่กองทัพ?
@@ 12 ปี 5 ชุด “คณะพูดคุย” ลุยต่อคณะที่ 6
อนึ่ง ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.2556 รัฐบาลไทยชุดต่างๆ ได้ตั้ง “คณะพูดคุย” ขึ้นมาดำเนินกระบวนการสันติภาพโดยใช้แนวทางสันติวิธีกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว รวม 5 ชุด ไม่นับชุดใหม่ที่กำลังจะตั้ง ประกอบด้วย
1.คณะพูดคุยเพื่อสันติภาพฯ - รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หัวหน้าคณะคือ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการ สมช. (ขณะทำหน้าที่หัวหน้าคณะพูดคุยฯ ยังอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการ สมช.ด้วย)
2.คณะพูดคุยสันติสุขฯ - รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะ คือ พล.อ.อักษรา เกิดผล อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก
3.คณะพูดคุยสันติสุขฯ - รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้าคณะ คือ พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4
4.คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ - รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้าคณะ คือ พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ อดีตเลขาธิการ สมช.
5.คณะพูดคุยสันติสุขฯ - รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน หัวหน้าคณะ คือ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช.
อ่านประกอบ : 10 ปี 4 คณะ - ไฟใต้ยังไม่หยุดปะทะ สันติสุขยังห่างไกล?
อ่านประกอบ : ถอดรหัส 5 ปัจจัย พูดคุยอย่างไร...ไฟใต้ก็ไม่ดับ!
@@ ปิดโอกาส “บิ๊กแป๊ะ - นิพัทธ์” ได้เป็นแค่ “ว่าที่”
สำหรับในรัฐบาลนางสาวแพทองธาร มีข่าวการเตรียมแต่งตั้งคณะพูดคุยสันติสุขฯหลายครั้ง แต่แล้วเรื่องก็เงียบหายไป โดยบุคคลที่มีชื่อได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะพูดคุยฯคนใหม่ บ่อยครั้งที่สุด และถูกพูดถึงมากที่สุด คือ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม (ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์) และอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ในรัฐบาลนางสาวแพทองธาร) แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำหน้าที่ กระทั่งรัฐบาลแพทองธาร ต้องพ้นหน้าที่ไป
อ่านประกอบ : จ่อตั้ง “บิ๊กแป๊ะ” หัวหน้าพูดคุยดับไฟใต้ หลัง “อันวาร์” สะกิด
@@ “บิ๊กเล็ก - ฉัตรชัย” ล้มใต้ปีก “บิ๊กอั๋น” ผงาดคุมพูดคุยฯ
ส่วนชื่อ พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา หรือ “บิ๊กอั๋น” ที่ผงาดขึ้นมาทำหน้าที่หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขฯ ในรัฐบาลภูมิใจไทย ถือว่าเป็น “ม้ามืด - นอกโผ” เพราะไม่เคยถูกพูดถึงมาก่อน แม้เจ้าตัวจะมีบทบาทในงานด้านความมั่นคงอยู่บ้างก็ตาม
มีรายงานว่า พล.อ.สมศักดิ์ หรือ “บิ๊กอั๋น” ได้รับแรงสนับสนุนจาก พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือ “บิ๊กเล็ก” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ต่อจาก พล.อ.สมศักดิ์
ขณะเดียวกัน “บิ๊กอั๋น” ก็ไม่ได้ถูกคัดค้านจาก นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช.คนปัจจุบัน ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะพูดคุยฯคนล่าสุดก่อนจะหยุดชะงักไปนานกว่า 1 ปีด้วย ชื่อของ พล.อ.สมศักดิ์ จึงเข้าป้ายในที่สุด
อย่างไรก็ดี การตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยฯ ซึ่งมียศทหารนำหน้าอีกคนหนึ่งนั้น อาจถูกคัดค้านหรือวิจารณ์จาก สส.พรรคประชาชน และภาคประชาชนบางส่วนได้เหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้มีเสียงเรียกร้องให้ตั้ง “พลเรือน” เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยฯ โดยมองว่า ทหารหรืออดีตทหารไม่มีความเหมาะสมในกระบวนการสันติภาพ เนื่องจากเป็นคู่ขัดแย้งทางตรงกับกลุ่มติดอาวุธที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้นั่นเอง
