เปิดใจ “ผู้การไมค์” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยันเหตุการณ์ป่วนใต้ถี่ๆ เป็น “ยุทธวิธีทำลายความเชื่อมั่น” ย้ำไม่เกี่ยวสลับกำลัง - รับน้องแม่ทัพจากนอกพื้นที่
พ.อ.ยุทธนาม เพชรม่วง โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งเหตุปล้นร้านทองภายในห้าง บิ๊กซี สุไหงโก-ลก, เหตุวางระเบิดตู้เอทีเอ็มที่หน้ามหาวิทยาลัยฟาฏอนี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี, เหตุระเบิด 3 จุดในตัวเมืองยะลาก่อนประเพณีชักพระ และเหตุเผารถตู้ของวัดบางปอ จ.นราธิวาส
โดยยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็น “ยุทธวิธีของผู้ก่อเหตุรุนแรง” ที่มีความต้องการชัดเจน โดยเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงใช้ในการ “ทำลายความเชื่อมั่นของรัฐ - ทำลายวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชน - ทำลายสังคมพหุวัฒนธรรม” ผู้ก่อเหตุมีความจงใจที่จะก่อเหตุในช่วงที่มีกิจกรรมทางศาสนาพุทธ โดยเฉพาะในช่วงที่มีประเพณี “ชักพระ” ในเทศกาลออกพรรษาของพี่น้องชาวใต้ ซึ่งเป็นกิจกรรมหลักของชาวพุทธ
“เหตุการณ์เหล่านี้ ส่งผลเสียทั้งหมด และทำให้คนในพื้นที่รู้สึกเบื่อหน่าย แต่ย้ำว่าประชาชนยังคงไม่หวั่นไหว โดยงานประเพณีชักพระที่ จ.ยะลา ยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ แต่ผลกระทบจะเกิดกับผู้ที่มาค้าขายรอบๆ งาน ซึ่งมีทั้งพี่น้องชาวพุทธและมุสลิม”
พ.อ.ยุทธนาม ปฏิเสธข้อสังเกตที่ว่าเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นถี่ในช่วงนี้ อาจเป็นผลจากช่วงสับเปลี่ยนกำลังพล หรือการเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ ที่ย้ายมาจากนอกพื้นที่ โดยบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 4 คนปัจจุบันเคยมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในพื้นที่ “หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี” มาก่อน การปฏิบัติงานร่วม 3 ฝ่ายที่ผ่านมามีการทำงานร่วมกันทั้งทางทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ไม่ได้มีอุปสรรคใดๆ ในช่วงรอยต่อ
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ย้ำว่า การกระทำของผู้ก่อเหตุรุนแรงเป็นยุทธวิธีของกลุ่มผู้ไม่หวังดี พวกเขาจะทำทันทีเมื่อมี “โอกาส” หรือ “ช่วงว่าง” ทางแม่ทัพภาคที่ 4 จึงได้สั่งการให้ยกดับการรักษาความปลอดภัย และทบทวนแผน ตลอดจนหาจุดที่ต้องเพิ่มเติม กำลังพลและยุทโธปกรณ์อย่างเต็มที่
“การปฏิบัติงานในพื้นที่ยังคงเป็นไปตามปกติ โดยมีการทบทวนและยกดับการรักษาความปลอดภัย โดยการประสานการปฏิบัติงานร่วมกันทั้งพลเรือน ตำรวจ และทหาร จึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่น และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพราะความร่วมมือของพี่น้องประชาชนจะสร้างสันติสุขได้อย่างแท้จริง”
