รมว.ยุติธรรม สั่งดีเอสไอลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เหตุการณ์พี่น้องมุสลิมนับร้อยถูกบริษัทแซะห์ลอยแพคาสนามบินหาดใหญ่ พลาดหวังไปทำอุมเราะห์ทั้งที่จ่ายเงินเกิน
จากกรณีเมื่อวันที่ 13 ต.ค.68 มีผู้แสวงบุญอุมเราะห์กว่า 100 คนที่กำลังจะเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ที่เมืองมักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย แต่ไม่สามารถเดินทางได้ เนื่องจากถูก บริษัท รุจ ฮัจย์ แอนด์ ทราเวล จำกัด (บริษัทผู้ให้บริการทำฮัจย์และอุมเราะห์) ยกเลิกการเดินทางกะทันหันโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทั้งที่เก็บค่าบริการไปครบหมดแล้ว บางรายจ่ายเกินเพราะมีการเรียกเก็บเพิ่มอีก 15,000 บาท ส่งผลให้ผู้แสวงบุญทั้งหมดได้รับความเสียหาย ทั้งเสียเงินและเสียความรู้สึกอย่างมาก
ต่อมาวันที่ 14 ต.ค. ผู้แสวงบุญที่ได้รับความเสียหายกว่า 40 คนได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองปัตตานี เพื่อดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าว ซึ่งพบว่ากรณีที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท แม้ทางบริษัทจะออกแถลงการณ์ยอมรับผิด ขออภัย และรับปากจะจ่ายเงินคืนให้ผู้แสวงบุญแล้วก็ตาม
แต่เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องร้ายแรงที่กระทบต่อจิตใจของพี่น้องมุสลิมอย่างมาก ทำให้ พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการให้ นายศุภชัย ใจสมุทร เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประสานแจ้งข้อสั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
โดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางลงพื้นที่ไปยังศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) จ.ยะลา และที่ สภ.เมืองปัตตานี เพื่อติดตามสถานการณ์ที่มีผู้เสียหายประมาณ 40 คน เดินทางเข้าแจ้งความไว้แล้ว และในวันที่ 14 ต.ค. ได้มีผู้เสียหายหนึ่งรายเข้ายื่นคำร้องต่อศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับการกระทำความผิดดังกล่าวไว้เป็นคดีพิเศษ ทำให้ พ.ต.ต.ยุทธนา สั่งการให้เร่งประสานงานกับพนักงานสอบสวนท้องที่ และพิจารณาตามขั้นตอนกฎหมายโดยเร็วต่อไป
ทั้งนี้ พ.ต.ต.ยุทธนา ได้มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาสาเหตุและกำหนดแนวทางเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้ซ้ำอีก ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเลขานุการรัฐมนตรี
