
จังหวะก้าวทางการเมืองว่าด้วยการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะนราธิวาส และปัตตานี ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ระหว่างวันที่ 7-8 พ.ย.68 นับว่าน่าสนใจและสร้างนัย “การเมืองเดือด” เป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะการปักหมุดไปตรวจสนามกีฬาจังหวัดนราธิวาส ซึ่งก่อสร้างไม่เสร็จ และถูกทิ้งร่างมานานถึง 15 ปี ใช้งบประมาณรวมถึงเกือบ 400 ล้าน เนื่องจากพรรคกล้าธรรมรับผิดชอบกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ขณะที่ปัญหาสนามกีฬาร้างถูกปล่อยข่าวฉาวมาตลอด เพื่อโยงถึงองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ.นราธิวาส เพื่อหวังผลทางการเมือง ทั้งๆ ที่ อบจ.ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ เนื่องจากใช้งบของการกีฬาแห่งประเทศไทย และกรมทางหลวง
แต่การลงพื้นที่ไปตรวจโครงการที่ถูกทิ้งร้าง ผลาญงบจำนวนมหาศาล ช่วยสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับ “พลพรรคผู้กอง” ซึ่งกำลังโดนรุมถล่มจนฝุ่นการเมืองสีเทาตลบอบอวลไปหมด

การลงพื้นที่รอบนี้มี “สส.บีลา” สัมพันธ์ มะยูโซะ และ อามินทร์ มะยูโซะ รมช.เกษตรและสหกรณ์ สองพี่น้องหัวเรือใหญ่ของพรรคกล้าธรรมในนราธิวาสมาให้การต้อนรับ สะท้อนภาพความ “ปึ้ก” ของ “ทีมกล้าธรรมนราธิวาส” ซึ่งเคยประกาศเป้าหมายกวาด สส.ยกจังหวัด และยกชายแดนใต้
เป้าหมายนี้แม้จะดูห่างไกล แต่ก็ไม่ถึงกับ “ไกลเกินเอื้อม” เพราะในช่วงที่ “พลพรรคผู้กอง” เดินทางไป จ.ปัตตานี ก็มี นายยูนัยดี วาบา สส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ มารอต้อนรับ
นายยูนัยดี เป็นหนึ่งใน สส.ประชาธิปัตย์ กลุ่มของ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อนหน้านี้ได้มาร่วมวงกินข้าวกับ รมช.อามินทร์ สส.นราธิวาส ดีกรีรัฐมนตรีสังกัดกล้าธรรม โดยพา นายยูนัยดี และ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมโต๊ะด้วย

เป็นการส่งสัญญาณเตรียมร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม ของ “กลุ่มเสี่ยต่อ” ในนาม “กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” จำนวนกว่า 10 คน ซึ่งวันนี้น่าจะชัดเจนแล้วว่าน่าจะเข้าร่วมกับพรรคผู้กองค่อนข้างแน่
และเท่ากับเป็นการขยายฐานในพื้นที่ภาคใต้ของพรรคกล้าธรรม ไม่ใช่แค่ชายแดนใต้ แต่หมายถึงภาคใต้ทั้งภาค เพราะ “กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” เจ้าของวลี “คำไหน คำนั้น” มี สส.กระจายในหลายจังหวัดของปักษ์ใต้
ไล่เรียงชื่อคร่าวๆ นอกจาก นายยูนัยดี วาบา สส.ปัตตานี และ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา แล้ว ยังมี สุพัชรี ธรรมเพชร สส.พัทลุง เขต 1 นายยุทธการ รัตนมาศ สส.นครศรีธรรมราช เป็นต้น
@@ จริงหรือไม่ “กลุ่มนายกชาย” เบรกเข้ากล้าธรรม ยูเทิร์น ปชป.?

เมื่อมีสัญญาณ “เสี่ยต่อ เฉลิมชัย” มีโอกาสสูงที่จะเข้าร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม ส่งผลให้ นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือ “นายกชาย” อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวที่จะขยับมายังพรรคกล้าธรรมเช่นกัน เพราะมี “เสธ.หิมาลัย” ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ คนใกล้ชิดของ ร.อ.ธรรมนัส ทาบทามอย่างโจ๋งครึ่ม
แต่ความเคลื่อนไหวจาก “กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” น่าจะทำให้ “นายกชาย” ไปต่อกับกล้าธรรมได้ลำบาก เพราะ
1.ต้องเผชิญปัญหาความขัดแย้งกับ “สส.กฤต” ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม ซึ่งมีประเด็นถึงขั้นฟ้องร้องกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
2.หากย้ายเข้าพรรคกล้าธรรม พื้นที่เขต 6 จ.สงขลา ที่ น.ส.สุภาพร กำเนิดผล หรือ “น้ำหอม” ภรรยาสุดสวยเป็น สส.อยู่นั้น ก็จะทับซ้อนกับคู่แข่งเก่าอย่าง “เสี่ยโบ๊ต” อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ อดีตผู้สมัคร สส.พลังประชารัฐ ซึ่งปัจจุบันอยู่กล้าธรรม และได้รับการสนับสนุนจาก สส.กฤต และผู้กองธรรมนัส อย่างเต็มสูบ

ทำให้ล่าสุดมีความชัดเจนแล้วในฝั่งของ “นายกชาย” เมื่อ “สิงโต” ศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง สส.เขต 9 พรรคประชาธิปัตย์ “ลูกชายนายกชาย” ออกมาประกาศชัดเจนว่า จะอยู่พรรคประชาธิปัตย์ต่อไปในการเลือกตั้งครั้งหน้า
แต่ความเคลื่อนไหวของ “สิงโต” ก็ยังสยบข่าวย้ายเข้าชายคากล้าธรรมไม่สนิท เพราะ “ผู้กองธรรมนัส” บอกว่ายังอยู่ระหว่างเจรจากับ “นายกชาย” ฉะนั้นงานนี้จึงอาจมีรายการ “แยกกันเดิน รวมกันตี” เพื่อให้มีที่ยืนกันทั้งครอบครัว…ก็เป็นได้
@@ ปชป.หวัง “พลังใหม่” ดึงดาวติ๊กต็อกสู้ศึกสงขลา

ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ หลังจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกคำรบ ทั้งยังเปิดตัวทีมบริหารคนรุ่นใหม่ ปรากฏว่าหนึ่งในนั้นก็คือ “จูรี นุ่มแก้ว” หรือ “จูรี เมียพี่เทือง” ดาวติ๊กต๊อกชื่อดัง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยลงสมัคร สส.เขต 2 สงขลา ในนามของพรรคชาติพัฒนากล้า ที่มี นายกรณ์ จาติกวณิช เป็นหัวหน้าพรรค เมื่อปี 2566
แม้ในครั้งนั้น “จูรี” จะพ่ายให้กับ ศาสตรา ศรีปาน จากรวมไทยสร้างชาติ แต่ก็แพ้ไปแบบมีลุ้น โดย ศาสตรา ได้คะแนนไป 20,553 คะแนน ขณะที่ “จูรี” ได้อันดับ 3 มีคะแนนถึง 15,368 คะแนน ห่างจากอันดับ 1 แค่ 5 พันคะแนน ซึ่งสำหรับ สส.หน้าใหม่แล้วถือเป็นคะแนนที่ไม่ธรรมดา
และหากวัดกระแส ไม่นับทรัพยากรอื่นที่โดนทุ่มเข้ามา ต้องบอกว่าในเวลานั้น พรรคชาติพัฒนากล้า เชื่อมั่นว่าจะปักธง สส.ใต้ได้ที่เขตของ “จูรี” เลยทีเดียว
เป็นที่น่าจับตาในการเลือกตั้ง สส.เขต 2 สงขลารอบหน้า จะเป็นการโคจรมาพบกันอีกครั้ง (หากไม่ย้ายเขต) ระหว่าง ศาสตรา ศรีปาน แชมป์เก่า แต่คราวนี้สวมเสื้อพรรคภูมิใจไทย กับ “จูรี” ในหมวกใบใหม่ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
โดยมีตัวสอดแทรก คือ “พรรคส้ม” ซึ่งได้อันดับ 2 ในการเลือกตั้งรอบที่แล้ว เนื่องจากเขต 2 สงขลา คือ เมืองหาดใหญ่ ซึ่งมีทั้งมหาวิทยาลัย และโรงเรียนมัธยมชื่อดังระดับประเทศ
@@ “พิพัฒน์” เปิดตัว “บ้านใหญ่เขารูปช้าง” กุมบังเหียนสงขลา

พูดถึงพรรคภูมิใจไทย ล่าสุด “โกเกี้ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม แกนนำคนสำคัญของพรรค ในฐานะ “แม่ทัพภาคใต้ค่ายสีน้ำเงิน” เดินหน้าเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ในพื้นที่ด้ามขวานทองอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้ ช่วงปลายเดือน ก.ย.68 ก็เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.สงขลา เขต 8 แบบก่อนไก่โห่ แต่เรียกเสียงฮือฮา เพราะเขาคือ “บังลี” ฆอซาลี ดุสะเหม๊าะ อายุ 42 ปี เจ้าของธุรกิจ “ไก่อบโอ่ง” อันโด่งดัง
โดยพื้นที่สงขลาเขต 8 คือ อ.จะนะ และ อ.เทพา มีพี่น้องไทยมุสลิมอยู่อย่างหนาแน่น และยังเป็นเขตรอยต่อกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภูมิใจไทยจึงเชื่อ “เซเลบมุสลิม” มาเปิดหน้าลุย
ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ “โกเกี้ยะ” ลงพื้นที่ จ.สงขลา และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก สส.ในเครือข่าย “บ้านใหญ่เขารูปช้าง” นิพนธ์ บุญญามณี ประธานคณะทำงาน รมว.คมนาคม โดยมีทั้ง นายสรรเพชญ บุญญามณี หรือ “สส.เพชร” ลูกชายนายนิพนธ์ สส.สงขลา เขต 1 และ นายสมยศ พลายด้วง หรือ “สส.ถึก” ทั้งคู่ยังสังกัดประชาธิปัตย์ มาปรากฏตัวด้วย
งานนี้ “แม่ทัพภาคใต้ค่ายน้ำเงิน” ส่งสัญญาณชัดยิ่งกว่าชัด ว่ามอบหมายให้ “เสี่ยนิพนธ์” เป็นผู้ดูแลจังหวัดสงขลา โดยกล่าวว่า “การเลือกตั้งครั้งหน้า ยกให้ท่านนิพนธ์เป็นเจ้าจังหวัด ดูแลการเลือกตั้งของทั้งจังหวัดสงขลาในนามพรรคภูมิใจไทย”
ถือเป็นคำประกาศครั้งสำคัญในการเตรียมความพร้อมของภูมิใจไทยในสนามเลือกตั้งสงขลา ซึ่งมี สส.เป็นกอบเป็นกำ 9-10 คน
@@ “ค่ายน้ำเงิน” บุกตรัง เด็ดบ้านใหญ่ร่วมวงศ์ไพบูลย์

ที่ จ.ตรัง เมื่อต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้บินลงพื้นที่ จ.ตรัง เพื่อเปิดตัว นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ หรือ “โกหนอ” อดีต สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เข้ารังภูมิใจไทย พร้อมเปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรคภูมิใจไทย ทั้ง 4 เขต ของ จ.ตรัง ประกอบด้วย
เขต 1 นายเอกพล ณ พัทลุง หรือ “นายกเอก” นายก อบต.ควน
เขต 2 นายทวี สุระบาล ปัจจุบันยังเป็น สส.พรรคพลังประชารัฐ แต่ยกมือหนุนนายอนุทินเป็นนายกฯ ไปก่อนหน้านี้แล้ว และยังมีข่าวจับกลุ่ม สส.ให้ครบ 4 ส่ง “นอมินี” นั่งเป็นรัฐมนตรี 1 ที่นั่งด้วย
เขต 3 น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ลูกสาวโกหนอ ปัจจุบันยังเป็น สส.พรรคประชาธิปัตย์
เขต 4 นายพิชัย เจริญศิริสุนทร หรือ “สจ.ล้าน” ส.อบจ.ตรัง อ.กันตัง เขต 1 มีศักดิ์เป็นหลานชาย พิพัฒน์ รัชกิจประการ
@@ สส.ใต้ “กลุ่มเฮ้ง - ธนกร” แห่ซบภูมิใจไทย

นอกจาก สส.ประชาธิปัตย์ ที่ไหลเข้าค่ายน้ำเงินแล้ว ยังมี สส.จากพรรคอื่นเฮโลเข้าภูมิใจไทยด้วย
เช่นกลุ่มของ นายสุชาติ ชมกลิ่น และนายธนกร วังบุญคงชนะ สองรัฐมนตรี อดีตแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งปัจจุบันชัดเจนแล้วว่า การเลือกตั้งรอบหน้าจะสวมเสื้อภูมิใจไทย ทำให้ สส.ในซุ้มของตัวเอง ตบเท้าย้ายตามหัวหน้ากลุ่ม
เช่น ศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา กลุ่ม “ดร.แด๊ก ธนกร”, สันต์ แซ่ตั้ง สส.ชุมพร, น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สส.นครศรีธรรมราช, นายพิพิธ รัตนรักษ์ สส.สุราษฎร์ธานี, นายพันธ์ศักดิ์ บุญแทน สส.สุราษฎร์ธานี และ นายวัชระ ยาวอหะวัน สส.นราธิวาส ลูกชาย “นายกกูเซ็ง” กูเซ็ง ยาวอหะซัน นายก อบจ.นราธิวาส บ้านใหญ่บางนรา
@@ ลุ้น “ทวี” ขี่กระแสเข้า พท. - เจ้าตัวยังเปิดว่าที่ผู้สมัคร ปช.

ด้านพรรคประชาชาติ แชมป์เก่าชายแดนใต้ ได้ สส. 7 เขตจาก 13 เขตในการเลือกตั้งปี 66 ล่าสุดมีข่าวฮือฮาเป็นที่รู้กันทั้งปลายด้ามขวานว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรค ได้รับการทาบทามจากพรรคเพื่อไทย ให้ไปเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคใหญ่ อดีตแกนนำรัฐบาล แต่ยังไม่มีสัญญาณตอบรับจากเจ้าตัว
เมื่อวันที่ 3 พ.ย.68 พันตำรวจเอก ทวี ยังลงพื้นที่เป็นประธานทอดกฐินที่วัดตาชี อ.ยะหา จ.ยะลา ทั้งยังได้ประกาศความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งของพรรคประชาชาติ และชูนโยบายกระจายอำนาจเต็มรูปแบบ เนื่องจากจุดยืนพรรคสนับสนุนบทบาทของชุมชนและท้องถิ่น รวมถึงไม่เอายาเสพติด โดยเฉพาะกัญชา กับกระท่อม
วันเดียวกันยังไปที่ปัตตานี เพื่อทอดกฐินที่วัดยานิการาม อ.หนองจิก และเปิดตัว นายอรุณ เบ็ญจลักษณ์ รองนายก อบจ.ปัตตานี ลงสมัคร สส.เขต 2 ปัตตานี ในนามพรรคประชาชาติด้วย
สำหรับ นายอรุณ เบ็ญลักษณ์ เป็นพี่น้องกับ นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ สส.เขต 3 ปัตตานี พรรคประชาชาติ เมื่อปี 2566 เคยลงสมัคร สส.เขต 1 ปัตตานี ในนามของพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็สอบตก พ่ายให้กับ ผศ.วรวิทย์ บารู จากพรรคประชาชาติ
โดยครั้งนั้น อาจารย์วรวิทย์ มาเป็นอันดับ 1 ได้ 14,452 คะแนน ส่วนอันดับ 2 น.ส.เพชรดาว โต๊ะมีนา ได้ 12,770 คะแนน ส่วนนายอรุณ เบ็ญจลักษณ์ มาเป็นที่ 3 ด้วยคะแนน 12,363 คะแนน ถือว่าเบียดกันสูสี
การมาลงสมัคร สส.เขต 2 ปัตตานี ในนามพรรคประชาชาติของนายอรุณ ถือว่าเป็นงานหินเลยทีเดียว เพราะจะต้องเจอกับแชมป์เก่าอย่าง นายคอซีย์ มามุ จากค่ายลุงบ้านป่า พลังประชารัฐ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวแว่วๆ ว่า ถูกทาบทามเข้าข่ายสีน้ำเงินเรียบร้อยโรงเรียนบุรีรัมย์
ทั้งหมดนี้คือความเคลื่อนไหวจากปักษ์ใต้ และชายแดนใต้ ที่ส่งสัญญาณการเมืองเดือดเป็นพื้นที่แรกๆ ของประเทศ เพราะมีพรรคการเมืองเบียดชิงเก้าอี้กัน ทั้งประชาธิปัตย์ แชมป์เก่าที่กลายเป็นอดีต, ภูมิใจไทย แกนนำรัฐบาล ความหวังใหม่ของคนใต้ซึ่งกำลังมาแรง, กล้าธรรม ที่กวาด สส.ดาวฤกษ์ มีแสงในตัวเอง เข้าสังกัดเป็นจำนวนมาก และพรรคประชาชนที่ยังมาแรงในหมู่คนรุ่นใหม่ นิสิต นักศึกษา นักเรียน
นอกจากนั้นยังมี พรรคประชาชาติ แชมป์เก่าชายแดนใต้ และพลังประชารัฐที่ยังไม่ยอมพ่ายสังขาร แม้จะถูกมองว่าโรยรา แต่ใจยังบันดาลแรง!
@@ 5 ปัจจัยทำ “การเมืองใต้” เดือดสนามแรก!

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ภาคใต้มี สส.ไม่มากนัก ทั้งภาคสูงสุดก็ 60 คน มีจังหวัดแค่ 14 จังหวัด แต่ทำไมการเมืองถึงเดือดปุดๆ ตั้งแต่ไก่โห่
“ทีมข่าวอิศรา” รวบรวม 5 ปัจจัยมาอธิบายดังนี้
1.ปัจจุบันภาคใต้ “ไม่มีเจ้าของ” (ในทางการเมือง)

- ปชป.วูบ และยากที่จะฟื้นกลับมาในเวลาอันใกล้
- จากที่เคยกวาด สส.95%ในอดีต เหลือ 44% ในปี 62 และ 28% ในปี 68
- ปิดตำนานส่งเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ (ดูกราฟฟิกประกอบ)
2. เฉพาะพื้นที่ชายแดนใต้ โดยธรรมชาติก็ไม่มีพรรคใดเป็นเจ้าถิ่นอยู่แล้ว ตั้งแต่ยุควาดะห์แข่งกับประชาธิปัตย์ เพราะต่างฝ่ายต่างแบ่งเก้าอี้กันไป

- แม้แต่ยุคตากใบพ่นพิษ วาดะห์ตกหมด แต่ประชาธิปัตย์ก็กวาดได้ไม่หมด
- ยุคประชาชาติ ก็ได้แค่เกินครึ่งนิดหน่อย ไม่ได้กวาดยก 3 จังหวัด
3. กระแสอุดมการณ์จางหาย มองผลประโยชน์ใกล้ตัวมากกว่าเดิม
- ทำให้พรรคตอกเสาเข็ม ใจถึง แจ้งเกิด
- จับตาภูมิใจไทย กับกล้าธรรม
4. บ้านใหญ่ย้ายหนีประชาธิปัตย์

- ภูมิใจไทยเปิดไดโว่
- กล้าธรรมเดินเกมใต้ดิน
5. พรรคประชาชน (พรรคส้ม) ยังไม่แข็งแรงพอทึ่จะเอาชนะ สส.ระบบแบ่งเขต
- บรรยากาศแตกต่างจากเหนือ อีสาน ตะวันออก ทำให้พื้ันที่นี้เดือดก่อนทุกที่
--------------------
ขอบคุณ : กราฟฟิกจากรายการข่าวข้นคนข่าว เนชั่นทีวี
