
ใกล้จะครบกำหนด 4 เดือนตามเงื่อนไขใน MOA ที่รัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล ทำความตกลงเอาไว้กับพรรคประชาชน เพื่อขอเสียงสนับสนุนในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
ท่าทีของนายกฯอนุทิน ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่ง จนถึงปัจจุบัน ผ่านมาประมาณเดือนครึ่งกว่าๆ ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือ จะยุบสภาทันทีที่ครบ 120 วัน หรือ 4 เดือน ไม่ขอต่อเวลา
ในทางกลับกัน อยู่ไปอยู่มาทำท่าคะแนนนิยมจะลดต่ำ กระแสชาตินิยมย้อนศร ฝ่ายแค้นอย่างพรรคเพื่อไทยประกาศลับดาบยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจค่อนข้างแน่
การณ์กลับกลายเป็นว่า โอกาสของการยุบสภาก่อนเวลา คือ อยู่ไม่ครบ 4 เดือน เริ่มมีความเป็นไปได้มากขึ้น
ยิ่งสังเกตความเคลื่อนไหวของบรรดาพรรคการเมืองและนักการเมืองที่เปิดตัว เปลี่ยนสีเสื้อกันคึกคักสุดๆ ยิ่งมองเห็นเด่นชัด เพราะคนเหล่านี้รู้ทิศทางลม ทำให้น่าเชื่อว่า รัฐบาลน่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน จึงมีการยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนแน่นอน
พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็มีความเคลื่อนไหวและแรงกระเพื่อมทางการเมืองไม่แพ้ภูมิภาคอื่นของประเทศ หนำซ้ำอาจจะฝุ่นตลบว่าพื้นที่อื่นด้วยซ้ำ ทำให้คาดการณ์ได้ว่า เลือกตั้งหนนี้ “เดือด!” แน่นอน
@@ ภูมิใจไทยส่ง “กำนันบาฮา” ชิงเขต 1 ปัตตานี

ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 พ.ย.68 “โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำคนสำคัญของพรรคภูใจไทย ในฐานะแม่ทัพดูแลพื้นที่ภาคใต้ ได้เปิดตัว นายบาฮารุดดีน ยูโซะ หรือ “กำนันบาฮา” เป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.ปัตตานี เขต 1 ของพรรคภูมิใจไทย
“กำนันบาฮา” ถือเป็นคนกว้างขวางในพื้นที่ อำเภอเมืองปัตตานี มีกำนันทั้ง 10 ตำบลในเขตอำเภอเมืองเดินทางมาแสดงตัวสนับสนุน
นายพิพัฒน์ บอกถึงการเตรียมความพร้อมของพรรคภูมิใจไทยว่า จังหวัดปัตตานีมีผู้สมัครแล้ว 3 เขตจาก 5 เขต จังหวัดนราธิวาส มีผู้สมัครครบทั้ง 5 เขต ซึ่งคาดหวังที่จะได้ 2 เขตเป็นอย่างน้อย ส่วนจังหวัดยะลายืนยันว่าจะส่งครบทุกเขต
โดยก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวไปแล้ว 1 เขตที่ยะลา คือ นายประสิทธิ พงษ์สุวรรณศิริ น้องชายของ นายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ หรือ “หมอเสริฐ” อดีต สส.ยะลา 6 สมัยจากพรรคประชาธิปัตย์
สำหรับการเลือกตั้งปี 2566 พรรคภูมิใจไทยได้ สส.มาเพียง 1 เขต 1 คน ที่นราธิวาส จาก สส.ทั้งหมด 13 คน 13 เขต ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
@@ เปิดตัว “ผกก.อ๊อด” ชิง สส.เขต 9 สงขลา

โอกาสเดียวกัน นายพิพัฒน์ ยังได้เปิดตัว พ.ต.อ.พิทักษ์ พุทธวิโร หรือ “ผู้กำกับ อ๊อด” เป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 9 สงขลา ซึ่งในพื้นที่จังหวัดสงขลา พรรคภูมิใจไทยมีผู้สมัครแล้ว 7 เขต จาก 9 เขต และน่าจะมีเข้ามาอีกจนครบทุกเขต
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในพื้นที่ทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ ตนได้ส่งรายชื่อผู้สมัครที่แน่ชัดแล้ว 49 ชื่อ จากทั้งหมด 59 เขต ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมามี 60 เขต (ภูมิใจไทยได้ 12 ที่นั่ง) แต่ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ประชากรในจังหวัดนครศรีธรรมราชน่าจะลดลงไป จาก 10 เขต เหลือ 9 เขต จึงคาดว่าน่าจะมี 59 เขต ส่วนอีก 10 เขตที่เหลืออยู่ระหว่างการพูดคุยและสรรหาผู้สมัคร
“เราทยอยเปิดตัวไปเรื่อยๆ และวันที่ 23 พ.ย.68 น่าจะครบเกือบ 100% ที่สำคัญต้องประเมินว่า ผู้สมัครคนใดมีโอกาสมากที่สุด ก็จะนำเสนอผู้สมัครคนนั้นลงสมัครในรายเขต” แม่ทัพภาคใต้ของภูมิใจไทย ระบุ
@@ “หมอเพชรดาว” ยืนยันลงเขต 1 ปัตตานีเหมือนเดิม

หลังจากพรรคภูมิใจไทยเปิดตัว นายบาฮารุดดีน ยูโซะ เป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 1 ปัตตานี ทำให้เกิดกระแสในพื้นที่ว่า แพทย์หญิง เพชรดาว โต๊ะมีนา อดีตผู้สมัคร สส.เขตเดียวกันนี้ของภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งปี 66 ตกสำรวจไปได้อย่างไร ใครคือผู้สมัครตัวจริงกันแน่ เพราะ “หมอเพชรดาว” ก็เป็นลูกหม้อคนสำคัญของค่ายสีน้ำเงินมาโดยตลอด
ล่าสุด แพทย์หญิงเพชรดาว โพสต์คลิปผ่านเฟซบุ๊ก ทั้งภาษาไทยและภาษามลายู เพื่อแถลงยืนยันเจตนารมณ์เดิมในการลงสมัครรับเลือกตั้งเขต 1 ปัตตานี ในนามพรรคภูมิใจไทย โดยระบุว่า
“นับตั้งแต่วันที่ตัดสินใจลงรับสมัครผู้แทนราษฎรในนามพรรคภูมิใจไทยเมื่อปี 2562 มีความตั้งใจอย่างเดียวคือ ทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนชาวปัตตานีอย่างสุดความสามารถ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าบทบาทบนเวทีอภิปรายในสภาฯ หรือในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษาฯ ในวันนี้หมอยังคงทำงานทุกวัน พบปะชาวบ้านทุกพื้นที่ และรับฟังทุกปัญหาเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน พร้อมสานต่อเจตนารมณ์ของคุณปู่ ต่วนกูรู ฮัจยีสุหลง และคุณพ่อ คุณเด่น โต๊ะมีนา เสมอมา”
“สำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป หมอยังคงมีความตั้งใจที่จะลงรับสมัครในนามของพรรคภูมิใจไทย อย่างไรก็ตามหากพรรคมีมติหรือความเห็นเป็นอย่างอื่น หมอขออนุญาตสอบถามความคิดเห็นของพี่น้องชาวปัตตานีว่า ยังคงไว้วางใจและสนับสนุนหมอเหมือนเดิมหรือไม่ และหมอเคารพการตัดสินของพรรคเสมอ และขอยืนยันว่า ความมุ่งมั่น ตั้งใจต่อการทำงานของหมอไม่เคยเปลี่ยนแปลง จากวันนั้นจนถึงวันนี้และจากนี้ไป”
สำหรับการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 ที่ผ่านมา ในพื้นที่เขต 1 ปัตตานี หมอเพชรดาว ลงสมัครเลือกตั้ง สส. ในนามพรรคภูมิใจไทย ได้คะแนน 12,770 คะแนน มาเป็นอันดับ 2 พ่ายแพ้ให้กับ ผศ.วรวิทย์ บารู ผู้สมัคร สส.จากพรรคประชาชาติ ที่มาเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนน 14,452 คะแนน บวกลบคะแนนแล้ว หมอเพชรดาวแพ้ไปแค่ 1,682 คะแนนเท่านั้น
ส่วนการชิงชัยเก้าอี้ สส.เขต 1 ปัตตานี ในการเลือกตั้งปี 2569 ที่จะถึงนี้ นอกจากหมอเพชรดาว หรือ กำนันบาฮา จากพรรคภูมิใจไทยแล้ว ยังมี ผศ.วรวิทย์ บารู จากพรรคประชาชาติแชมป์เก่า ที่น่าจะลงรักษาเก้าอี้เหมือนเดิม และ นายอันวาร์ สาและ อดีต สส.หลายสมัยจากค่ายประชาธิปัตย์ แต่ย้ายออกไปแล้วตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งก่อน ลงแข่งขันด้วย
@@ “นายกชาย” โผล่ร่วมโต๊ะอาหาร “ลุงป้อม”

พูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ หลังจาก นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรค นำ สส.บางส่วนในกลุ่ม “เพื่อนเฉลิมชัย” ไปพบปะแกนนำ สส.ชายแดนใต้ของพรรคกล้าธรรม คล้ายส่งสัญญาณเข้าชายคากล้าธรรม ภายใต้การนำของ “ผู้กองธรรมนัส” ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคนั้น
ทำให้มีคำถามถึง “บ้านใหญ่ขาวทอง” ซึ่งมีหัวเรือใหญ่อย่าง นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือ “นายกชาย” สส.เขต 5 สงขลา อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะยังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป หรือจะย้ายค่าย
แต่การย้ายพรรคดูจะมีปัญหา เพราะจะย้ายไปกล้าธรรม ก็ติดปัญหากับ นายชนน์พัฒฐ์ นาคสั้ว หรือ “สส.กฤต” ที่เพิ่งถูกอายัดทรัพย์ชั่วคราวในคดีพนันออนไลน์ ส่วนค่ายภูมิใจไทยก็ไม่เปิดประตูรับ เนื่องจากช่วงที่ “นายกชาย” ดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ช่วงสั้นๆ ในรัฐบาลเพื่อไทย ในยุคนายกฯแพทองธาร ชินวัตร นั้น ได้เปิดฉากเล่นงานกรณี “ที่ดินเขากระโดง” อย่างเต็มสูบ
อนาคตของ “บ้านขาวทอง” จึงระส่ำพอสมควร มีข้อมูลออกมาเป็นระยะถึงความขัดแย้งภายในบ้าน ถึงขั้นต้องสั่งห้ามให้ข่าวเด็ดขาด จนกว่าจะมีความชัดเจน
กระทั่งเมื่อวันลอยกระทงที่ผ่านมา นายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง ลูกชายของนายเดชอิศม์ ได้ขึ้นเวทีประกาศตัวชัดเจนว่า อยู่ที่เดิม พรรคเดิม ประชาธิปัตย์เขต 9 และจะไม่ย้ายไปพรรคอื่น
ส่วนนายเดชอิศม์ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อล่าสุด หลังจากไปร่วมการประชุมหารือกับผู้ประกอบการในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยระบุว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะย้ายไปพรรคใด ช่วงนี้ขอทำงานในพื้นที่ ตรงไหนเป็นประโยชน์กับประชาชนก็อยู่ตรงนั้น ระยะนี้ขอทำข้อมูลฟังเสียงชาวสงขลาก่อน
แต่ล่าสุดมีข่าวว่า นายเดชอิศม์ อาจจะเบนเข็มจากพรรคกล้าธรรม ไปซบพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากมีข่าว “นายกชาย” ดอดเข้าไปพบและร่วมวงรับประทานอาหารกับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ “ประมุขบ้านป่ารอยต่อฯ” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
อย่างไรก็ตาม คงต้องรอฟังจากปากเจ้าตัวที่น่าจะออกมาประกาศความชัดเจนอีกครั้งในเร็ววันนี้
@@ “พ่อ-ลูก” แยกกันเดิน รวมกันตี?

แม้สังกัดของบ้านใหญ่ “ขาวทอง” ในขณะนี้ยังไม่ชัดว่าจะสวมเสื้อพรรคไหน แต่ที่ชัดเจนคือ 2 พ่อลูกขาวทองน่าจะต้องแยกกันเดิน เพราะนายศักดิ์สิทธิ์ ประกาศชัดแล้วว่า “ปักหลัก” บ้านเดิมประชาธิปัตย์ ส่วน “นายกชาย” ผู้พ่อ น่าจะไปต่อไม่ได้ในยุค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อย่างไรก็ดี ยังมีข่าวแนวๆ พบกันครึ่งทาง คือ นายเดชอิศม์ อาจจะถอยมาลง สส.แบบบัญชีรายชื่อ แล้วส่ง นายวงศ์วชิระ ขาวทอง ลูกชายอีกคนที่เป็น อดีต สจ.สงขลา มาลง สส.เขต 5 สงขลา แทนตนเอง
ส่วน “สส.น้ำหอม” สุภาพร กำเนิดผล ภรรยาคนสวยของนายเดชอิศม์ ก็ยังคงลงสมัคร สส.เขต 6 สงขลา เช่นเดิม ไม่ว่าจะอยู่พรรคใดก็ตาม
@@ พบ “วันนอร์ - ทวี” แต่ “เมธี ลาบานูน” ขอเว้นวรรค

ศิษย์เก่าประชาธิปัตย์อีกคนที่สร้างกระแสฮือฮาในช่วงสั้นๆ คือ “เมธี ลาบานูน” หรือ “เมธี อรุณ” นักร้องเพลงร็อกชื่อดัง อดีตผู้สมัคร สส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์
เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วปรากฏภาพถ่ายของ “เมธี ลาบานูน” เข้าพบหารือกับ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีตหัวหน้าพรรคประชาชาติ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติคนปัจจุบัน จนมีการจับตาจากหลายฝ่ายว่า อาจจะย้ายไปอยู่กับพรรคประชาชาติ ในการเลือกตั้งครั้งใหม่
ต่อมา นายเมธี ก็ได้ออกมาสยบข่าวดังกล่าว โดยยืนยันว่า ไปพบและพูดคุยกับ นายวันมูหะมัดนอร์ และ พ.ต.อ.ทวี ตามภาพที่ปรากฏจริง หลังได้รับการติดต่อมา แต่แจ้งว่ายังไม่พร้อมในการลงเลือกตั้งครั้งหน้า เนื่องจากรับปากเพื่อนร่วมวงลาบานูน ในการทำงานด้านดนตรีที่ยังมีงานรออยู่เยอะแยะไปหมด
นอกจากนั้นยังมีการเปิดภาพเข้าพบหารือกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยเช่นกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น
นายเมธี กล่าวว่า ในเมื่อพรรคใดพรรคหนึ่งสนใจในตัวเรา ก็ต้องขอบคุณ และหวังว่าโอกาสหน้าจะได้ร่วมงานกัน เพราะวันข้างหน้าไม่มีใครรู้ เราอาจจะได้ร่วมงานกัน ถ้าตนสนใจ
“ยิ่งพรรคประชาชาติ เป็นพรรคของคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมในฐานะเป็นคนสามจังหวัด ก็ดีใจที่อย่างน้อยคนสามจังหวัดมีพรรคการเมืองที่เป็นพรรคของตัวเอง ถึงแม้จะเป็นพรรคเล็กๆ ซึ่งในวันนั้นไปคุยแค่นี้”
นายเมธี ยังบอกอีกว่า ตอนนี้ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ ไม่ไปไหน แต่การลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ ได้บอกเจตนารมณ์ไปแล้วว่า ไม่ลงสมัคร เพราะคิวงานเยอะ จึงขอเว้นวรรค ส่วนเลือกตั้งรอบหน้า ค่อยพิจารณาอีกที
