
โพลชายแดนใต้ “SAMA-SAMA SURVEY 2025” เผยผลสำรวจคนสามจังหวัด 88% ประกาศจุดยืน "ไม่เอาซื้อเสียง" ชี้ผิดหลักศาสนา-ทำลายอนาคต ขณะที่ช่วงวิกฤตน้ำท่วมประชาชน 67.5% พึงพอใจพลังจิตอาสาคนรุ่นใหม่มากกว่านักการเมืองท้องถิ่น
มีความเคลื่อนไหวการสำรวจความคิดเห็นของคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ “โพล” จากกลุ่มคนทำงานในพื้นที่ เกี่ยวกับมุมมองทิศทางการเมืองของพี่น้องปลายด้ามขวาน
เป็นการเปิดเผยผลสำรวจ “SAMA-SAMA SURVEY 2025” ในหัวข้อ “ความพึงพอใจและข้อเสนอการเมืองท้องถิ่นปาตานี หลังน้ำลด” ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง กลุ่ม projek SAMA SAMA และ The Motive ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาสังคมและนักกิจกรรมในพื้นที่ โดยเป็นการเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 21-27 ธ.ค.68 จากกลุ่มตัวอย่างผู้ตอบแบบสอบถาม 221 รายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ประเด็นแรก เป็นความพึงพอใจต่อการทำงานของนักการเมืองท้องถิ่นในช่วงวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ (พ.ย.68) พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีทัศนคติไปในทาง “ไม่พึงพอใจ” ต่อผู้บริหารท้องถิ่น (นายก อบจ./ อบต./ เทศบาล) มีตัวเลขไม่พึงพอใจรวม 61.6% (พึงพอใจน้อยมาก 36.7% และน้อย 24.9%) ขณะที่มีผู้พอใจระดับมากถึงมากที่สุด 14.9%
ส่วนสมาชิกสภาท้องถิ่น มีทิศทางไม่ต่างกัน โดยมีผู้ไม่พึงพอใจรวม 57.9% (พึงพอใจน้อยมาก 35.7% และน้อย 22.2%)
โดยตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างระหว่างการบริหารจัดการของภาครัฐกับความเดือดร้อนจริงของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งมองว่ากลไกท้องถิ่นยังขาดประสิทธิภาพในการเผชิญเหตุและเยียวยา
อย่างไรก็ดี เมื่อสอบถามถึง “กลุ่มอาสาสมัครเยาวชนและคนรุ่นใหม่” ปรากฏว่าคำตอบของประชาชนกลุ่มตัวอย่างมีคะแนนความพึงพอใจสูง 67.5% (พึงพอใจมากที่สุด 48% และมาก 19.5%)
ผลสำรวจที่ออกมา กลุ่มผู้ทำสำรวจสรุปว่าประชาชนเริ่มให้การยอมรับและฝากความหวังไว้กับ “พลังหนุ่มสาว” มากกว่าโครงสร้างการเมืองแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะในยามที่เกิดภัยพิบัติ ซึ่งกลุ่มอาสาเข้าถึงพื้นที่ได้รวดเร็วและคล่องตัวกว่า

เมื่อถามถึงปัญหาเร่งด่วนที่ต้องการให้ทีมบริหารท้องถิ่นชุดใหม่เข้ามาแก้ไข ประชาชนสะท้อนปัญหา 5 ลำดับแรก ได้แก่
1.ยาเสพติด 68.8%
2.การศึกษาและเยาวชน 61.1%
3.ความโปร่งใส สุจริต 59.7%
4.ปากท้องและอาชีพ 59.7%
5.โครงสร้างพื้นฐาน 49.3%
ที่น่าสนใจ คือ ปัญหา “ยาเสพติด” ยังคงครองอันดับหนึ่ง
ขณะที่ความต้องการ “ความโปร่งใส” มีสัดส่วนเท่ากับปัญหาปากท้อง สะท้อนว่าชาวบ้านในจังหวัดชายแดนภาคใต้เบื่อหน่ายกับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในระดับท้องถิ่น
อีกหนึ่งประเด็นที่มีการสำรวจคือ ทัศนคติต่อการ “ซื้อสิทธิ์ขายเสียง” ซึ่งผลโพลชี้ให้เห็นถึงความตื่นตัวทางศีลธรรมและการเมืองที่เข้มข้น กล่าวคือ
ประชาชนกลุ่มตัวอย่าง 88.1% ยอมรับไม่ได้เด็ดขาดกับการซื้อสิทธิ์ขายเสียง โดยให้เหตุผลชัดเจนว่า เป็นสิ่งที่ผิดหลักศาสนาอิสลาม (Risywah) และเป็นการทำลายอนาคตของพื้นที่
โดยมีประชาชนกลุ่มตัวอย่าง 9.2% ที่ยังมองว่าการซื้อสิทธิ์ขายเสียงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ โดยระบุถึงปัจจัยความยากจนและการถูกทอดทิ้งจากภาครัฐ และ 2.8% มองว่าเป็นเรื่องปกติ
ทั้งนี้เสียงส่วนใหญ่กว่า 88% มองว่า การซื้อเสียงคือ สิ่งต้องห้ามทั้งในทางกฎหมายและศาสนา
ทีมจัดทำโพลสรุปว่า นผลที่ออกมาเป็นสัญญาณเตือนถึงนักการเมืองหน้าเก่าว่า กระบวนการแบบเดิมอาจใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปในการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง
