
แม่ทัพภาค 4 เผยคุมตัว 3 ผู้ต้องสงสัยที่แม่ลาน ปัตตานี โยงเหตุบึ้มภูเก็ต แฉระเบิดที่ใช้แค่เสียงดังแต่ไม่มีส่วนสังหาร ผู้ต้องหาสารภาพแกนนำขบวนการสั่งมาป่วน หวังทำลายเศรษฐกิจเมืองท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 18.30 น. วันพฤหัสบดีที่ 26 มิ.ย.68 ที่ค่ายเสนาณรงค์ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ให้สัมภาษณ์ถึงการจับกุมหนุ่งปัตตานี 2 ราย พร้อมอุปกรณ์ประกอบระเบิดที่ จ.พังงา เมื่อวันอังคารที่ 24 มิ.ย. จนมีการขยายผลสกัดเหตุลอบวางระเบิดหลายจุดใน จ.ภูเก็ต
โดยบอกว่า เริ่มต้นจากที่มีแหล่งข่าวประชาชนแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าพบบุคคลต้องสงสัยในพื้นที่ จ.พังงา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสกัดจับกุมได้ 2 คน และมีความสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงมีการส่งตัวมาที่ จ.ปัตตานี เพื่อให้ทางตำรวจภูธรภาค 9 ดำเนินการซักถาม
“จากข้อมูลที่ได้รับทราบพบว่า มีความเกี่ยวข้องกับการเตรียมการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และฝั่งอันดามัน ก็นำไปสู่การขยายผลเพิ่มเติมต่างๆ โดยผู้ก่อเหตุรับสารภาพว่า ได้รับสั่งการจากแกนนำของขบวนการที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านให้มีการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่เมืองเศรษฐกิจฝั่งอันดามัน ไล่มาตั้งแต่กระบี่ พังงา และภูเก็ต“
”จากผลการซักถามยังทำให้สามารถขยายผลควบคุมตัวได้อีก 3 คน ที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี พบว่า มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน”
พล.ท.ไพศาล กล่าวอีกว่า ผู้ก่อเหตุต้องการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ เริ่มจากกระบี่ พังงา และภูเก็ต เป็นการก่อเหตุด้วยระเบิด แต่จากการตรวจสอบระเบิดพบว่า เป็นระเบิดที่ไม่มีส่วนสังหาร คือมีเพียงเชื้อปะทุ ดินขยาย แต่ไม่มีส่วนที่จะทำลาย (สะเก็ดระเบิด) ทำให้ระเบิดมีแค่เสียง จึงแค่ต้องการให้มีเหตุการณ์และสถานการณ์ในพื้นที่
“คิดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุต้องการทำลายระบบเศรษฐกิจหลักของจังหวัดภาคใต้ เพราะเมืองชายฝั่งอันดามันทั้ง 3 จังหวัดเป็นเมืองเศรษฐกิจและเมืองท่องเที่ยว ซึ่งทำรายได้เข้าสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมาก”
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงมาตรการดูแลพื้นที่ว่า ต้องขอบคุณเครือข่ายเฝ้าระวังในพื้นที่เมืองท่องเที่ยว ทั้งกระบี่ พังงา และภูเก็ต จากเคสนี้ภาคประชาชนในพื้นที่แจ้งเจ้าหน้าที่หลังพบบุคคลต้องสงสัย จนนำไปสู่การควบคุมตัว ซึ่งฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงต้องการที่จะทำลายพื้นที่เศรษฐกิจ โดยต้องการให้เกิดภาพการมีเหตุระเบิดในพื้นที่
“ขอบคุณความพร้อมของเจ้าหน้าที่ ทั้งตำรวจภูธรภาค 8 ภาค 9 ที่มาร่วมกัน ประสานสอดคล้องกันอย่างใกล้ชิด รวมถึงในส่วนของ กอ.รมน. จังหวัด ทั้งกระบี่ พังงา และภูเก็ต ในการร่วมทำงานกัน หลังจากนี้คงต้องยกระดับการปฏิบัติงานให้มากขึ้น ทั้งในการเฝ้าระวังกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจากในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะออกไปก่อเหตุนอกพื้นที่”
