
ฮือฮาพอสมควร... ภายหลัง “หมอจุ๊ก” นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบท ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่าตนเองกำลังจะถูกดำเนินการให้ออกจากราชการ
เนื้อหาในเฟซบุ๊กอ้างว่า สาเหตุหลักมาจากกรณีการจัดซื้อชุดตรวจ ATK ในโครงการ “แพทย์ชนบทบุกกรุง” ช่วงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งขณะนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายการเมือง และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขบางส่วน
อ่านประกอบ : โพสต์เฟซบุ๊กของ นพ.สุภัทร
“ทีมข่าวอิศรา” ติดต่อไปยัง นพ.สุภัทร เพื่อสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ได้รับคำชี้แจงว่า เรื่องที่โพสต์เป็นเรื่องจริง ถือเป็น “วัฒนธรรมการทำงานในระบบราชการไทย” ข้าราชการไทยอยู่ยาก ต้องเดินกุมเป้า เงียบๆ พูดน้อย นายว่านกเราก็นก หากต้องการความเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ ก็ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องทุจริต ไร้ประสิทธิภาพ หรือนโยบายที่ผิดเพี้ยน
อย่างไรก็ตาม นพ.สุภัทร ยืนยันว่า ตนเองยังคงแสดงความเห็นคัดค้านในหลายประเด็นมาโดยตลอด ทั้งในกระทรวงสาธารณสุขและเรื่องสิ่งแวดล้อม จึงทำให้ถูกมองว่าเป็น “กรวดในรองเท้า” ของใครบางคน และเชื่อว่าผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบันบางคน มีธงที่จะจัดการตนเอง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยกว่า 10 เรื่อง แต่จบลงด้วยการตักเตือนและภาคทัณฑ์ จนกระทั่งมาถึงคดีการจัดซื้อชุดตรวจ ATK มีการกล่าวหาว่าทำผิดระเบียบ ทุจริตเพื่อประโยชน์เอกชน สร้างความเสียหายต่อหน่วยงานภาครัฐ
นพ.สุภัทร ชี้แจงถึงที่มาของปัญหาว่า ในช่วงเดือน ก.ค.ถึง ส.ค. 2564 ทีมแพทย์ชนบทอาสาเข้าไปช่วยตรวจโควิดในกรุงเทพฯ การจัดหา ATK เป็นสิ่งที่ยากที่สุด เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขไม่มีชุดตรวจให้ และในขณะนั้นยังใช้มาตรฐานการตรวจแบบ RT-PCR อยู่ ทีมแพทย์จึงตัดสินใจจัดซื้อ ATK มาใช้เองตามสถานการณ์จริง โดยในส่วนของโรงพยาบาลจะนะ (นพ.สุภัทร เคยเป็นผู้อำนวยการ) ได้จัดซื้อไปทั้งหมด 5 ครั้ง เพื่อให้ทุกคนที่มารอได้รับตรวจ
จากปฏิบัติการดังกล่าว ได้ทำการตรวจไปแล้วกว่า 192,905 คน และพบผู้ติดเชื้อกว่า 22,451 คน แต่การจัดซื้อในครั้่งนั้นกลับถูกนำมาเป็นเหตุให้ตนถูกตั้งข้อหาว่า “จัดซื้อผิดระเบียบ แบ่งซื้อแบ่งจ้าง” ทั้งที่โรงพยาบาลอื่นที่ร่วมปฏิบัติการในครั้งนั้นไม่ถูกสอบสวน และการชี้แจงอย่างละเอียดของตนก็ไม่เป็นผล เนื่องจากกรรมการมีมติให้ตนออกจากราชการ
โดย นพ.สุภัทร เชื่อว่าเป็นภารกิจสำคัญของผู้บริหารกระทรวงบางคน ก่อนเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้

สำหรับการตรวจหาเชื้อโควิดในช่วงแรก ใช้การตรวจในห้องปฏิบัติการ โดยการเก็บตัวอย่างส่งแล็บ หรือ RT-PCR ซึ่งกลุ่มแพทย์ชนบทมองว่าไม่ทันการณ์ และทำให้เกิดการแพร่เชื้อระหว่างรอผลตรวจ จึงมีการเสนอให้ใช้ชุดตรวจที่ตรวจได้เองที่บ้าน คือ Antigen Test Kit หรือ ATK แต่ในช่วงแรกกระทรวงสาธารณสุขยังไม่มีนโยบาย และภายหลังยังมีความเห็นขัดแย้งกันระหว่างกลุ่มแพทย์ชนบทกับผู้บริหารกระทรวง เกี่ยวกับยี่ห้อของ ATK ที่เลือกจัดซื้อด้วย
นพ.สุภัทร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพยายามชี้แจงภายในระบบมาโดยตลอด ไม่ต้องการให้เรื่องเผยแพร่สู่สาธารณะ แต่เมื่อถูกต้อนจนไร้ทางออก จึงถึงเวลาที่จะต้องเปิดเผยความจริงให้สังคมรับทราบ
พร้อมทิ้งท้ายว่า “ถ้าเชื่อมั่นในความเป็นผม เรามาสู้ด้วยกัน ระบบราชการต้องมีความเป็นธรรมให้กับข้าราชการและประชาชนได้ ประเทศจึงจะมีความหวัง”
@@ รอลุ้นกรรมการชุดสุดท้าย แฉตั้งธงให้ออกนานแล้ว

นพ.สุภัทร บอกกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ตอนนี้ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ จนกว่าคณะกรรมการอีกชุดจะมีมติ
“ที่ผ่านมา คณะกรรมการสอบสวนวินัยก็ไม่เคยเรียกไปให้ข้อมูลด้วยวาจาเพิ่มเติมเลย เมื่อวานคณะกรรมกรทางวินัยก็มีการประชุมและสรุปผล ว่าผมมีความผิด มีมติให้ออกจากราชการ แต่ยังไม่เห็นลายลักษณ์อักษร ตอนนี้ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ จนกว่าคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยจะส่งความเห็นของเขาไปที่คณะกรรมการกระทรวงสาธารณสุข ยังมีคณะกรรมการอีกชุดหนึ่งที่ต้องให้ความเห็น ชุดนั้นรัฐมนตรีเป็นประธาน ถ้าให้ความเห็นว่าเห็นด้วย ผมก็ถูกออกจากราชการ”
“ถือว่าเล่นกันไม่หยุดจริงๆ เขาพยายามจะให้ออกราชการตั้งแต่เรื่องย้ายแล้ว ตอนนั้นยังไม่มีเหตุที่พอจะอ้างได้ ก็เลยจับย้ายก่อน”
@@ เปิดสารพัดข้อหา “หมอจุ๊ก” อยู่ไม่เป็นสุขในชีวิตราชการ
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 ม.ค.66 นพ.สุภัทร ฮาสุวรรรกิจ โดนคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ย้ายจากตำแหน่ง ผอ.โรงพยาบาลจะนะ ไปดำรงตำแหน่ง ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกัน จึงอาจมองได้ว่าเป็นการหมุนเวียนการทำงาน เนื่องจาก นพ.สุภัทร มีความชำนาญในการบริหารจัดการโรงพยาบาลจะนะ จึงมีการหมุนเวียนให้ไปบริหารโรงพยาบาลสะบ้าย้อย เพื่อให้เกิดการพัฒนา โดยทั้ง 2 โรงพยาบาล อยู่ใน อำเภอจะนะ กับ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาความมั่นคงเหมือนๆ กัน
แต่การโยกย้าย นพ.สุภัทร ดังกล่าว ถูกกระแสวิพากวิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงเบื้องหลังว่าเป็นการสั่งย้ายจากฝ่ายการเมือง เนื่องจากที่ผ่านมา นพ.สุภัทร ได้ออกมาวิพากวิจารณ์นโยบายกัญชาเสรี ของพรรคภูมิใจไทย สมัย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมถึงนโยบายการจัดหาวัคซีนโควิด และชุดตรวจ ATK ซึ่งทาง นพ.สุภัทร เองก็มองสาเหตุการสั่งย้ายมาจากเรื่องเดียวกันนี้ และมองว่าเป็นการย้ายอย่างไม่เป็นธรรมกับตัวเอง
กระทั่งกลางเดือน พ.ค.66 มีคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง นพ.สุภัทร ในเรื่องที่ นพ.สุภัทร ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ดำเนินการจัดซื้อและได้สั่งอนุมัติให้จัดซื้อวัสดุวิทยาศาสตร์การแพทย์ รายการเวชภัณฑ์ชุดตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในแต่ละครั้งที่มีวงเงินเกิน 2 ล้านบาท จำนวน 5 ครั้ง อันเป็นการฝ่าฝืนต่อระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 เป็นการปฏิบัติราชการเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้สำหรับบริษัทผู้ขายหรือผู้อื่น และทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง
ทั้งยังได้ดำเนินการสั่งซื้อไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือวิธีการตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ไม่เร่งจัดทำรายงานขอความเห็นชอบต่อหัวหน้าหน่วยงานของรัฐเมื่อได้จัดซื้อวัดเวชภัณฑ์ชุดตรวจ ATK ไปแล้ว ทำให้ทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง

นอกจากนั้นยังมีกรณีการก่อสร้างอาคารบริการ 8 ชั้น ตามสัญญาเลขที่ 160/2563 ลงวันที่ 14 พ.ย.2562 วงเงิน 80 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าจะนะ กำหนดแล้วเสร็จ 900 วัน กำหนดงวดงาน 23 งวดงาน ซึ่ง นพ.สุภัทร ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการตรวจรับพัสดุ ได้ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารบริการ 8 ชั้น ในส่วนงานก่อสร้างทางเชื่อมระหว่างอาคาร 8 ชั้น กับอาคารผู้ป่วยใน และงานลดระดับความสูงชั้นที่ 2-5 ชั้นละ 50 เซนติเมตร ถือเป็นการปฏิบัติราชการเพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้สำหรับบริษัทผู้รับจ้างหรือผู้อื่น และทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง
ทั้งยังได้เสนอให้ดำเนินการจัดซื้อลิฟต์โดยสารพร้อมติดตั้ง ในขณะที่การก่อสร้าง อาคาร 8 ชั้นอยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรือยังไม่แล้วเสร็จ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 หมวด 6 อันเป็นกรณีมีพยานหลักฐานเบื้องต้น ในเรื่องกรณีปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
