
ในที่สุดการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กับรักษาการนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล เพื่อคลี่คลายสถานการณ์สู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา น่าจะเกิดขึ้นแน่นอนในช่วงค่ำวันนี้
ประเด็นที่หลายฝ่ายสนใจ นอกจากสถานะและอำนาจเต็มของนายกฯอนุทินแล้ว ก็คือ จะคุยกับทรัมป์อย่างไร จึงจะเป็นประโยชน์กับไทยมากที่สุด เพราะก่อนหน้านี้นายกฯอนุทิน เคยให้สัมภาษณ์แนวๆ ไม่เห็นด้วย หากจะเดินตามแนวทางเดิม คือ หยุดยิงแล้วทำข้อตกลงร่วมกัน เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง
ประเด็นเหล่านี้ อดีตเอกอัครราชทูตประจำสหรัฐอเมริกา ท่านพิศาล มาณวพัฒน์ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษ “รายการเนชั่นวิเคราะห์ข่าว” เอาไว้อย่างน่าสนใจ
อดีตทูตพิศาลได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ไทยจะต้องคว้าโอกาสจากการติดต่อกับทรัมป์ โดยไม่ควรท้อถอยในการใช้ช่องทางนี้ เพราะเชื่อมั่นว่า บทบาทของทรัมป์จะเป็นประโยชน์กับไทย และกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ฉะนั้นนายกฯอนุทินควรรับสายโทรศัพท์ด้วยความมั่นใจว่าทรัมป์จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย

อดีตทูตพิศาล ยังแนะนำให้นายกฯอนุทินใช้การ “อวย” ทรัมป์ เป็นแท็กติกในการเจรจา
“ต้องเข้าใจว่าทรัมป์ชอบให้คนยกย่องและชื่นชม ดังนั้นไม่ควรเขินที่จะกล่าวชมเชยเพื่อสร้างความรู้สึกที่ดีต่อเรา”
“เป้าหมายสำคัญของการพูดคุยคือการใช้ทรัมป์ให้ไปกดดันฝ่ายกัมพูชา ทั้งฮุนเซน และ ฮุน มาเนต โดยคีย์เวิร์ดสำคัญคือ ท่านนายกฯจะต้องชี้แจงการละเมิดปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ ที่ทรัมป์เป็นสักขีพยาน เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดปฏิญญาของทรัมป์เองครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ใช่ไทยเป็นฝ่ายละเมิด”
อดีตทูตพิศาล แนะนำแท็กติกการเจรจาเพิ่มเติมว่า “นายกฯอนุทิน ต้องแสดงความรู้สึกอยากจะปรับทุกข์กับทรัมป์เกี่ยวกับ ‘เพื่อนบ้านเกเร’ เพราะทรัมป์ก็ปวดหัวกับเพื่อนบ้านของตนหลายๆ ประเทศเช่นกัน โดยกัมพูชามีกิจกรรมที่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ คือ สแกมเมอร์ และเป็นฝ่ายการละเมิดปฏิญญา ทำให้ทหารไทยขาขาด และยังเปิดการโจมตีก่อน"
“นอกจากนั้น การที่กัมพูชาเป็นศูนย์กลาง หรือ Hub ของแก๊งสแกมเมอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็ต้องเป็นประเด็นที่นายกฯอนุทินหยิบยกขึ้นมาพูดกับทรัมป์ เพราะคนอเมริกันก็ได้รับผลกระทบอย่างมาก”
“ท่านนายกฯต้องใช้โทนเสียงที่ทำให้ทรัมป์รู้สึกร่วม ควรทำให้ทรัมป์พอใจและรู้สึกเป็น ‘หัวอกเดียวกัน’ ในฐานะที่เขาก็กำลังมีปัญหากับประเทศเพื่อนบ้านที่ก่อปัญหา หรือ neighbor เกเร อยู่เหมือนกัน”
อดีตทูตพิศาล ยังเสนอให้กระทรวงการต่างประเทศเตรียม “โพย” ที่โดนใจทรัมป์ เนื่องจากเป็นการคุยโทรศัพท์ จึงควรเตรียมบทพูด หรือโพยเอาไว้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเขียนขึ้นมา โดยต้องเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย ตรงประเด็น และ “แทงใจทรัมป์” เพื่อให้ทรัมป์มีความรู้สึกว่าผู้นำไทยกำลังมีความเดือดร้อนกับเพื่อนบ้านที่เกเรจริงๆ
อีกด้านหนี่ง อดีตทูตพิศาล ยังมีข้อเสนอแนะสำหรับการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ กรณีของ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ซึ่งกำลังเดินสายให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศระดับโลกอย่างแข็งขัน

อดีตทูตพิศาลแนะนำว่ากระทรวงการต่างประเทศไม่ควรถอดใจและควรเร่งความพยายามทางการทูตคู่ขนานไปกับการปฏิบัติการทางทหาร
“และควรทำมากกว่านั้น คือเดินทางไปล็อบบี้มหาอำนาจด้วยตนเอง รัฐมนตรีต่างประเทศควรเดินทางไปวอชิงตันเพื่อจับเข่าคุยกับผู้นำคองเกรสที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายปราบปรามสแกมเมอร์ และควรบินไปปักกิ่งเพื่อพูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศหวัง อี้ เพื่อให้จีนกดดันกัมพูชา”
“นอกจากนั้น ระหว่างการสัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ควรใช้ภาพสถานการณ์จริงประกอบเพื่อเพิ่มความหนักแน่นของหลักฐาน โดยเฉพาะในการให้สัมภาษณ์สื่อสากล เช่น Al Jazeera รัฐมนตรีควรใช้โอกาสนี้เน้นย้ำจุดอ่อนของกัมพูชาและจุดแข็งของไทย โดยเฉพาะประเด็นทุ่นระเบิดสังหารที่กัมพูชาใช้ รวมถึงเรื่องสแกมเมอร์”
“ถ้าเป็นผม จะมีการจัดฉากหลัง คือ Backdrop ด้วยภาพหลักฐานในการจัดประชุมหรือให้สัมภาษณ์ โดยใช้ภาพประกอบเพื่อสื่อความหมายและเพิ่มน้ำหนัก ไม่ใช่แค่การพูดเพียงอย่างเดียว เช่น ภาพทุ่นระเบิดที่เก็บกู้ได้ใหม่ ๆ พร้อมผู้สังเกตการณ์, ภาพกาสิโนสแกมเมอร์, ภาพพลเรือนบาดเจ็บที่ทางการไทยต้องหามออกจากโรงพยาบาลซึ่งถูกกัมพูชายิงเข้าใส่”
อดีตทูตพิศาล สรุปว่า ภาพเหล่านี้จะช่วยสื่อสารให้โลกรู้ว่า “การรบของเราอยู่ในกรอบ ส่วนการรบของฝ่ายกัมพูชาละเมิดกรอบเสมอ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการรับรู้ของสื่อต่างประเทศที่อาจลงข่าวสร้างความเข้าใจผิดได้”
------------------
ขอบคุณภาพจากรายการเนชั่นวิเคราะห์ข่าว
