
ความรุนแรง 2 เหตุการณ์ล่าสุด...
โชเล่ย์บอมบ์ข้างกำแพงแฟลตตำรวจ สภ.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส นักเรียนฮาฟิส (เรียนอัลกุรอาน) โดนสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บหลายคน
กราดยิงกลางวงข้าวชาวบ้านไทยพุทธ ที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส มีผู้บาดเจ็บอีก 6 ราย
อย่าด่วนสรุปว่า 2 เหตุใหญ่ที่ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นผู้ถูกกระทำ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ จะทำให้กลุ่มป่วนใต้ถูกประณามจนไร้ที่ยืนในดินแดนปลายด้ามขวาน
เพราะแท้ที่จริงแล้วคนที่เสียหายมากกว่าคือ “รัฐไทย” และ “ฝ่ายความมั่นคง”
เนื่องจากกลุ่มก่อความไม่สงบ หรือพูดให้ชัดคือ “ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” มีขบวนการสร้างข่าวบิดเบือนให้เข้าทางตัวเองอย่างเข้มแข็ง
เนื่องจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนมีกระบวนการเยียวยาในแบบของตน ซึ่งตรงตามหลักศาสนา ทำให้ได้ใจยิ่งกว่ารัฐเยียวยา
และต้องไม่ลืมว่า สถานะของ “รัฐไทย” ในความคิดและความรู้สึกของชาวบ้านร้านตลาดทั่วๆ ไปในพื้นที่ คือไม่สามารถดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพวกเขาได้
นี่คือความต้องการพื้นฐานของทุกคนและทุกชุมชน เมื่อรัฐจัดให้ไม่ได้ เครดิตย่อมเสื่อมถอย โดยชาวบ้านจะค่อยๆ ลืมคิดไปทีละนิดทีละน้อยว่า ใครที่เป็นฝ่ายผิด ใครที่เป็นฝ่ายก่อ แต่เมื่อตัวเองเดือดร้อน ทุกคำถามก็จะย้อนกลับไปที่ “ฝ่ายรัฐ”
อาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านความมั่นคงชื่อดัง ขมวดปมนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจและมองเห็นภาพ
“ความเป็นรัฐกำลังถูกลดทอนลงเรื่อยๆ โดยรัฐบาลไม่มีความเข้าใจ และจนป่านนี้ยังแก้ปัญหาไม่ตรงจุด
เพราะการลดทอนความเป็นรัฐนี้ สุดท้ายจะทำให้ความภักดีต่อรัฐหมดลงไปในตัวเอง และจบลงด้วยการหมดความชอบธรรมในพื้นที่ ไม่ว่าจะทำดีหรือไม่ดี ลบหรือบวกก็ตาม”
อาจารย์สุรชาติ ชี้ว่า นี่คือหลักการพื้นฐานของสงครามก่อความไม่สงบ ซึ่งรัฐบาลไทยและกองทัพไทยยังไม่เข้าใจมากพอ จึงต้องเร่งทำความเข้าใจก่อนที่จะเกิดอาการเพลี่ยงพล้ำไปเรื่อยๆ และมากกว่านี้บนความไม่เข้าใจปัญหาของสงคราม
ต้องไม่ลืมว่า 21 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายรัฐเป็น “ฝ่ายรับ” โดยแสดงบทบาทเป็น “ฝ่ายรุก” น้อยมาก ทั้งในทางการทหารและการเมือง
การรุกในบางกรณี บางบริบทก็ผิดวิธี ไปใช้วิธีการที่ทำให้ถูกมองว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำให้กลายเป็น “ฝ่ายรับ” ยิ่งกว่าเก่า แถมถูกกลุ่มขบวนการรุกไล่
ปัญหาปีที่ 21 ย่างเข้าปีที่ 22 ของไฟใต้ จึงกลับมาสู่ปีที่ 1 ของสงครามภาคใต้นั่นเอง
สรุปว่า 21 ปี งบไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้าน แทบไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย!
