
รัฐบาลยังคงเร่งสื่อสารข้อมูลการฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ หลังอุทกภัยใหญ่ผ่านพ้นไป พร้อมๆ กับสยบข่าวยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเกิน 500 ศพ จนถึง 1,000 ศพ ว่าไม่เป็นความจริง โดยนำข้อมูลเชิงประจักษ์มาชี้แจงละเอียดยิบว่า มีศพทั้งหมด 131 ศพ และมีเกือบครึ่งที่เสียชีวิตจากโรคที่เป็นอยู่เดิม
วันเสาร์ที่ 29 พ.ย.68 ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) โดย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษก ศป.กฉ. พร้อมด้วย พล.ท.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองทัพไทย ในฐานะโฆษก ศป.กฉ. ส่วนหน้า และ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษก ศป.กฉ. ได้ร่วมแถลงผลการประชุม ศป.กฉ.
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้มีการพูดคุยถึงแนวทางเร่งรัดติดตามสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งสภาพอากาศปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ปริมาณน้ำฝนลดลง คิดว่าสภาพอากาศเป็นแบบนี้จะสามารถระบายน้ำในพื้นที่ท่วมขังให้แห้งได้ภายใน 3-5 วัน พร้อมทั้งเร่งรัดให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ปล่อยน้ำประปาให้กับประชาชนได้ใช้ก่อนภายในวันที่ 29 พ.ย. ซึ่งได้กำชับว่า น้ำประปาไม่ต้องรอพร้อม 100% สำคัญที่สุดคือทำอย่างไรให้ประชาชนได้ใช้ก่อน
“ดังนั้นวันนี้น่าจะมีการปล่อยน้ำประปาในทุกพื้นที่ แต่ต้องขออภัยหากน้ำที่มาช่วงแรกอาจจะเบาหน่อย หรือน้ำยังไม่ใส 100% ส่วนไฟฟ้าสามารถกู้คืนมาได้มากกว่า 80% แล้ว เหลืออีก 20,000 หลังคาเรือน จาก 700,000 หลังคาเรือนที่ยังไม่สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าได้ เนื่องจากต้องดูเรื่องความปลอดภัยของอุปกรณ์ที่ใช้ไฟและความปลอดภัยของประชาชนด้วย”
นายสิริพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับยอดผู้เสียชีวิต ณ วันที่ 29 พ.ย.68 เวลา 08.00 น. รวม 8 จังหวัดภาคใต้ 162 ราย แบ่งเป็น จังหวัดนครศรีธรรมราช 9 ราย พัทลุง 4 ราย สงขลา 126 ราย ตรัง 2 ราย สตูล 5 ราย ปัตตานี 7 ราย ยะลา 5 ราย และนราธิวาส 4 ราย
@@ สธ.ระบุยอดศพรวม 131 - มี 64 ศพตายผิดธรรมชาติช่วงน้ำท่วม

ส่วนที่ศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ (ม.อ.หาดใหญ่) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายแพทย์ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุด ณ เวลา 16.00 น. มีศพเข้ามาที่โรงพยาบาล รวมแล้ว 131 ศพ แบ่งเป็นศพที่มาจากโรงพยาบาลหาดใหญ่ที่มีอยู่ตั้งแต่ต้น และเป็นผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล ม.อ.ในช่วงน้ำท่วม แต่เกิดจากโรคที่เขาเป็นอยู่ 67 ศพ
ทำให้ตอนนี้มีเคสที่โรงพยาบาลดูแลอยู่เหลือ 64 ศพ ซึ่งเป็นศพเสียชีวิตผิดธรรมชาติในช่วงที่เกิดภัยพิบัติน้ำท่วม ที่ต้องอยู่ในการดำเนินการตรวจพิสูจน์ เนื่องจากเสียชีวิตจากน้ำท่วม กรณีนี้จะต้องพิสูจน์อัตลักษณ์อีกหลายอย่าง
“ขณะนี้จาก 64 ศพ แยกเป็นศพที่ไม่ทราบชื่อ 38 ศพ ดำเนินการตรวจพิสูจน์ไปแล้ว 19 ศพ ยังคงเหลือรอตรวจพิสูจน์อีก 19 ศพ อีกส่วนคือศพที่มีชื่อ 26 ศพ ตรงนี้ไม่ต้องมีการตรวจพิสูจน์เต็มรูปแบบ เพราะว่ามีการยืนยันตัวตน ทราบชื่อและข้อมูลอยู่แล้ว”
สำหรับการเข้ามาของศพผู้เสียชีวิตที่ศูนย์ปฏิบัติการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลฯ ตั้งต้นแรกเริ่มมีจำนวน 110 ศพ ผ่านมาเป็นเวลา 2 วัน มีศพเข้ามาเพิ่ม จำนวน 21 ศพ ทำให้มีศพทั้งหมด 131 ศพ
@@ “อ.วันนอร์” ลุยรามัน ลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประสบภัย

วันเดียวกัน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา พร้อมด้วย นายซูการ์โน มะทา สส.ยะลา เลขาธิการพรรคประชาชาติ ลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชน ที่ ต.วังพญา อ.รามัน จำนวน 7 หมู่บ้าน ที่โรงเรียนบ้านโต๊ะปาแก๊ะ อ.รามัน โดยมีประชาชนมารับสิ่งของอุปโภคบริโภค จำนวน 300 คน
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ขออภัยที่ไม่สามารถลงพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากติดภารกิจการเดินทางเยือนรัฐกาตาร์อย่างเป็นทางการตามคำเชิญของรัฐกาตาร์ แต่เมื่อตนเดินทางถึงประเทศไทยแล้ว ได้รีบลงพื้นที่งทันที ซึ่งตนได้ติดตามสถานการณ์จากนายอำเภอรามันและผู้บริหารท้องถิ่น ทราบว่าได้มีการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในที่พักอาศัยให้ออกมายังพื้นที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต จำนวน 3 ราย ในเหตุการณ์ครั้งนี้
“ผมมีความพยายามแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ จ.ยะลา มาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มวางแผนตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา มีการเชิญหน่วยงานราชการประชุมร่วมกัน ทั้งที่อาคารรัฐสภา และในพื้นที่ จ.ยะลา ปัญหาฝนฟ้าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่สามารถบริหารจัดการได้ หากมีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าที่ดี ความเสียหายก็จะต่ำ”

ทั้งนี้โครงการ “ยะลาโมเดล” สำหรับการแก้ปัญหาอุทกภัยเป็นโครงการที่ประธานรัฐสภามีดำริให้จัดทำขึ้น โดยเป็นความร่วมมือกับหน่วยงานราชการในหลายระดับ ทั้งส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น มีนักวิชาการร่วมกันหาแนวทางในการป้องกันปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ จ.ยะลา โดยเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2568
การดำเนินโครงการประกอบด้วยหลายแนวทาง อาทิ การเพิ่มช่องทางการระบายน้ำด้วยการขุดลอกคลองระบายน้ำเดิม การหาช่องทางระบายน้ำเพิ่มเติมเพื่อรองรับกับปริมาณน้ำฝน, การจัดการศูนย์พักพิง, การจัดหาเรือช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเพิ่มเติม และการวางมาตรการทางการแพทย์ เป็นต้น
@@ มอบ “น้ำดื่ม” 7,200 แพ็ค ช่วยน้ำท่วมชายแดนใต้

วันเดียวกัน บริษัท สราญ เบฟเวอเรจส์ จำกัด ผู้ผลิต “น้ำดื่มซาร่า” ตั้งโรงงานอยู่ที่ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ บริหารงานโดย นายอภิชาติ โรจน์สราญรมย์ และ นายธนกฤต เลิศไกรธนาภา ที่ปรึกษาบริษัทฯ ได้ร่วมกับเนชั่นทีวี เป็นตัวแทนส่งมอบ “น้ำดื่มซาร่า” จำนวน ทั้งสิ้น 7,200 แพ็ค ให้กับ สมาคมสื่อมวลชนเพื่อพัฒนาชายแดนภาคใต้ (JSD-South) เพื่อวางแผนกระจายน้ำดื่มลงสู่พื้นที่เป้าหมายที่ได้รับความเดือดร้อนหนักใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

ทั้งนี้ สมาคมสื่อฯ ได้ใช้เครือข่ายจิตอาสา รวมถึงผู้สื่อข่าวในพื้นที่ กระจายมอบน้ำดื่มให้ผู้ประสบภัยในพื้นที่ อ.สะเดา อ.สะบ้ายอย อ.นาทวี อ.หาดใหญ่ อ.สทิงพระ และ อ.เทพา จ.สงขลา จำนวน 4,200 แพ็ค จ.ปัตตานี จำนวน 1,000 แพ็ค จ.ยะลา จำนวน 1,000 แพ็ค และ จ.นราธิวาส จำนวน 1,000 แพ็ค
@@ เปิดครัวปรุงข้าวกล่อง ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมปัตตานี

อีกด้านหนึ่ง นายแพทย์ชัยวัฒน์ เตชะไพฑูรย์ อดีตกรรมาธิการปราบโกงในยุค คสช. และอดีตผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนนักรบชุดขาวสู้ภัยโควิด พร้อมด้วยครอบครัว แพทย์หญิงสุรางคณา เตชะไพฑูรย์ และ นางสาวภัทรตา เตชะไพฑูรย์ ได้ส่งมอบกำลังใจและทุนทรัพย์สนับสนุนผ่านสมาคมสื่อมวลชนเพื่อพัฒนาชายแดนภาคใต้ (JSD-South) เพื่อดำเนินการเปิดครัวประกอบอาหารปรุงสุกใหม่ (ข้าวกล่อง) สำหรับแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย
โดยในแต่ละวัน ทางสมาคมฯ และทีมจิตอาสาได้ร่วมกันผลิตข้าวกล่องไม่ต่ำกว่า 1,000 กล่อง แต่เฉพาะในวันเสาร์ที่ 29 พ.ย. มียอดการผลิตสูงถึง 1,800 กล่อง เพื่อเร่งนำส่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่วิกฤต โดยเฉพาะในเขตอำเภอเมืองปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่รับมวลน้ำก้อนใหญ่ที่หลากมาจาก จ.ยะลา ส่งผลให้ระดับน้ำท่วมสูงและขยายวงกว้าง แม้ในพื้นที่ฝนจะหยุดตกแล้ว แต่ยังมีน้ำท่วมขัง ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก

นอกจากการช่วยเหลือประชาชนทั่วไปแล้ว ทางทีมงาน JSD-South ยังได้นำอาหารปรุงสุกและน้ำดื่ม เข้าไปช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางเฉพาะกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนักเรียนโรงเรียนปอเนาะ: ที่ตกค้างอยู่ภายในหอพัก ไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ เนื่องจากบ้านเรือนของครอบครัวประสบภัยพิบัติเช่นกัน
ทั้งมีกลุ่มชาวอินโดนีเซียซึ่งเป็นผู้มาร่วมกิจกรรมทางศาสนา “อิจติมะฮ์โลก ตาเซะ” ซึ่งหมายถึงงานรวมตัวของผู้เสียสละเพื่อศาสนา ที่ ต.ตาเซะ อ.เมือง จ.ยะลา ระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย. แต่เมื่อจบงาน เกิดสถานการณ์อุทกภัยฉับพลัน ทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ ทางผู้นำชุมชนจึงได้กระจายให้ไปพักอาศัยชั่วคราวตามมัสยิดต่างๆ ในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา

โอกาสนี้ ทางสมาคมสื่อมวลชนเพื่อพัฒนาชายแดนภาคใต้ ได้นำข้าวกล่องและน้ำดื่มจากธารน้ำใจของครอบครัวเตชะไพฑูรย์ เข้าไปมอบให้ตามมัสยิดต่างๆ ในพื้นที่ อ.ยะหา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องอาหารการกิน ถือเป็นการส่งมอบความช่วยเหลือโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนาในยามเกิดภัยพิบัติ
