
"...หมากเกมนี้ ‘นายใหญ่’ จำเป็นต้องครุ่นคิดให้หนัก เพราะเรื่องนี้ ‘ครูใหญ่’ ก็รับรู้ข้อมูลเช่นกัน ที่สำคัญ ‘ก๊กน้ำเงิน’ ยังมีบารมีอย่างมากใน ‘สภาฯสูง’ อย่างน้อย 140 เสียง รวมถึงขยายกลไกไปยังองค์กรอิสระบางแห่งอีกด้วย อาจทำให้การบริหารราชการแผ่นดินของ ‘ก๊กแดง’ หลังจากนี้เป็นไปด้วยความลำบากอย่างยิ่งแน่นอน..."
กระแสข่าวการปรับ ครม. พร้อมด้วยประเด็น ‘พลิกขั้ว-ย้ายข้าง’ บางพรรคในรัฐบาล ที่มี ‘บางฝ่าย’ ปล่อยออกมา กำลังฝุ่นตลบอย่างหนักในช่วงเวลานี้ ไม่เว้นแม้แต่ ‘ฝ่ายค้าน’ ก็ยังมาวิเคราะห์เรื่องนี้อย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยเฉพาะการเอา 44 สส.ก้าวไกล ที่ปัจจุบันเป็น สส.ของพรรคประชาชน (ปชน.) จำนวน 25 คน เข้าไปเป็น ‘สมการสำคัญ’ ในเรื่องนี้ด้วย
‘ไหม’ ศิริกัญญา ตันสกุล ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งหลังถูกถามว่า อาจมีการปรับครม. ช่วงที่มีการตัดสินคดีฝ่าฝืนจริยธรรมของ 25 สส.ปชน. ว่า ได้ข่าวเช่นกัน รวมถึงการปรับพรรคร่วมรัฐบาลออก หาก สส.ปชน. ถูกตัดสินให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้สมการ และคณิตศาสตร์ทางการเมืองเปลี่ยน อย่างไรก็ดีในฐานะ 1 ใน 25 สส.ปชน. คิดว่าไม่น่าจะมีความผิด และไม่หยุดการปฏิบัติหน้าที่ แต่หากเข้าเงื่อนไขอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
“หาก 25 สส.พรรคประชาชน ถูกสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ อาจได้เป็นไปได้ว่าพรรคประชาชนจะทำงานกับพรรคภูมิใจไทย แต่ขณะนี้ สส.ที่มีคดี มั่นใจว่าในความบริสุทธิ์ แต่คดีดังกล่าวคาดเดาไม่ได้ แต่ต้องเตรียมพร้อมรับกับทุกสถานการณ์ ส่วนขั้นตอนขณะนี้ได้เตรียมเอกสาร พยานและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหากับ ป.ป.ช.” ศิริกัญญา ยืนยันอย่างมั่นใจ

@ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
แต่กลเกมการเมืองเรื่องนี้ มีความเป็นไปได้ไม่มากก็น้อย เพราะการปล่อยข่าวออกมาขนาดนี้ ย่อม ‘หวังผล’ บางประการในการปรับ ครม. ท่ามกลาง ‘สงครามเย็น’ ระหว่าง ‘ก๊กแดง-ก๊กน้ำเงิน’ ที่ยังคง ‘รบไป-คุยไป’ อย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลข สส.ในสภาฯชุดปัจจุบันมีทั้งหมด 494 ที่นั่ง แบ่งเป็น ‘ฝ่ายรัฐบาล’ มี 317 เสียง ส่วน ‘ฝ่ายค้าน’ มี 176 เสียง (ไม่นับรวม สส.ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ที่ไม่ถูกนับเป็นฝ่ายค้าน และไม่ได้เป็นฝ่ายรัฐบาล โดยล่าสุดไปลงคะแนนเสียงให้ฝ่ายรัฐบาล)
ตัวแปร สส.ใน 2 ขั้วการเมืองตอนนี้คือ จำนวน 317 เสียงของฝ่ายรัฐบาล มีจำนวน สส.ก๊กน้ำเงิน อยู่ 69 คน ส่วนจำนวน 176 เสียงของฝ่ายค้าน มีจำนวน สส.ก๊กส้ม อยู่ 143 คน
หาก ‘เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง’ อย่างที่กูรูการเมืองหลายคนวิเคราะห์ไว้ กล่าวคือ อดีต สส.ก้าวไกล 44 คน ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด ฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง กรณีร่วมกันลงชื่อเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จะส่งสำนวนไปฟ้องศาลฎีกา โดยเป็นดุลพินิจของศาลฎีกาว่า จะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หากสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เท่ากับว่า 25 สส.ปชน.ที่อยู่ในก๊วน 44 อดีต สส.ก้าวไกล จะต้องถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วย
โดยจำนวน 25 สส.ปชน.ในกลุ่ม 44 อดีต สส.ก้าวไกลดังกล่าว ล้วนเป็นระดับ ‘บิ๊กเนม’ ทั้งแกนนำแถว 1-2 หลายคน ได้แก่ สส.เขต 8 คน ได้แก่ 1.นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. 2.นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. 3.นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. (ในช่วงเกิดเหตุเป็น สส.บัญชีรายชื่อ) 4.น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี 5.นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา 6.นายจรัส คุ้มไข่น้ำ สส.ชลบุรี 7.นายศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด 8.นายวุฒินันท์ บุญชู สส.สมุทรปราการ
สส.บัญชีรายชื่อ 17 คน ได้แก่ 1.นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรค ปชน. ในช่วงเกิดเหตุเป็น สส.กทม.) 2.น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ปชน. 3.นายนิติพล ผิวเหมาะ 4.นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) 5.นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ 6.นายณัฐวุฒิ บัวประทุม 7.นายวรภพ วิริยะโรจน์ 8.นายคำพอง เทพาคำ 9.นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ 10.นายองค์การ ชัยบุตร 11.นายมานพ คีรีภูวดล 12.นายวาโย อัศวรุ่งเรือง 13.น.ส.วรรณวิภา ไม้สน 14.นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร 15.นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ 16.นายรังสิมันต์ โรม 17.นายสุรวาท ทองบุ
หาก 25 สส.ปชน.ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จะทำให้ ‘ฝ่ายค้าน’ เหลือจำนวน สส.เพียง 151 เสียง ขณะที่ ‘ปชน.’ จะไม่ได้เป็นพรรคอันดับ 1 ในสภาฯอีกต่อไป เพราะจะเหลือจำนวน สส.เพียง 118 คน น้อยกว่า ‘พรรคเพื่อไทย’ ที่สำคัญ จะทำให้ สส.ในสภาฯลดเหลือ 469 คน โดยในบรรดา 17 สส.บัญชีรายชื่อของ ‘ก๊กส้ม’ ไม่สามารถเลื่อนบุคคลในบัญชีขึ้นมาเป็น สส.แทนได้ด้วย เพราะถือว่าหยุดปฏิบัติหน้าที่ ยังมิได้พ้นจากตำแหน่ง

อีกฟากหนึ่งฝั่งรัฐบาล มีเสียงเล่าอ้างหนาหูมาก ตั้งแต่เกิด ‘สงครามเย็น’ ระหว่าง ‘ก๊กแดง-ก๊กน้ำเงิน’ โดยมี ‘ตัวกลาง’ บางคนพยายาม ‘เป่าหู’ ให้ผลักไส ‘ก๊กน้ำเงิน’ พ้นรัฐบาล แล้วตัวเองจะ ‘ดูดงูเห่า’ เข้ามาเติมเสียงให้รัฐบาลขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างสะดวกโยธิน
ดีดลูกคิดคำนวณฝ่ายรัฐบาลตอนนี้มี 317 เสียง หากดีด ‘ก๊กน้ำเงิน’ 69 เสียงพ้นรัฐบาลจะเหลือจำนวน สส.ในมือ 248 ก็ถือว่ายังเป็นเสียงข้างมากโขอยู่ เพราะฝ่ายค้านเหลือเพียง 151 เสียงเท่านั้น นอกจากนี้จำนวนฝ่ายค้านอาจเหลือน้อยกว่านี้หาก ‘ภารกิจดูดงูเห่า’ มาเติมเสียงให้ฝ่ายรัฐบาลดำเนินการได้สำเร็จ
นั่นจึงนำไปสู่การปฏิเสธหลายครั้งจาก ‘พรรคพลังประชารัฐ’ (พปชร.) อดีตพรรคร่วมรัฐบาลที่ตอนนี้เป็นฝ่ายค้าน ยืนยันว่า จะไม่กลับไปร่วมรัฐบาลอีกรอบอย่างแน่นอน โดย ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า พปชร. ถึงกับยืนกรานเสียงหนักแน่นเมื่อ 27 เม.ย.ในวันประชุมใหญ่ และเปลี่ยนโลโก้พรรคใหม่ว่า “ไม่” เมื่อถูกถามว่าจะกลับไปร่วมรัฐบาลหรือเปล่า
ขณะเดียวกันในขั้วฝ่ายค้าน ยังมีอีกอย่างน้อย 6 เสียงจาก พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ที่แม้ตามตัวบทกฎหมายจะมีชื่อ ‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์’ เป็นหัวหน้าพรรคก็ตาม แต่คนการเมืองรับรู้กันโดยทั่วไปว่า พรรคนี้มิได้ถูกขับเคลื่อนโดย ‘คุณหญิงหน่อย’ อีกแล้ว และการลงมติที่ผ่านมา ล้วน ‘สวนฝ่ายค้าน’ เห็นด้วยกับฝ่ายรัฐบาลหลายครั้ง ทำให้มีแนวโน้มสูงที่อาจจะ ‘พลิกขั้ว’ ไปร่วมรัฐบาลได้ ยิ่งทำให้เสียงฝ่ายค้านน้อยลงไปอีก
คำนวณคณิตศาสตร์การเมือง หากข้อเท็จจริงเป็นไปตามข้างต้น พรรคร่วมรัฐบาลจะมีจำนวน 248 (แบบไม่มีภูมิใจไทย) บวกกับ 6 เสียงของ ทสท. จะเป็น 254 เสียง คือเสียงข้างมากแบบ ‘ปริ่มน้ำ’ แต่ยังไม่นับ ‘งูเห่า’ จากอีกหลายพรรค ที่อาจจะพลิกขั้วได้ทุกเมื่อในยุค ‘ธนาธิปไตย’
ส่วนฝ่ายค้านหาก สส.ปชน. 25 คนถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จะเหลือ สส. 151 เสียง หากนับรวม ‘ภูมิใจไทย’ ที่ถูกผลักมา 69 คน จะเป็น 220 เสียง ตัวเลขนี้อาจดูสูง แต่หากมี ‘งูเห่า’ ถูกดูดไปอยู่ฝ่ายรัฐบาลเพิ่มเติม หรือไม่จำเป็นต้องดูด แค่จ่ายเป็นยก ๆ ตามแต่วาระการลงมติไป ก็ถือว่ายังเทียบกับฝ่ายรัฐบาลไม่ได้เลย

@ สส.พรรคภูมิใจไทย
อย่างไรก็ดีหมากเกมนี้ ‘นายใหญ่’ จำเป็นต้องครุ่นคิดให้หนัก เพราะเรื่องนี้ ‘ครูใหญ่’ ก็รับรู้ข้อมูลเช่นกัน ที่สำคัญ ‘ก๊กน้ำเงิน’ ยังมีบารมีอย่างมากใน ‘สภาฯสูง’ อย่างน้อย 140 เสียง รวมถึงขยายกลไกไปยังองค์กรอิสระบางแห่งอีกด้วย อาจทำให้การบริหารราชการแผ่นดินของ ‘ก๊กแดง’ หลังจากนี้เป็นไปด้วยความลำบากอย่างยิ่งแน่นอน
นี่ยังไม่นับ ‘ไม้เด็ด’ ที่ สว.อาจร่วมกันลงชื่อถอดถอน ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร พ้นเก้าอี้นายกฯ ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยข้อหาไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ หากเกิดเรื่องนี้ขึ้น ย่อมทำให้ ‘อำนาจในมือ’ หายไป ส่ง ‘สทร.’ กลับสู่ที่นั่งลำบากอีกครั้ง ท่ามกลางสารพัดคดีที่ถูกรุมเร้าอยู่ ก็เป็นไปได้
ดังนั้นอย่างน้อยที่สุดในช่วงปี 2568 การปรับ ครม.จะเกิดขึ้นแน่ ส่วนการโยกย้าย-แลกกระทรวงกัน คงต้องรอดูการต่อรองทางการเมืองกันต่อไป แต่เรื่องผลักไส ‘ก๊กน้ำเงิน’ ไปเป็นฝ่ายค้าน เกิดขึ้นได้ค่อนข้างยากมาก เว้นแต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดเอาผิด ‘ขบวนการฮั้ว สว.’ ได้สำเร็จภายในปีนี้ แต่เรื่องนี้ก็ยากระดับ ‘ปาฏิหาริย์’ เช่นเดียวกัน แม้จะมีพยานหลักฐานค่อนข้างชัดก็ตาม
ทั้งหมดคือข้อมูลในม่านฝุ่นควันของการปรับ ครม.ท่ามกลางการปล่อยข่าวผลัก ‘ก๊กน้ำเงิน’ เป็นฝ่ายค้าน
บทสรุปเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร คาดว่าคงเขย่าเก้าอี้กันอีกไม่นานหลังจากนี้ น่าจะรู้ผลกัน
