
'ทักษิณ' แจงคดีฮั้ว สว.ต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน ชี้กรรมการแพทยสภาบางคนก็ไม่มีจริยธรรม ยอมรับมีคนปั่นพายุกรณี 'ยิ่งลักษณ์' โอบไหล่ 'อนุทิน' โชว์ ไม่มีอะไรสั่นคลอนรัฐบาลได้ ยืนยันยุบสภายังอีกนาน ไม่กังวลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดี 112
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ค.2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” ในหลายประเด็น
@ คดีฮั้ว สว.ต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน
โดย นายทักษิณ กล่าวถึงกรณีที่การสอบคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มาจากการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.)ตั้งกรรมการสอบสวนการฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภาขึ้นมา เพราะว่ามีการร้องเรียนมายัง กกต.เกิดขึ้น โดยมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI)เป็นกรรมการร่วม ต่อมาพยานหลักฐานทั้งหลายก็หลั่งไปที่ DSI ดังนั้นทาง DSI เขาก็จำเป็นต้องทำงานตามหน้าที่ซึ่งไม่ต้องมีใครไปสั่งไม่สั่งถ้าไม่งั้นเขาก็โดนประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในเมื่อพยานหลักฐานมันมีก็ทำไป ส่วนทางด้าน สว.หรือผู้ถูกหาเขาก็แก้กระบวนการตามกฎหมายทุกอย่างเมื่อมันมี กระบวนการเข้าไปแล้วมันต้องจบที่กระบวนการเหมือนผม โดนทหารเกี่ยวเบ็ดไว้ 112 เมื่อกลับมาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้จบ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน
@ แพทยสภาบางคนก็ไม่มีจริยธรรม ด่าผมในไลน์
เมื่อถามถึงกรณีที่แพทยสภามีมติให้ลงโทษแพทย์ตำรวจกรณีชั้น 14 นายทักษิณกล่าวว่าเป็นหน้าที่แพทยสภาที่ดูหน้าที่จริยธรรมของแพทย์ แต่ก็มีกรณีที่แพทย์นั้นไม่มีจริยธรรมเสียเอง อย่างเช่นในไลน์กลุ่มแพทยสภามีคนมาด่าผม แล้วก็มีแพทยสภาอีกคนส่งสติกเกอร์ไลน์ว่า Yes อย่างนี้เรียกว่าจริยธรรมมีปัญหาเสียเอง แต่ถ้าทุกฝ่ายรักษาจริยธรรมในวิชาชีพ มันก็ไม่มีปัญหาอะไร
"อย่าเพิ่งสรุป ไม่มีอะไรต้องสรุปล่วงหน้า ผมเชื่อว่า ผู้พิพากษาที่พิจารณาก็ยังไม่สามารถสรุปได้เพราะต้องดูพยานหลักฐานดูการสืบพยานโจท์พยานจำเลย ดังนั้นอย่าไปสรุปเองอย่าไปอย่าไปทำนายอะไรล่วงหน้าอย่าไปคาดการล่วงหน้า มันไม่มีอะไร" นายทักษิณกล่าว
@ มีคนปั่นพายุกรณี 'ยิ่งลักษณ์'
เมื่อถามถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเรื่องคดีจำนำข้าว ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษ์ณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีต้องชดใช้ค่าเสียหาย 10,000 ล้านบาท นายทักษิณกล่าวว่า เรื่องนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นโจทก์เขาไม่ได้เป็นจำเลย คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ฟ้องว่า กระทรวงการคลังทำไม่ถูก และจะปรับเงิน 35,000 ล้านบาท แต่เท่าที่มีการตรวจสอบพบว่า มีบางอย่างที่ถูกและไม่ถูก แต่สรุปแล้วปรับได้ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท และการจะปรับได้เช่นนั้นต้องไปตกลงกันว่า กระทรวงการคลังได้รับการชดเชยมาจากคนอื่นแค่ไหน อย่างไร ถ้าขายได้อย่างไร เบ็ดเสร็จแล้วเสียหายจริงหรือไม่ หากเสียหายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ก็ปรับได้ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท นี่คือกติกาที่ออกมาเช่นนั้น ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเสนอพิจารณาใหม่ได้ ภายใน 90 วัน
เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์บ้างหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า คุยบ้าง ก็ต้องสู้ไปในส่วนของคดี
เมื่อถามว่า จะเป็นอุปสรรคการเดินทางกลับประเทศไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “รอให้เหตุการณ์ทุกอย่างสงบ ตอนนี้มีคนปั่นพายุอยู่ เดี๋ยวพายุก็หมด ส่วนคนที่ปั่นพายุนั้น ไม่ทราบว่าเป็นใคร เป่าอยู่นั่น แต่เดี๋ยวก็จบแล้วไม่มีอะไร ส่วนตัวไม่ใช่คนรู้ร้อนรู้หนาวอะไร แต่ก็เป็นห่วงคนปั่นข่าว กลัวว่าจะเส้นเลือดสมองแตก”
@ อบไหล่ 'อนุทิน' โชว์ ไม่มีอะไรสั่นคลอนรัฐบาลได้
เมื่อถามเกี่ยวกับปัญหาที่จะกระทบกับความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล นายทักษิณกล่าวว่าไม่มีอะไรที่จะสั่นคลอน พรรคร่วมรัฐบาลอยู่ด้วยกันทุกวันไม่มีอะไรต้องห่วง พอถึงยุบสภาก็ต้องเลือกตั้งใหม่ไม่มีอะไรเลย
เมื่อถามว่าตอนนี้ยังกอดคอกับพรรคร่วมรัฐบาลได้อยู่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ตอนนี้ก็ยังกอดได้อยู่ พร้อมกับโอบไหล่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
เมื่อนักข่าวต่างชาติถามถึงข้อกังวลเกี่ยวกับการต้องขึ้นศาลอาฐาในคดีอาญามาตรา 112 ในนัดการสืบพยาน นายทักษิณกล่าวว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แต่ขอไม่พูดอะไรตอนนี้ ไปรอฟังวันที่ขึ้นศาล
