"....โครงการนี้ฯ ถือเป็นหนึ่งใน Mega Urban Redevelopment Projects ที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียวยุคใหม่ และเป็นตัวอย่างของการปรับเปลี่ยนพื้นที่อุตสาหกรรมเก่ามาเป็นย่านนวัตกรรมระดับนานาชาติ..."
ในการร่วมคณะสื่อมวลชนจากประเทศไทยจำนวนหลายสิบชีวิต เดินทางไปศึกษาดูงานรถไฟฟ้าและระบบการขนส่งมวลชน ที่มหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 26 -30 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. (Mass Rapid Transit Authority of Thailand: MRTA) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม มีภารกิจหลักในการพัฒนาและบริหารระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตเมืองและปริมณฑล เพื่อลดปัญหาการจราจร เพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งสาธารณะ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน มีประวัติความเป็นมายาวนานหลายสิบปี
ตอนที่แล้ว สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำข้อมูลเชิงลึกระบบรถไฟไร้คนขับ (automated guideway transit (AGT) หรือรู้จักกันในชื่อ รถไฟวิ่งโดยอัตโนมัติ ไม่มีคนขับ ซึ่งเป็นระบบขนส่งที่ได้รับความนิยมของชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน โดยตัวอย่าง Yurikamome Line มานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว

คราวนี้ มาดูข้อมศึกษาดูงานเรื่อง สร้างเศรษฐกิจเมืองรอบสถานี (Transit-Oriented Development -TOD) ของญี่ปุ่น ซึ่งการสร้างเศรษฐกิจเมืองรอบสถานีรถไฟฟ้า ถือเป็นหนึ่งในบทบาทเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญของ รฟม. กันบ้าง?
@ ชีวิตดี๊ดี TAKANAWA GATEWAY CITY
โครงการ TOD ของญี่ปุ่น ที่ รฟม.นำคณะสื่อมวลชนไทย ไปศึกษาดูงานครั้งนี้ คือ TAKANAWA GATEWAY CITY ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาเมืองขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ถัดจากสถานีรถไฟ Takanawa Gateway Station บนสาย Yamanote และ Keihin-Tōhoku ไม่ไกลนัก จุดมุ่งหมายของโครงการ คือ การสร้าง “เมืองแห่งอนาคตในรอบ 100 ปี” (City for the Next 100 Years) ด้วยแนวคิดการบูรณาการ เทคโนโลยี-ธรรมชาติ-วัฒนธรรม-การใช้ชีวิต เข้าด้วยกันในพื้นที่พัฒนาเมืองกว่า 13 เฮกตาร์
โครงการฯ นี้ เป็นส่วนหนึ่งของ “Shinagawa Development Plan” ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมยกระดับพื้นที่นี้ให้กลายเป็นศูนย์กลางนานาชาติรองรับการค้า เทคโนโลยี และการเดินทางด้วยความหวังว่าจะสร้างย่านเศรษฐกิจใหม่ในยุคหลังโตเกียวโอลิมปิก (ชมภาพประกอบ)

ทั้งนี้ ในการศึกษาดูงานโครงการฯ นี้ ผู้บริหาร Urban Renaissance Agency (UR) ซึ่งเป็นองค์กรกึ่งรัฐบาลของญี่ปุ่น ที่มีบทบาทสำคัญในการวางผังและพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ทั้งในประเทศญี่ปุ่น ให้ข้อมูลคณะทำงาน รฟม. และสื่อมวลชนไทย ว่า UR เป็นหน่วยงานที่เกิดขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ดูแลการก่อสร้างสิ่งใหม่ รวมถึงผังเมืองของประเทศ มีโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบ 200 กว่าโครงการ
มีวัตถุประสงค์สำคัญในการทำงาน คือ การดูแลแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของประชาชนให้เพียงพอกับความต้องการตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป UR ยังมีที่ตั้งสำนักงานสาขา ในประเทศไทย และมีความร่วมมือกับหน่วยงานไทยในการทำโครงการพัฒนาพื้นที่บางโครงการด้วย
ส่วนโครงการ TAKANAWA GATEWAY CITY เป็นความร่วมมือในการทำงานระหว่างภาครัฐ คือ UR กับเอกชนผู้ให้บริการรถไฟน 2 แห่ง คือ บริษัท East Japan Railway Company (JR East) (เป็นของรัฐบาลญี่ปุ่นมาก่อนแปรสภาพเป็นบริษัทเอกชน) และบริษัท keikyu Corporation หรือชื่อเต็มคือ Keihin Kyūkō Dentetsu โดยที่ดินในโครงการนี้ เป็นของเอกชนทั้ง 2 แห่ง ซึ่งจะรับผิดชอบลงทุนโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานที่พักอาศัยในพื้นที่
ส่วน UR จะดูแลเรื่องการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ซึ่งภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว UR ไม่ได้รับเงินตอบแทนจากเอกชน แต่จะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล
ขณะที่ เอกชนทั้ง 2 แห่ง จะได้สิ่งตอบแทนในการช่วยพัฒนาพื้นที่จากภาครัฐ และมีรายได้จากการให้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงานที่พักอาศัยที่สามารถกำหนดอัตราค่าเช่าได้เอง ตามความเหมาะสม

จากการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของสำนักข่าวอิศรา พบว่า โครงการนี้ฯ ถือเป็นหนึ่งใน Mega Urban Redevelopment Projects ที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียวยุคใหม่ และเป็นตัวอย่างของการปรับเปลี่ยนพื้นที่อุตสาหกรรมเก่ามาเป็นย่านนวัตกรรมระดับนานาชาติ
มีแนวคิดการพัฒนา (Concept) ถูกออกแบบภายใต้ 3 แนวคิดหลัก คือ
1. Gateway to the Future
• เมืองต้นแบบสำหรับประชากรในอนาคต
• ผ่านการใช้หุ่นยนต์, AI, ระบบอัตโนมัติภายในอาคารและพื้นที่สาธารณะ
• Mobility อัจฉริยะ เช่น รถไร้คนขับภายในเมือง
2. Harmony of Nature & People
• ใช้พื้นที่สีเขียวและสวนมากกว่า 30% ของพื้นที่ทั้งหมด
• มี “Gateway Park” และงานศิลปะ “100 Colors” เพื่อสร้างพื้นที่พักผ่อนท่ามกลางเมือง
3. Connected Lifestyle Infrastructure
• เชื่อมพื้นที่อยู่อาศัย - สำนักงาน-ร้านค้า-ศิลปะ-พิพิธภัณฑ์-พื้นที่เรียนรู้
• เดินเท้าได้สะดวก (walkable city) และเชื่อมสถานีรถไฟโดยตรง
สำหรับองค์ประกอบสำคัญของโครงการ มีดังนี้
@ อาคาร THE LINKPILLAR 1
• เปิดปี 2025
• รวมสำนักงาน, ร้านค้า, โคเวิร์กสเปซ, พื้นที่นิทรรศการ
• เป็น “Smart Building” รองรับระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะ
@ NEWoMan Takanawa
• ศูนย์การค้าหลักของเมือง
• มีร้านค้าประมาณ 180 ร้าน (เมื่อโครงการเต็มรูปแบบ)
@ Gateway Park
• สวนสาธารณะใจกลางเมือง
• เชื่อมต่อพื้นที่เดินเท้าและเป็นจุดรวมกิจกรรมสาธารณะ
• มีงานศิลปะประจำเมืองและพื้นที่พักผ่อน
@ พิพิธภัณฑ์ MoN: Museum of Narratives
• พื้นที่เล่าเรื่องราวเมือง ประวัติศาสตร์รถไฟ และอนาคตของสังคมญี่ปุ่น
• ถือเป็นแลนด์มาร์กเชิงวัฒนธรรมของเมืองใหม่
@ ระบบ Mobility แห่งอนาคต
• หุ่นยนต์บริการ
• รถขนส่งไร้คนขับในพื้นที่ปิด
• ระบบนำทางอัจฉริยะในอาคารและกลางแจ้ง
ส่วนบทบาทด้านเศรษฐกิจและสังคม โครงการฯ นี้ ถูกกำหนดให้เป็นย่านธุรกิจใหม่เป็นศูนย์เศรษฐกิจระดับนานาชาติ คู่กับย่าน Shinagawa ดึงดูดบริษัทเทคโนโลยี, สตาร์ทอัพ, และองค์กรต่างชาติ สำนักงานรูปแบบ “Smart Workplace” และสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน , มีผลักดันนวัตกรรมเมือง (Urban Innovation) ทดลองเทคโนโลยีในพื้นที่จริง เช่น Autonomous Mobility, หุ่นยนต์, IoT และอาจกลายเป็นต้นแบบให้เมืองอื่นในญี่ปุ่นและเอเชีย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าโครงการฯ จะแฝงไปด้วยความทันสมัย แต่ก็มีการอนุรักษ์ประวัติศาสตร์ คงไว้ซึ่งโครงสร้าง “Takanawa Embankment” ยกระดับพื้นที่เก่าให้เข้าถึงง่ายสำหรับประชาชน สนับสนุนคุณภาพชีวิตประชาชน ให้เป็นเมืองเดินได้ (Pedestrian-first) มีพื้นที่สีเขียวจำนวนมาก รวมที่พัก ที่ทำงาน และพื้นที่การเรียนรู้เข้าด้วยกันด้วย
ขณะที่จากการสอบถามข้อมูล ผู้บริหาร Urban Renaissance Agency (UR) ถึงความเห็นเกี่ยวกับการนำแนวคิด โครงการ TAKANAWA GATEWAY CITY มาใช้พัฒนาพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ได้รับการยืนยันว่า ไลฟ์สไตล์ของคนไทย มีศักยภาพในการทำงานได้ทุกอย่างถ้ามีความร่วมมือกัน แต่ไลฟ์สไตล์ สำคัญประการหนึ่งที่จะต้องเปลี่ยนแปลงให้ได้ถ้าอยากจะทำโครงการฯ ลักษณะนี้ คือ วิถีการใช้ชีวิตประจำวันให้หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะเป็นหลัก มากกว่าการใช้รถยนต์ส่วนตัว ซึ่งนำไปสู่ปัญหารถติดอย่างมากที่กรุงเทพมหานครในปัจจุบัน



@ เปิดโฉม Tokyo Metro Academy ต้นแบบศูนย์ฝึกอบรมระบบรางญี่ปุ่น
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า นอกจากการศึกษาดูงานโครงการ TAKANAWA GATEWAY CITY แล้ว รฟม. ยังได้นำคณะสื่อมวลชนไทยไปศึกษาดูงานที่ Tokyo metro comprehensive learning & training center ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอบรมระบบรางของบริษัท โตเกียว เมโทร จำกัด หรือที่เรียกว่า Tokyo Metro Academy ซึ่งตั้งอยู่ที่มหานครโตเกียว เช่นกัน เพื่อเยี่ยมชมการบริหารจัดการหลักสูตรการเรียนการสอน ทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติในการเดินรถไฟของบริษัทผู้ให้บริการรถไฟใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว
โดยศูนย์ฯ แห่งนี้ มีจุดเด่นอยู่ที่การจัดสถานที่ฝึกอบรมให้เหมือนของจริงทุกอย่าง ทั้งสถานีจำหน่ายตั๋วโดยสาร (แสดงข้อมูลเป็นภาษาไทยได้ด้วย) สถานีเดินรถไฟฟ้าที่มีการนำรถไฟฟ้าของจริงมาให้ผู้เรียนได้ทดลองขับจริง รวมไปถึงการจัดทำระบบแอปพลิเคชัน (Application) โทรศัพท์ ส่องไปที่คิวอาร์โค้ดที่ติดไว้ตามพื้นทางเดิน แล้วจะมีเสียงพูดผ่านแอปพลิเคชัน ให้ข้อมูลเพื่อช่วยให้คนพิการทางสายตารู้ว่า ตนเองอยู่จุดไหนในสถานีรถไฟฟ้า จะเดินไปทางไหน จ่ายเงิน เข้าประตูจุดไหนได้ และเมื่อเรียนรู้ครบ 300 กว่าชั่วโมง ตามหลักสูตร ศูนย์ฯ แห่งนี้สามารถเป็นตัวแทนภาครัฐในการออกใบอนุญาตให้กับผู้ผ่านการอบรมได้เลย ซึ่งในส่วนของประเทศไทย ก็มีการจัดตั้งสถาบันฝึกอบรมในลักษณะเดียวกัน ใช้ชื่อว่า “ศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรระบบราง” ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ รฟม. เริ่มเปิดดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2562 แล้ว






@ ระบบแอปพลิเคชัน (Application) โทรศัพท์ ส่องไปที่คิวอาร์โค้ดที่ติดไว้ตามพื้นทางเดินแล้วจะมีเสียงพูดผ่านแอปพลิเคชัน ให้ข้อมูลเพื่อช่วยให้คนพิการทางสายตา รู้ว่า ตนเองอยู่จุดไหนในสถานีรถไฟฟ้า

@ สถานีจำหน่ายตั๋วโดยสาร แสดงข้อมูลเป็นภาษาไทยได้ด้วย

ขณะที่ นายพัฒนพงษ์ พงศ์ศุภสมิทธิ์ รองผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยภายหลังนำคณะสื่อมวลชนศึกษาดูงานทั้ง 2 ส่วนว่า การศึกษาดูงานครั้งนี้ ได้รับประโยชน์อย่างมาก รฟม.จะนำข้อมูลความรู้ที่ได้รับมาปรับปรุงการทำงานของ รฟม.ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
นายพัฒนพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน (TOD) จะมีการนำมาใช้เป็นต้นแบบในกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นแหล่งสร้างรายได้ที่สำคัญให้กับ รฟม. นอกเหนือจากค่าโดยสาร และยังจะช่วยลดภาระทางการเงินของรัฐบาลในการอุดหนุนการดำเนินโครงการต่างๆ ด้วย
"การพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชนของไทย เรามีแผนงานอยู่แล้วทำกันมากว่า 10 ปีแล้ว พื้นที่ที่เหมาะสมในปัจจุบัน ที่ได้เริ่มดำเนินการมาแล้ว คือ พื้นที่บริเวณย่านห้วยขวางทั้งหมด ริมถนนพระราม 9 ซึ่งมีการรองรับนโยบายศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ และอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร โดย รฟม. จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. พิจารณาในเดือนธันวาคม 2568 ก่อนเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป หากได้รับความเห็นชอบ คาดว่าจะเริ่มพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวได้ภายในปี 2569 "นายพัฒนพงษ์ระบุ

@ นายพัฒนพงษ์ พงศ์ศุภสมิทธิ์
ส่วน แหล่งข่าวใน รฟม. ให้ความเห็นกับสำนักข่าวอิศรา ว่า ความจริง รฟม. มีแผนการดำเนินงานพัฒนาเรื่องต่างๆ มานานแล้ว แต่การดำเนินงานที่ผ่านมา มักจะติดปัญหาเรื่องข้อกฎหมายของหน่วยงานที่มีความแตกต่างกัน ที่สำคัญในพื้นที่ กทม. ยังมีปัญหาเรื่องการเมืองเข้ามีเกี่ยวข้องด้วย ต่างฝ่ายต่างก็มีนโยบายเป้าหมายที่แตกต่างกัน
"ภาพรวมการทำงานของไทย แตกต่างจากประเทศญี่ปุ่นมาก เพราะญี่ปุ่นนโยบายการบริหารงานจะมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทุกฝ่ายพร้อมให้ความร่วมมือในการทำงานเพื่อยกระดับสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนเหมือนกัน เขาจะสามารถทำอะไรก็ได้หลายอย่าง โดยไม่ติดขัดปัญหาอะไร " แหล่งข่าว รฟม.ระบุ
****************
ทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลเชิงลึกที่สำนักข่าวอิศรา ได้รับทราบจากการร่วมคณะเดินทางมาศึกษาดูงานรถไฟฟ้าและระบบการขนส่งมวลชน ที่ มหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กับรฟม. ในส่วนที่เกี่ยวกับสร้างเศรษฐกิจเมืองรอบสถานี (Transit-Oriented Development -TOD) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในบทบาทเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ ของ รฟม. รวมไปถึงการศึกษาดูงานศูนย์ฝึกอบรมระบบรางของ Tokyo Metro Academy ตามข้อมูลข้างต้น เพิ่มเติมจาก ข้อมูลเชิงลึกระบบรถไฟไร้คนขับ (automated guideway transit (AGT) หรือรู้จักกันในชื่อ รถไฟวิ่งโดยอัตโนมัติ ไม่มีคนขับ ที่นำเสนอไปในตอนแรก
ส่วนฝันของคนไทย โดยเฉพาะคนใน กทม ที่จะได้มีโอกาสสัมผัส มีคุณภาพชีวิตดี๊ดี จากโครงการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีที่ดีและมีประโยชน์เหมือนกันกับ TAKANAWA GATEWAY CITY ต้นแบบจากญี่ปุ่นได้หรือไม่? รวมไปถึงการต่อยอดนำความรู้หลักสูตรการเรียนการสอน ทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติ จาก Tokyo Metro Academy มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนของศูนย์ฝึกอบรมไทย ให้ทันสมัยเหมาะสมกับผู้เรียน จนเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายได้เหมือนอย่างต้นแบบจากญี่ปุ่นหรือไม่?
คงต้องติดตามดูกันต่อไป แบบยาวๆ
เพราะดูเหมือนบนเส้นทางเดินที่ผ่านมา และจำที่ต้องเดินทางกันต่อไป รฟม. ยังมีปัญหานานับประการ ให้ต้อง "ฟันฝ่า" "เผชิญหน้า" แก้ไขปัญหากันอีกนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว
ไม่มีความสำเร็จอะไรได้มาง่ายๆ หนทาง(จะ)พิสูจน์ม้า กาลเวลา(จะ)พิสูจน์คน เสมอ!
