‘สำนักงาน กสทช.’ แจ้ง ISP รายงานผลกระทบปม ‘กัมพูชา’ ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต ขณะที่ ‘ รักษาการเลขาธิการฯ’ แจ้ง ‘ผู้ประกอบการ’ หากมีการเชื่อมสัญญาณฯไปกัมพูชา ต้องบอกรายละเอียด ‘ธุรกิจ-บริการ’ หวังแก้ปัญหา ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’
.....................................
จากกรณีเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก โดยระบุตอนหนึ่งว่า กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคมของกัมพูชา และผู้ประกอบการโครงข่ายสายเคเบิลใยแก้วนำแสงและอินเทอร์เน็ตทั้งหมดในกัมพูชา จะยุติการซื้อสัญญาณอินเทอร์เน็ตจากไทย เนื่องจากกัมพูชามีศักยภาพเพียงพอในการจัดหาบริการอินเทอร์เน็ตเอง เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ นั้น
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานในบางพื้นที่มีการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตบริเวณชายแดนจากฝั่งกัมพูชาแล้ว ซึ่งปัจจุบันผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมที่มีโครงข่ายเป็นของตนเองที่มีจุดเชื่อมต่อออกต่างประเทศบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา 14 บริษัท
ได้แก่ 1.บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด 3.บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด 4.บริษัท ทรู อินเทอร์เน็ต คอร์ปอเรชั่น จำกัด 5.บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด 6.บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) 7.บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เกทเวย์ จำกัด 8.บริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด 9. บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด
10.บริษัท ที.ซี.ซี.เทคโนโลยี จำกัด 11.บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) 12.บริษัท แอล ดับเบิ้ลยู ที เอ็น จำกัด 13. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ14.บริษัท เคิร์ซ จำกัด
“ขณะนี้อยู่ระหว่างรอนโยบายจากรัฐบาลไทยว่า จะให้ดำเนินการในเรื่องใด โดยในส่วนของผู้ประกอบการโทรคมนาคมที่มีการขออนุญาตใช้โครงข่ายระหว่างประเทศ คือ การเช่าวงจรสื่อสารระหว่างประเทศความเร็วสูง เพื่อเชื่อมต่อระหว่างสาขาในไทยและต่างประเทศ (IPLC) เช่น ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจสินค้าและบริการของไทยที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชา สามารถขอใช้บริการกับผู้ให้บริการในกัมพูชาได้” นายไตรรัตน์ กล่าว
นายไตรรัตน์ กล่าวด้วยว่า สำนักงาน กสทช. ในฐานะหน่วยงานกำกับพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่อาจเกี่ยวข้องบริเวณชายแดน ซึ่งกรณีรัฐบาลกัมพูชาจะจัดหาอินเทอร์เน็ตเองนั้น ต่อไปหากผู้ประกอบการโทรคมนาคมจะมีการเชื่อมต่อสัญญาณไปยังกัมพูชา จะต้องมีการให้รายละเอียดธุรกิจและบริการ เพื่อให้สำนักงาน กสทช. ตรวจสอบเข้มข้นขึ้น
“เป็นเรื่องดีในการตรวจสอบการใช้โครงข่ายในต่างประเทศ และน่าส่งผลดีต่อปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้มีปริมาณลดลง” นายไตรรัตน์ ระบุ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันเดียวกัน (13 มิ.ย.) สำนักงาน กสทช. ได้ทำหนังสือไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) โดยขอให้ ISP รายงานผลกระทบกรณีกัมพูชาตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตบริเวณชายแดน ใน 4 ประเด็น ได้แก่ 1.รายงานผลกระทบที่เกิดขึ้นจากมาตรการการยุติการซื้อสัญญาณโทรคนาคมจากประเทศไทยของราชอาณาจักรกัมพูชา รวมถึงข้อเสนอแนะและแนวทางการดำเนินการต่อมาตรการดังกล่าว
2.ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายสัญญาณโทรคนาคมไปยังราชอาณาจักรกัมพูชามีการซื้อขายอย่างไรและกลุ่มลูกค้าคือกลุ่มใดบ้าง 3.ผู้ให้บริการราชอาณาจักรกัมพูชามีการยุติบริการอินเทอร์เน็ตหรือไม่ อย่างไร และ 4.รายงานข้อมูลรายได้จากการประกอบกิจการโทรคมนาคมที่ให้บริการไปยังราชอาณาจักรกัมพูชา โดยขอให้แยกเป็นรายเดือนหรือรายปีให้ชัดเจนซึ่งเป็นข้อมูลจากอดีตจนถึงปัจจุบัน (2566-2568) ทั้งนี้ ให้ ISP ส่งข้อมูลมายังสำนักงาน กสทช. ภายในวันที่ 10.00 น.ของวันที่ 16 มิ.ย.2568