
‘บอร์ด กสทช.’ ไฟเขียวแนวทางกำกับ-ส่งเสริมกิจการ‘โทรทัศน์’ พร้อมมอบ ‘สำนักงาน กสทช.’ นำไปเปิดรับฟังความเห็นฯ ก่อนจัดทำ ‘โรดแมป’ รองรับไลเซนส์ ‘ทีวีดิจิทัล’ ที่จะหมดอายุในปี 2572
..............................................
เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มีมติให้สำนักงาน กสทช. นำแนวทางในการกำกับดูแลและส่งเสริมการประกอบกิจการโทรทัศน์ ที่ทางสำนักงาน กสทช.เสนอมา ไปเปิดรับฟังความคิดเห็นจากอุตสาหกรรมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสรุปผลภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเป็นพื้นฐานให้สำนักงาน กสทช. นำไปจัดทำ (ร่าง) แผนที่นำทาง (Roadmap) กิจการโทรทัศน์และการแพร่ภาพและเสียงของประเทศไทย ก่อนใบอนุญาตประกอบกิจการดิจิทัลทีวีประเภทธุรกิจหมดอายุปี 2572
“บอร์ด กสทช.ได้มีมติให้สำนักงาน กสทช. นำบทวิเคราะห์และข้อเสนอต่างๆ ทั้งที่ทางสำนักงานเสนอมา และที่บอร์ดได้อภิปรายระหว่างการประชุม ไปรับฟังความคิดเห็น ซึ่งหากสรุปผลได้ภายในสิ้นปีนี้จะทำให้สามารถเตรียมการได้ทันเวลาก่อนที่ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ของผู้ให้บริการช่องรายการดิจิทัลทีวีประเภทธุรกิจจะสิ้นสุดลงในเดือนเมษายน ปี 2572” รายงานข่าวระบุ
สำหรับกรอบแนวทางการกำกับดูแลและส่งเสริมการประกอบกิจการโทรทัศน์ที่จะนำเสนอในการรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ จะอ้างอิงตามกรอบกฎหมายที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นหลัก ส่วนข้อเสนอที่ต้องมีการแก้กฎหมายจะดำเนินการคู่ขนานไปในอีกทางหนึ่ง ในขณะที่ประเด็นที่จะนำไปรับฟังความคิดเห็น จะรวมถึงประเด็นต่างๆ เช่น การบริหารทรัพยากรคลื่นความถี่ โครงข่ายฯ และการอนุญาต
เช่น การขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่จะต้องใช้การประมูลเช่นเดิมหรือให้ผู้ประกอบกิจการโครงข่ายมีหน้าที่ขอรับใบอนุญาต หรือพิจารณาใช้แนวทางอื่นนอกเหนือจากการประมูล หรือเป็นการประมูลแบบมีเงื่อนไขเพิ่มเติม จำนวนช่องรายการและการกำหนดระดับความคมชัด การใช้งานคลื่นความถี่สำหรับกิจการทีวีดาวเทียม การสร้างกรอบการกำกับดูแลที่ยืดหยุ่น การทบทวนและปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบให้มีความทันสมัย การลดภาระต้นทุนอื่นที่เกิดจากการกำกับดูแล กฎ Must Carry เป็นต้น
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในการประชุม กสทช. ครั้งนี้ กสทช. ได้พิจารณาบทวิเคราะห์ฉากทัศน์ในอนาคตของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ และแนวทางในการกำกับดูแลและส่งเสริมการประกอบกิจการโทรทัศน์ของไทย ซึ่งสำนักงาน กสทช. ได้วิเคราะห์ต่อเนื่องจากผลการศึกษาโครงการจ้างที่ปรึกษาฉากทัศน์กิจการแพร่ภาพกระจายเสียงในอนาคตของไทยภายใต้สภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ก่อนนำไปจัดทำ (ร่าง) แผนที่นำทาง (Roadmap) กิจการโทรทัศน์และการแพร่ภาพและเสียงของประเทศไทยต่อไป
ทั้งนี้ บอร์ด กสทช. ได้รับฟังการบรรยายสรุปของสำนักงาน กสทช. และอภิปรายถึงประเด็นต่างๆ เช่น นิยามของกิจการโทรทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไป การเข้าถึงบริการโทรทัศน์ในอนาคต การกำกับดูแล Streaming Platform ต้นทุนที่สูงขึ้นและความคุ้มค่าในการใช้ MUX สำหรับการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล เป็นต้น
ขณะเดียวกัน กสทช. ยังรับทราบความเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์สื่อท่ามกลางบริบทของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป และอภิปรายถึงแนวทางการดำเนินการต่างๆ ในกรณีที่ปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน และในกรณีที่มีการแก้กฎหมายให้สอดคล้องกับบริบทการหลอมรวมทางเทคโนโลยีการสื่อสารระหว่างกิจการโทรคมนาคมและกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ โดยอาจเป็นการแก้กฎหมายระดับพระราชบัญญัติเป็นรายมาตราหรือแก้กฎหมายทั้งฉบับ
นอกจากนี้ กสทช.ยังอภิปรายถึงการส่งเสริมการประกอบกิจการโทรทัศน์ ทั้งด้านการส่งเสริมการผลิตเนื้อหารายการ การประเมินคุณภาพเนื้อหารายการในกิจการโทรทัศน์เพื่อส่งเสริมเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม การพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบกิจการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เทคโนโลยีและการเพิ่มช่องทางในการรับชม เช่น การจัดให้มี national streaming platform และการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับคนพิการ
ด้าน ศ.กิตติคุณ ดร. พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ด้านกิจการโทรทัศน์ กล่าวว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีที่บอร์ด กสทช. ได้พิจารณาร่วมกันถึงภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงไปของกิจการโทรทัศน์และปัญหาที่แวดล้อม ก่อนจะให้ข้อคิดเห็นเพื่อเป็นข้อมูลให้สำนักงาน กสทช. นำไปจัดทำโรดแมปสำหรับกิจการโทรทัศน์ ก่อนที่ใบอนุญาตประกอบกิจการดิจิทัลทีวีประเภทธุรกิจจะหมดอายุ ซึ่งจะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมที่จะได้มีการวางแผนธุรกิจได้อย่างรอบคอบ ทันต่อสถานการณ์
ขณะที่ น.ส.อรดา เทพยายน ผู้ช่วยเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ในการประชุม กสทช. เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ต่อเนื่องถึงวันที่ 11 ก.ย.2568 มีระเบียบวาระเข้าสู่ที่ประชุม กสทช. จำนวนทั้งสิ้น 67 วาระ มีวาระที่ผ่านการพิจารณาทั้งสิ้น 31 วาระ เช่น วาระที่เกี่ยวกับการอนุญาตประกอบกิจการ การกำกับดูแลผู้รับใบอนุญาต การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพื่อการพัฒนาและทดสอบนวัตกรรมในพื้นที่กำกับดูแลเป็นการเฉพาะ และการอนุญาตจัดสรรเลขหมาย รวมทั้งการจัดทำฉากทัศน์ในอนาคตของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทย
สำหรับวาระที่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์ คือ การจัดทำข้อมูลฉากทัศน์ในอนาคตของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทย ซึ่งในวันนี้ (11 ก.ย.) กสทช. ได้มีมติรับทราบบทวิเคราะห์ฉากทัศน์ในอนาคตของอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทย และกำหนดแนวทางในการกำกับดูแลและส่งเสริมการประกอบกิจการโทรทัศน์ ให้สำนักงาน กสทช. นำกรอบเวลาและแนวทางการดำเนินการในมิติต่างๆ ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน ไปจัดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ รวมทั้งให้นำประเด็นข้อสังเกตจากที่ประชุมไปประกอบการพิจารณาร่วมด้วย เพื่อเตรียมการก่อนใบอนุญาตทีวีดิจิตอลจะสิ้นสุดลงในเดือน เม.ย. 2572 โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1.การจัดสรรคลื่นความถี่ฯ กิจการทางธุรกิจ ต้องมีการกำหนดจำนวนช่องและมาตรฐานความคมชัด กำหนดแนวทางเกี่ยวกับคลื่นฯ และปรับปรุงประสิทธิภาพของโครงข่าย จัดทำแผนความถี่วิทยุ ประกาศหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการอนุญาต แนวทางการดำเนินงานให้บริการ MUX หลังสิ้นสุดใบอนุญาตปี 2571 กำหนดราคาตั้งต้นการประมูลเพื่อไปสู่การประมูลคลื่นความถี่ในไตรมาสที่ 4 ปี 2571 และอนุญาตให้ใช้คลื่นฯ/ประกอบการในเดือน เม.ย.2572
2.การสร้างกรอบการกำกับดูแลที่ยืดหยุ่น จะมีการวิเคราะห์และทบทวนกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบกิจการ รวมถึงปรับปรุง พัฒนากฎระเบียบในการกำกับดูแลการประกอบกิจการ
3.การลดภาระต้นทุนอื่น ได้แก่ ค่าเช่าใช้ MUX จะมีการวิเคราะห์และทบทวนวิธีการกำกับดูแลอัตราค่าเช่าใช้ และดำเนินการปรับปรุงประกาศฯ ที่เกี่ยวข้อง กรณีพบว่า มีวิธีการกำกับดูแลวิธีอื่นที่เหมาะสมกว่าวิธีในปัจจุบัน และเรื่องกฎ Must Carry ต้องมีการจัดทำรายงานผลการศึกษา เพื่อนำเสนอ กสทช.
4.การส่งเสริมการประกอบกิจการ ได้แก่ ด้านเนื้อหารายการ มีการส่งเสริมการผลิตเนื้อหารายการที่เป็นประโยชน์ ผ่านประกาศหลักเกณฑ์การสนับสนุนรายการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม การประเมินคุณภาพเนื้อหารายการในกิจการโทรทัศน์เพื่อส่งเสริมเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยมีการจัดทำเกณฑ์ และดำเนินการประเมินคุณภาพเนื้อหารายการ การพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพของผู้ประกอบกิจการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการจัดทำบริการสำหรับคนพิการ
ก่อนหน้านี้ คือ เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา นายสุภาพ คลี่ขจาย นายกสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) พร้อมผู้บริหารสมาคมฯ เข้ายื่นหนังสือถึง ประธานกรรมการ กสทช. เพื่อทวงถามความคืบหน้าในการนำเรื่อง Roadmap ทีวีดิจิตอลในปี 2572 ซึ่งมีการบรรจุวาระมาแล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณา โดยภาคอุตสาหกรรมต้องการให้มีการพิจารณาโดยเร็วจะได้รับทราบถึงทิศทางของกิจการโทรทัศน์ในอนาคตเพื่อวางแผนเตรียมการล่วงหน้าก่อนที่ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ของผู้ให้บริการช่องรายการดิจิทัลทีวีประเภทธุรกิจจะสิ้นสุดลง
น.ส.อรดา กล่าวต่อว่า ที่ประชุม กสทช. ยังพิจารณาวาระที่เกี่ยวกับการสนับสนุนด้านนวัตกรรม โดย กสทช. มีมติอนุญาตให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ประสานงานการใช้คลื่นความถี่เพื่อการพัฒนาและทดสอบนวัตกรรมในพื้นที่กำกับดูแลเป็นการเฉพาะ (Regulatory Sandbox) ในพื้นที่โครงการนวัตกรรม ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยมีระยะเวลาการอนุญาต 5 ปี นับแต่วันที่ได้รับอนุญาต รวมทั้งเห็นชอบแนวทางการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในพื้นที่กำกับดูแลเป็นการเฉพาะของบริษัทฯ มีขอบเขต ดังนี้
1.พื้นที่กำกับดูแลเป็นการเฉพาะ ได้แก่ ที่ตั้งโครงการนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ในพื้นที่ ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง มีพื้นที่รวม 2,345 ไร่ 1 งาน 75.3 ตารางวา 2.คลื่นความถี่ที่ประสงค์จะให้มีการพัฒนาและทดสอบนวัตกรรม ได้แก่ คลื่นความถี่ย่าน 410 -480 MHz, 481 - 525 MHz, 902 - 905 MHz, 915 -920 MIHz, 925 - 928 MHz, 1616-1625 MHz, 3300 - 4200 MHz, 5850 - 5925 MHz, 8300 - 8600 MHz, 9300 - 9800 MlHz, 15400-16700 MHz และ 76500 - 77000 MHz และ
3.การประยุกต์ใช้งานหรือนวัตกรรมเป้าหมายในพื้นที่ โดยจำแนกตามเทคโนโลยี ได้แก่ การประยุกต์ใช้งานกับอากาศยานไร้คนขับ การพัฒนาด้านเทคโนโลยีอวกาศ การพัฒนาด้านรถขับเคลื่อนอัตโนมัติและการสื่อสาร V2X และการประยุกต์ใช้อุปกรณ์ตรวจจับอากาศยานไร้คนขับ สำหรับการใช้งานเพื่อความมั่นคงของรัฐ
