
"...ทั้งหมดนี่ คือเกร็ดประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ภายในสภาฯเดียว มีการเปลี่ยนตัวนายกฯมาแล้วถึง 3-4 คน แทบทั้งหมดเกิดขึ้นภายใต้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และที่น่าสนใจกว่านั้นคือนายกฯที่โดน อยู่ใน ‘เครือข่ายชินวัตร’ แทบทั้งสิ้น..."
ในที่สุดไทยก็ได้ ว่าที่ ‘นายกฯคนที่ 32’ ที่มีชื่อว่า ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ นักธุรกิจ-การเมือง หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
หลังจบศึกสมรภูมิการเมือง ที่แต่ละก๊ก-กลุ่มขั้วต่างวางเล่ห์กลหมากการเมือง ดีลต่อรองจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หลังนายกฯคนที่ 31 ในชื่อ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากเก้าอี้ เมื่อ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา
‘อนุทิน’ จะมาถึงจุดนี้ไม่ได้ ถ้าไม่มี ‘ก๊กส้ม’ ที่นำโดยพรรคประชาชน (ปชน.) ประกาศพร้อมหนุนผลักดัน ‘อนุทิน’ แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข 3 ข้อคือ 1.รัฐบาลอยู่แค่ 4 เดือน 2.ดำเนินการทำประชามติเพื่อเปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้มี ส.ส.ร.เข้าไปร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 3.ปชน.จะไม่ร่วมรัฐบาล และหากพบว่ามีการบิดพลิ้วข้อตกลง จะยื่นซักฟอกล้มรัฐบาลทันที
หลังจากนี้ต้องรอดูหน้าตา ‘ครม.หนู 1’ ว่าจะออกมาในรูปแบบไหน นอกเหนือจากสถานการณ์การเมืองที่กำลังคึกคักแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือภายหลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 หรือราว 2 ปีเศษที่ผ่านมา พบว่ามีการเปลี่ยนตัวนายกฯไปแล้วถึง 2 คน และกำลังจะมีคนใหม่อีก 1 คน เรียกว่าเฉลี่ยเปลี่ยนปีละ 1 คนเลยทีเดียว
แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ หรือลืมไปแล้วว่า เหตุการณ์เปลี่ยนตัวนายกฯตามวาระของสภาฯ 4 ปีตามรัฐธรรมนูญ (ไม่นับหากมีการยุบสภาก่อน) นั้น เคยเกิดปรากฎการณ์เปลี่ยนตัวนายกฯ 1 ปี 3 คนมาแล้ว
นั่นคือเหตุการณ์เมื่อ 17 ปีก่อนในช่วงปี 2551 ภายหลังสิ้นสุดรัฐบาลจากคณะรัฐประหารหลังปี 2549 คือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ พ้นจากตำแหน่งนายกฯรักษาการภายหลังการเลือกตั้ง ถัดมาพรรคพลังประชาชน ‘เครือข่ายชินวัตร’ ชนะการเลือกตั้ง ‘สมัคร สุนทรเวช’ ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯคนที่ 25 แต่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งในปีเดียวกัน
ถัดมา ‘สมชาย วงศ์สวัสดิ์’ เขยชินวัตร ถูกดันขึ้นนั่งเก้าอี้นายกฯคนที่ 26 แต่ปลายปีถูกศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน ต้องพ้นเก้าอี้ไปตามระเบียบ กระทั่งเกิดเกม ‘พลิกขั้ว’ โดยพรรคภูมิใจไทย (ขณะนั้น) จนเกิดเป็นตำนานวลี “มันจบแล้วครับนาย” ซึ่งฝากฝังรอยแค้นแก่ ‘นายใหญ่’ มาจนวันนี้ ผลักดัน ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ ขึ้นเป็นนายกฯคนที่ 27 ได้สำเร็จ
ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นคือ 2 นายกฯในเครือข่าย ‘ชินวัตร’ อย่าง ‘สมัคร สุนทรเวช-สมชาย วงศ์สวัสดิ์’ พ้นเก้าอี้จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เฉกเช่นอีก 17 ปีต่อมา ‘เศรษฐา ทวีสิน-แพทองธาร ชินวัตร’ 2 นายกฯจากพรรคเพื่อไทย พ้นจากตำแหน่งด้วยคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกัน

ภาพประกอบเศรษฐา ทวีสิน-แพทองธาร ชินวัตร อ้างอิงจาก https://yutthasartonline.com/political/61277
เพื่อให้สาธารณชนรับทราบไทม์ไลน์ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ย้อนรายละเอียดให้ทราบ ดังนี้
เมื่อเดือน ม.ค. 2551 ภายหลังการเลือกตั้งปลายปี 2550 พล.อ.สุรยุทธ์ นายกฯคนที่ 24 ที่รักษาการแทนนายกฯภายหลังการเลือกตั้ง ได้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากพรรคพลังประชาชน จัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จและผลักดัน ‘สมัคร’ ก้าวมาดำรงตำแหน่งนายกฯคนที่ 25 ในบริบทที่การเมืองยังร้อนแรงอย่างมาก และเกิดความขัดแย้งอย่างสุดขั้ว ระหว่าง ‘ฝ่ายหนุนชินวัตร’ และ ‘ฝ่ายปฏิปักษ์ชินวัตร’ ที่นำโดยม็อบพันธมิตรฯ

สมัคร สุนทรเวช
เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2551 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 มีมติท่วมท้นโหวตเลือก ‘สมัคร’ เป็นนายกฯคนใหม่ โดยเขาปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 29 ม.ค. 2551 กระทั่งถูก ‘เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ’ สว.ขณะนั้น พร้อมด้วยกลุ่ม ’40 สว.’ ซึ่งถูกสื่อขนานนามว่าเป็น ‘ปฏิปักษ์ชินวัตร’ อย่างชัดแจ้ง ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ว่า การจัดรายการ ‘ชิมไปบ่นไป’ และ ‘ยกโขยงหกโมงเช้า’ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 267 ที่ห้ามนายกฯ มีตำแหน่งใด ๆ ในห้างหุ้นส่วนหรือองค์กรที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหากำไร หรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใดหรือไม่ ดังนั้นนายสมัคร กระทำต้องห้ามขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 267 เรื่องคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี จึงทำให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของสมัครสิ้นสุดลง
ต่อมาเมื่อ 9 ก.ย. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง ชี้ว่า ‘สมัคร’ กระทำการขัดรัฐธรรมนูญจริง ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกฯ ต้องพ้นเก้าอี้ไป โดยมี ‘สมชาย วงศ์สวัสดิ์’ รองนายกฯ และ รมว.ศึกษาธิการ เป็นนายกฯรักษาการ
ถัดมาเมื่อ 17 ก.ย. 2551 ที่ประชุมสภาฯ มีมติข้างมาก 298 เสียง โหวตให้ ‘สมชาย’ เป็นนายกฯคนที่ 26 ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสถานการณ์ยังร้อนแรงอย่างมาก และเกิดการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งในช่วงที่เขาเป็นนายกฯนั้น ไม่เคยได้เข้าทำเนียบรัฐบาลแม้แต่วันเดียว จนถูกเรียกขานว่า ‘นายกฯไร้เก้าอี้’

สมชาย วงศ์สวัสดิ์
ต่อมาเมื่อ 2 ธ.ค. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญ ได้วินิจฉัยคำร้องยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย กรณีถูกกล่าวหาว่าทุจริตในการเลือกตั้งปี 2550 โดยศาลมีคำวินิจฉัยในส่วนพรรคพลังประชาชน ด้วยมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง ให้ยุบพรรค และตัดสิทธิทางการเมืองของหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค 5 ปี ส่งผลให้ ‘สมชาย’ ต้องพ้นจากตำแหน่ง หลังเป็นนายกฯได้เพียง 2 เดือน 14 วัน โดยมี ‘ชวรัตน์ ชาญวีรกูล’ (บิดาของ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’) รองนายกฯขณะนั้น เป็นนายกฯรักษาการอยู่ 14 วัน
ถัดมา 17 ธ.ค. 2551 เกิดเหตุการณ์ในตำนานที่ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย มีการ ‘พลิกขั้ว’ จัดตั้งรัฐบาล โดย ‘กลุ่มเพื่อนเนวิน’ ได้ย้ายออกจากพรรค ‘เครือข่ายชินวัตร’ พร้อมกับจุดกำเนิดวลีทางการเมืองในตำนาน “มันจบแล้วครับนาย” ไปหนุนพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่มี ‘สุเทพ เทือกสุบรรณ’ เป็นเลขาธิการพรรค (ขณะนั้น) ผลักดัน ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ เป็นนายกฯคนที่ 27 ได้สำเร็จ หลังจากนั้น ‘กลุ่มเพื่อนเนวิน’ ได้ไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย และสร้างบารมีในพื้นที่อีสานใต้จนถึงปัจจุบัน
เรียกได้ว่าภายในปี 2551 แค่ปีเดียว และภายในสมัยสภาฯเดียว คือสภาฯชุดที่ 23 มีการเปลี่ยนตัวนายกฯไปแล้ว 4 คน คือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ (พ้นรักษาการนายกฯ 29 ม.ค. 2551) สมัคร สุนทรเวช (เป็นนายกฯ 29 ม.ค.2551-9 ก.ย.2551) สมชาย วงศ์สวัสดิ์ (เป็นนายกฯ 18 ก.ย. 2551-2 ธ.ค. 2551) และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (เป็นนายกฯ 17 ธ.ค. 2551 และไปยุบสภา 5 ส.ค. 2554)
ตัดภาพกลับมาปัจจุบัน คือสภาฯชุดที่ 26 ในช่วงระหว่างหลังการเลือกตั้งปี 2566 จนถึงปัจจุบัน (3 ก.ย. 2568) มีการเปลี่ยนตัวนายกฯไปแล้วถึง 2 คน และเหตุการณ์ค่อนข้างซ้ำรอยกับ 17 ปีก่อน นั่นคือ เมื่อ 22 ส.ค. 2566 ภายหลังเหตุการณ์ ‘ตระบัดสัตย์’ ของพรรคเพื่อไทย เขี่ยพรรคประชาชน (ปชน.) ทิ้งจากสมการพรรคร่วมรัฐบาล ได้เสนอชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ เป็นนายกฯคนที่ 30
‘เศรษฐา’ บริหารราชการแผ่นดินได้เกือบปีคือราว 11 เดือน 23 วัน ในระหว่างนั้นเขาถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีเสนอแต่งตั้ง ‘พิชิต ชื่นบาน’ เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ทั้งที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม โดยเมื่อ 14 ส.ค. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 เสียง สั่ง ‘เศรษฐา’ พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็น ‘แผลใจ’ ของเขามาจนปัจจุบัน

หลัง ‘เศรษฐา’ พ้นเก้าอี้ มีกระแสข่าวว่าถนนทุกสายมุ่งสู่ ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ เพื่อขยับทัพเปลี่ยนหมากวางตัวนายกฯ โดยตอนแรกมีการปล่อยข่าวชื่อ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ แคนดิเดตนายกฯคนที่ 3 ของพรรคเพื่อไทย ทว่าสุดท้ายลงตัวเคาะ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ แคนดิเดตนายกฯคนที่ 2 ของพรรคแทน โดยขณะนั้นเธอสวมหมวกเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย
โดยเมื่อ 16 ส.ค. 2567 ที่ประชุมสภาฯ มีมติท่วมท้นกว่า 319 เสียงโหวตเธอเป็นนายกฯคนที่ 31 โดยระหว่างที่เธอบริหารราชการแผ่นดินราว 10 เดือนเศษ ถูกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหู ในเรื่องการเป็น ‘นายกฯสำรอง’ เพราะมี ‘ทักษิณ’ ในฐานะ ‘สทร.’ ออกหน้าแทนแทบทุกเรื่อง พูดแทบทุกนโยบาย และรัฐบาลของเธอก็ตอบสนองทั้งหมด จนสื่อทำเนียบรัฐบาลให้ฉายาประจำปี 2567 ว่า ‘รัฐบาล (พ่อ) เลี้ยง’
ต่อมาช่วงเดือน มิ.ย. 2568 สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กำลังร้อนแรง เกิดเหตุปะทะกันหลายจุดบริเวณพรมแดน ทว่าในเดือนนี้ กลับปรากฏคลิปเสียงสนทนาระหว่าง ‘แพทองธาร’ กับ ‘ฮุน เซน’ ผู้มากบารมีแห่งกัมพูชา ต่อรองกันเรื่องการเปิดปิดด่านชายแดน แถมเธอยังพูดถึงปัญหาภายใน ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองและกองทัพ ส่งผลให้ สว.สีน้ำเงิน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยกรณีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯร้ายแรง และ 1 ก.ค. 2568 ศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับคำร้องไว้วินิจฉัย พร้อมกับสั่งเธอหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
ราวเกือบ 2 เดือนต่อมาเมื่อ 29 ส.ค. 2568 ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียงชี้ว่า เธอฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯอย่างร้ายแรงจริง และให้พ้นจากตำแหน่งนับตั้งแต่วันสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่คือ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ปิดฉากนายกฯคนที่ 31 และอาจจะเป็นนายกฯชินวัตรคนสุดท้ายหรือไม่?

เพราะปัจจุบันเธอยังเหลือคดีความค้างอยู่ใน ป.ป.ช. ทั้งคำร้องกรณีการโยกย้ายงบประมาณใน พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568 เพื่อไปใช้ในการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต รวมถึงคดีจริยธรรมเรื่องคลิปเสียงฉาวดังกล่าวด้วย
ทั้งหมดคือเกร็ดประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่ภายในสภาฯเดียว มีการเปลี่ยนตัวนายกฯมาแล้วถึง 3-4 คน แทบทั้งหมดเกิดขึ้นภายใต้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และที่น่าสนใจกว่านั้นคือนายกฯที่โดน อยู่ใน ‘เครือข่ายชินวัตร’ แทบทั้งสิ้น
อ่านประกอบ :
- สรุป! คำวินิจฉัยศาล รธน.ชี้ผิดจริยธรรม 'แพทองธาร' ขาดความรอบคอบ-ไม่พิทักษ์รักษาผลปย.ชาติ
- 'แพทองธาร' ไม่รอด! ศาล รธน. มติ 6:3 ชี้ผิดจริยธรรมสิ้นสุดความเป็นนายกฯ-ครม.พ้นทั้งคณะ
- ป.ป.ช. มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวน 'แพทองธาร' คดีจริยธรรมคลิปเจรจา 'ฮุน เซน'
- พนักงานสอบสวน บช.ก. ส่งสำนวนคดีคลิปหลุด ‘แพทองธาร- ฮุนเซน’ ให้ ป.ป.ช.
- สว.สมชาย-คณะ ประกาศลุยแจ้งความ'แพทองธาร'ผิดกม.ความมั่นคงรัฐ-นัดแถลงขับไล่ 19 มิ.ย.นี้
- เปิดสำนวน อดีตสว.สมชาย - คณะ แจ้งจับนายกฯ คลิปหลุดฮุนเซน ชี้สุ่มเสี่ยงทำให้ไทยเสียดินแดน
- ป.ป.ช.เตรียมฟันดาบสอง ‘แพทองธาร’ คดีคลิปเสียง‘ฮุน เซน’ ทั้งจริยธรรมร้ายแรง-ม.157
