คลื่นผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ขาลงชัดเจนขึ้น

"...แม้สมมติให้การเกิดภูมิจากผู้เคยติดเชื้อและผู้ฉีดวัคซีนครบสองเข็มมีประสิทธิผล 100% ภูมิคุ้มกันประชากรทั้งสามประเทศยังคงมีสัดส่วนห่างไกลจากค่า 70-80 % ที่จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ดังนั้น น่าจะมีเหตุผลอื่นที่เหมือนกันของอินเดียและอินโดนิเซีย ที่ทำให้การไต่ลงของกราฟเป็นไปอย่างมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในข่าวที่ว่า ทั้งสองประเทศ ยอมให้มีการใช้ยาฆ่าพยาธิแบบ Off-Lebel..." 

..............

22 ส.ค. 2564

วันนี้ มาติดตาม กราฟของผู้ติดเชื้อรายวัน และกราฟผู้ติดเชื้อสะสมต่อ วันนี้ ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายวัน 19,014 ราย และผู้ติดเชื้อเข้าข่าย ATK อีก 2,039 ราย รวมเป็น 21,053 ราย มีค่าเฉลี่ย 7 วัน ตามตารางในภาพที่ 3

ในภาพที่ 1 กราฟผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ย และกราฟที่รวมผู้ติดเชื้อที่เข้าข่ายจากการตรวจด้วย ATK ทั้งสองกราฟ ยังไต่ลงจากจุดพีค (21,784 ราย), (24,794 ราย) ตามลำดับ

ในภาพที่ 2 กราฟผู้ติดเชื้อสะสมได้ยืนยันจุดหักเหของความโค้งชัดเจนขึ้น ในวันที่ 17 ส.ค. 2564

มีข้อสังเกตว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เข้าข่ายจากการตรวจด้วย ATK (ซึ่งบางวันอาจสูงถึง 7,000+ ราย) ไม่ได้รวมอยู่ในระบบของฐานข้อมูลใน Our World in Data ดังนั้นค่า R ในฐานข้อมูลนานาชาติจึงไม่ได้นับผู้ติดเชื้อ ATK นี้ แบบจำลองคณิตศาสตร์ซึ่งใช้ค่า R จึงเริ่มปรวนแปร จากข้อมูลที่ขัดแย้งกัน

ภาพที่ 4 เปรียบเทียบกราฟผู้ติดเชื้อรายวัน อินเดีย อินโดนิเซีย และไทย เพื่อสังเกตการไต่ลงของกราฟ ทั้งอินเดียและอินโดนิเซีย มีการคาดเดาว่า การไต่ลงของกราฟ อาจจะเกิดจากภูมิคุ้มกันของผู้เคยติดเชื้อ บวกกับ ภูมิคุ้มกันของผู้ได้รับฉีดวัคซีนมาแล้ว 2 เข็มแล้ว แต่ในข้อถัดไป ผมมีข้อมูลมายืนยันว่า เป็นไปไม่ได้

ลองมาคำนวณสัดส่วนภูมิคุ้มกันของประชากรในปัจจุบันของสามประเทศ จากจำนวนผู้เคยติดเชื้อ (คิดจากค่าผู้ติดเชื้อยืนยันคูณด้วย 10 เท่า) บวกด้วยจำนวนผู้ฉีดวัคซีนสองเข็ม เปรียบเทียบแล้วได้ ดังนี้

อินเดีย (2.3% x 10 + 9.2% = 32.2% ของประชากร)

อินโดนิเซีย (1.4% x 10 + 8.2% = 22.2% ของประชากร)

ไทย (1.4% x 10 + 11% = 25.0% ของประชากร)

แม้สมมติให้การเกิดภูมิจากผู้เคยติดเชื้อและผู้ฉีดวัคซีนครบสองเข็มมีประสิทธิผล 100% ภูมิคุ้มกันประชากรทั้งสามประเทศยังคงมีสัดส่วนห่างไกลจากค่า 70-80 % ที่จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ดังนั้น น่าจะมีเหตุผลอื่นที่เหมือนกันของอินเดียและอินโดนิเซีย ที่ทำให้การไต่ลงของกราฟเป็นไปอย่างมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในข่าวที่ว่า ทั้งสองประเทศ ยอมให้มีการใช้ยาฆ่าพยาธิแบบ Off-Lebel

บทสรุป เรายังต้องติดตามการไต่ลงของกราฟผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยของประเทศไทยต่อไป จากที่ยังมีข้อกังขาถึงความน่าเชื่อถือของตัวเลขที่ยืนยันเป็นทางการ ถ้าข้อกังขามีส่วนถูก ผู้ติดเชื้อก็ยังจะลากยาวในระดับ 20,000 รายต่อไป และจะมีผลทำให้กราฟเบี่ยงเบนออกจากทิศทางขาลงได้ในภายหลัง

ศ. ดร. วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย ราชบัณฑิต
ผู้อำนวยการ
สถาบันนวัตกรรมบูรณาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ต้นฉบับและคอมเมนต์ : https://www.facebook.com/100005249319513/posts/1783838291801131/