"...โอซากะเขียนบทความเรื่อง “It’s O.K. Not to be O.K.” ในนิตยสาร Time ฉบับวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 เปลือยความในใจอย่างหมดเปลือกว่า “พวกคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ฉันเองเป็นคนเก็บตัวโดยธรรมชาติ (Naturally Introverted) ไม่ชอบเข้าสังคม ฉันอยากจะเป็นตัวของตัวเอง เพื่อจะได้พูดในสิ่งที่ฉันเชื่อและคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ฉันก็ทำไม่ได้และฉันก็ไม่มีทางออก ฉันหวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่า มันโอเคที่จะบอกว่าเราไม่โอเค และมันก็โอเคที่จะพูดออกมาดัง ๆ เพราะมีคนที่พร้อมจะช่วยเราเสมอ และมันมีแสงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมงค์จริง ๆ”..."
.........................
สวัสดีครับ
ในการแข่งขันเทนนิสรายการแกรนด์สแลม ยูเอสโอเพ่นปี 2018 วินาทีที่นาโอมิ โอซากะ สาวน้อยลูกผสมญี่ปุ่น-เฮติ วัย 20 ปี สามารถเอาชนะราชินีเทนนิส เซเรนา วิลเลียมส์ แชมป์แกรนด์สแลม 23 สมัย คว้าแชมป์หญิงเดี่ยวไปครองได้อย่างเหลือเชื่อ ทำให้ชื่อของเธอดังทะลุฟ้าเพียงชั่วข้ามคืน นอกจากสไตล์การเล่นที่ดุดัน ใช้การตีหนักจากท้ายคอร์ดพร้อมลูกเสิร์ฟความเร็วกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว เธอยังมีบุคลิกอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่แสดงอาการดีใจจนเกินพอดี เธอกล่าวในพิธีมอบรางวัลต่อหน้าเซเรนา ไอดอลของเธอว่า “ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมแมตช์นี้ มันเป็นความฝันมานานแสนนานว่าจะได้เล่นกับเซเรนา ในนัดชิงฯ ยูเอส โอเพ่น ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ” เป็นคำพูดที่สร้างความประทับใจให้กับแฟนเทนนิสทั่วโลก จากความสำเร็จในวันนั้น โอซากะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งมือวางอันดับ 1 ในปี 2019 นับเป็นชาวเอเชียคนแรกที่ได้ครองตำแหน่งนี้ และเธอยังได้เป็นเจ้าของตำแหน่งชนะเลิศรายการแกรนด์สแลมประเภทหญิงเดี่ยวติดต่อกันถึง 4 สมัย คือออสเตรเลียนโอเพ่น 2 สมัย (ปี 2019 และ ปี 2021) และยูเอสโอเพ่น 2 สมัย (ปี 2018 และ ปี 2020)1/
กระแส “โอซากะ ฟีเวอร์” แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เธอได้ขึ้นปกนิตยสารและหนังสือพิมพ์ทั่วโลก การที่เธอเลือกเป็นคนสัญชาติญี่ปุ่น ทำให้แฟนญี่ปุ่นต่างตอบรับด้วยความหวังว่า ธงชาติญี่ปุ่นจะโบกสะบัดในพิธีมอบเหรียญทองกีฬาเทนนิสหญิงเดี่ยวในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ที่ญี่ปุ่นกำลังจะเป็นเจ้าภาพในปี 2020 ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ นอกจากการเป็นนักเทนนิสซูเปอร์สตาร์แล้ว โอซากะยังมีพรสวรรค์ เป็นนักออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยอัตลักษณ์โดดเด่น ทำให้แฟน ๆ ยิ่งคลั่งไคล้ในตัวเธอมากขึ้น สปอนเซอร์ทั่วทุกมุมโลกต่างรุมจีบจนเกือบครบทุกแบรนด์ดัง ๆ เรียกได้ว่า ไม่มีอะไรที่จะรั้งให้เธอหยุดได้แล้ว
แต่แล้วเหตุการณ์กลับพลิกผัน ในการแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลม เฟรนซ์ โอเพ่น 2021 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โอซากะปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนภายหลังชัยชนะในรอบแรก ทั้ง ๆ ที่เป็นระเบียบที่นักกีฬาทุกคนต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เธอให้เหตุผลว่า เธอไม่เคยฝึกกับการรับมือจากสื่อ ไม่ชอบรูปแบบการแถลงข่าวที่ล้าสมัย มีแต่คำถามคำตอบเดิม ๆ แม้เธอจะรักสื่อ แต่ไม่รักการแถลงข่าวกับสื่อ ทำให้โอซากะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง โดนคาดโทษถูกปรับเป็นเงิน 15,000 ดอลลาร์ สรอ. เธอจึงประกาศถอนตัวออกจากการแข่งขัน พร้อมแถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า เธอขอลาป่วย เพื่อรักษาสภาพสภาวะซึมเศร้าที่ต้องทนทุกข์ทรมานมาตั้งแต่รับตำแหน่งแชมป์ยูเอสโอเพ่นในปี 2018 ถือเป็นข่าวช็อกวงการ จดหมายและสื่อโซเชียลมีเดียส่งความเห็นใจ ความห่วงใย ความรัก และความหวังดี หลั่งไหลมาทั่วสารทิศ รวมถึงคนดังที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับเธอ เช่น ไมเคิล เฟลป์ส นักกีฬาว่ายน้ำชาวอเมริกันที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ เจ้าของเหรียญรางวัลโอลิมปิก 28 เหรียญ (23 ทอง 3 เงิน และ 2 ทองแดง) และเมแกน มาร์เคิล พระชายาของเจ้าชายแฮร์รี่ แห่งราชวงศ์อังกฤษ ด้วยความไม่พร้อมของสภาพจิตใจ เธอตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขันอีกหลายรายการ รวมถึงเทนนิสแกรนด์สแลมวิมเบิลดัน
โอซากะได้รับเกียรติสูงสุดให้เป็นผู้จุดคบเพลิงพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก โตเกียวเกมส์ 2020 ชาวญี่ปุ่นให้การต้อนรับเธออย่างอบอุ่น ด้วยความหวังที่รอมานานว่า ญี่ปุ่นจะได้เป็นเจ้าของเหรียญทองเหรียญแรกในกีฬาเทนนิส แต่แล้วความหวังได้กลายเป็นความสิ้นหวัง เมื่อเธอพ่ายแพ้คู่ต่อสู้ในรอบสามอย่างยับเยินด้วยสกอร์ 1-6 และ 4-6 โชคร้ายยังตามมาหลอกหลอน อีก 2 เดือนต่อมา เธอตกรอบสามในการแข่งขันเทนนิสยูเอสโอเพ่น 2021 เมื่อพ่ายแพ้ให้กับเลย์ลาห์ เฟอร์นันเดซ นักเทนนิสชาวแคนาดาวัย 19 ปี มืออันดับที่ 90 อย่างหมดรูป โอซากะถอดใจ ถอนตัวจากการแข่งขันทุกรายการในปีนี้ ด้วยเหตุผลว่า “ฉันคิดว่าฉันควรจะหยุดเล่นเทนนิสสักพักหนึ่ง ฉันรู้สึกว่าไม่ปกติ ทำไมเวลาชนะ แทนที่จะมีความสุข ฉันกลับคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความ “โล่งใจ” แต่เวลาฉันแพ้ ฉันกลับรู้สึกเสียใจ และผิดหวังเอามาก ๆ ฉันฟาดแร็กเกต ทั้ง ๆ ไม่อยากจะทำอย่างนั้น ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร แต่มันคงถึงจุดเดือด” เวลานี้อันดับโลกของโอซากะตกลงมาอยู่อันดับที่ 12 ต่ำสุดนับตั้งแต่คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น เมื่อปี 2018
เกิดอะไรขึ้นกับโอซากะ? เมื่อวิเคราะห์บริบทสภาพแวดล้อมและพัฒนาการอารมณ์ คิดว่าน่าจะเกิดจากสาเหตุหลักสำคัญ 2 ประการ ประการแรกโอซากะมีปัญหาเรื่องรากฐาน พื้นเพของครอบครัว พ่อเป็นคนเฮติ แม่เป็นคนญี่ปุ่น ครอบครัวญี่ปุ่นฝ่ายตาและยายไม่ยอมรับการแต่งงานของพ่อแม่ แม่ต้องย้ายออกจากบ้าน ไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวเป็นเวลานับ 10 ปี ตัวเธอเองไปอยู่กับครอบครัวปู่และย่าที่อเมริกาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ แม้เธอจะยอมรับว่า เธอได้รับสิ่งดี ๆ มาจากหลากหลายวัฒนธรรม เช่น วัฒนธรรมญี่ปุ่นสร้างให้เธอเป็นคนมีวินัย มารยาทงาม รักความสะอาด มีรสนิยม วัฒนธรรมอเมริกันสอนให้เธอเปิดเผย หัวก้าวหน้า ขณะที่วัฒนธรรมเฮติบ่มเพาะความแข็งกล้า แต่เธอก็ยังรู้สึกเป็นคนแปลกปลอมในทุกสังคม นอกจากการไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวตาและยายแล้ว ผิวและทรงผมหยักศกยังไม่เหมือนคนญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นกลุ่มอนุรักษ์นิยมยังทำใจลำบากที่จะยอมรับเธอ นาโอะ ฮิบิโนะ นักเทนนิสหญิงมือวางอันดับสามของญี่ปุ่นบอกว่า “พูดจริง ๆ นะ พวกเรามองเธอเป็นคน “นอก” เธอดูไม่เหมือนคนญี่ปุ่น เติบโตมาจากที่อื่นและพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ค่อยเป็น”2/
จากการเป็นคนหลายเชื้อชาติ หลายเผ่าพันธุ์ ทำให้เธอรู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมกันในสังคม และต่อต้านการเหยียดผิวอย่างรุนแรง เช่น การไปเข้าร่วมเดินขบวนที่เมืองมินนีแอโพลิส หลังจากจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายจนเสียชีวิตในปี 2020 พร้อม ๆ กับการถอนตัวออกจากการแข่งขันรอบรองชนะเลิศรายการเทนนิส Western & Southern Open ในเวลาต่อมา เธอใส่หน้ากากอนามัย (face mask) เขียนชื่อชาวผิวสี 6 รายซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการแข่งขันยูเอสโอเพ่นในปีเดียวกัน
ประการที่สอง การเป็นซูเปอร์สตาร์ในช่วงข้ามคืน เป็นเรื่องยากมาก โอซากะอายุยังน้อย เธอรับกับความคาดหวังของผู้คนไม่ได้ เริ่มตั้งแต่พ่อของเธอเองที่พยายามปั้นให้เธอและ มาริ โอซากะ พี่สาว เป็นนักเทนนิสที่เก่งกล้าเหมือนกับสองพี่น้อง วีนัส และ เซเรนา วิลเลียมส์ ที่พ่อได้แรงบันดาลใจมาตั้งแต่เมื่อโอซากะอายุเพียง 2 ขวบ พ่อสอนเทนนิสให้เธอด้วยตนเองในคอร์ทเทนนิสสาธารณะ ซ้อมตีตั้งแต่ 100 ลูก ไปจนถึง 1,000 ลูกในแต่ละวันขณะเธออายุเพียง 3 ขวบ และนับจากนั้น เธอก็ฝังหัวว่าต้อง “ชนะ ชนะ และชนะ”
โอซากะเขียนบทความเรื่อง “It’s O.K. Not to be O.K.” ในนิตยสาร Time ฉบับวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 เปลือยความในใจอย่างหมดเปลือกว่า “พวกคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ฉันเองเป็นคนเก็บตัวโดยธรรมชาติ (Naturally Introverted) ไม่ชอบเข้าสังคม ฉันอยากจะเป็นตัวของตัวเอง เพื่อจะได้พูดในสิ่งที่ฉันเชื่อและคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ฉันก็ทำไม่ได้และฉันก็ไม่มีทางออก ฉันหวังว่าทุกคนจะเข้าใจว่า มันโอเคที่จะบอกว่าเราไม่โอเค และมันก็โอเคที่จะพูดออกมาดัง ๆ เพราะมีคนที่พร้อมจะช่วยเราเสมอ และมันมีแสงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมงค์จริง ๆ”3/
ผมเชื่อว่า ภาวะซึมเศร้าเกิดขึ้นได้กับทุกคนในสถานการณ์และเหตุการณ์ที่แตกต่างกันเพียงแต่โอซากะโดดเด่นกว่าคนอื่น คือเธอกล้าที่จะบอกออกมา และมองหาหนทางเพื่อหลุดพ้นจากสภาวะบีบคั้นจิตใจให้จงได้ ด้วยความเชื่อที่ว่า เธอไม่ได้เกิดมาเพื่อใช้ชีวิตให้คนอื่นพอใจ แต่เพื่อใช้ชีวิตให้ตนเองพอใจ และไม่เดือดร้อนใคร…ก็เท่านั้นเอง
เขียนโดย รณดล นุ่มนนท์
เขียนเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564
แหล่งที่มา :
1/ อารมณ์เป็นเหตุแห่งความพ่ายแพ้ Weekly Mail ฉบับวันที่ 17 กันยายน 2561
2/ ประชาชาติธุรกิจ. 2021. อิทธิพลของ นาโอมิ โอซากะ นักเทนนิสดาวรุ่งแห่งยุคต่อสังคมญี่ปุ่น. [online] Available at: <https://www.prachachat.net/d-life/news-718694> [Accessed 10 October 2021].
3/ สะท้อนความคิด และสังคมญี่ปุ่นผ่านเรื่องราวชีวิต นาโอมิ โอซากา | Main Stand. [online] Available at: <https://www.mainstand.co.th/221> [Accessed 10 October 2021].