"...บันทึกของเพลโตเขียนไว้ว่า “ท่านโสกราตีสมีท่าทางและคำพูดที่มีความสุขและตายไปอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว” และฝากหลัก “การคิดให้เป็น” ว่า “เรารู้อย่างเดียวคือ เรารู้ว่าเราไม่รู้อะไร เราต้องรู้จักตัวเองให้ดีเสียก่อน แล้วจึงไปแสวงหาความรู้จากผู้อื่น เราต้องถามคำถามที่ไม่มีใครเคยถามมาก่อน และที่สำคัญ ต้องตั้งใจฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ และนำมาไตร่ตรองอย่างเป็นตรรกะ”..."
ถ้าเราลองสำรวจหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อตอบโจทย์ตลาดแรงงานในยุค Metaverse ของชาว Gen Z ในปัจจุบันจะพบว่าชื่อรายวิชาแต่ละชื่ออยู่ในระดับเทพทั้งนั้น เช่น วิชานวัตกรรมบูรณาการ วิชาวิศวกรรมหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ วิชาเกม และสื่อเชิงโต้ตอบ อีกทั้งผู้เรียนยังต้องเสริมความรู้เทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น Blockchain, UX design การเขียน coding จนผมต้องยอมรับว่า ถ้าหากวันนี้ตกงานและต้องหางานใหม่คงลำบากแน่ ๆ อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการปลอบขวัญและให้กำลังใจกับคนใกล้เกษียณสำหรับคนรุ่นผม ก็อยากจะบอกว่า ในยุคสมัยนี้ที่ผู้คนส่วนใหญ่ “ใช้นิ้วมากกว่าใช้ปาก” พูดคุยกันนั้น ทักษะว่าด้วยการดำเนินชีวิตทั้งในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ การปรับตัว การจูงใจคน การทำงานร่วมกับผู้อื่น ความฉลาดทางอารมณ์ การจัดการกับเวลาและความสามารถในการสื่อสารนั้น ยังคงเป็นพื้นฐานที่ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) ไม่สามารถเข้ามาทดแทนได้โดยเฉพาะทักษะที่สำคัญที่สุดคือ “การคิดเป็น” เพราะหัวใจของการคิดเป็น เกิดมาจากการตั้งคำถามเป็น และนำไปสู่การค้นคว้าหาคำตอบที่มีเหตุมีผล พื้นฐานของข้อมูลและข้อเท็จจริงที่อ้างอิงได้ที่เรียกกันว่า “ตรรกวิทยา” วิชาว่าด้วยการใช้เหตุผล จุดบกพร่องในการเสนอเหตุผล ความถูกผิดในการโต้แย้งที่ต้องใช้การสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและกัน ผู้ที่วางรากฐานหลักการนี้มาใช้ตั้งแต่ก่อนคริสตกาลคือ โสกราตีส (Socrates) ผู้มีชื่อเสียงในฐานะผู้รักความรู้ หรือนักปรัชญาชาวกรีก
วิธีการของโสกราตีส (Socratic Method) คือ ปัญญาหมายถึงความรู้เกี่ยวกับความดี ความกล้าหาญ การรู้จักควบคุมตนเองและความยุติธรรมนั้น มีอยู่ในตัวเราทุกคนตั้งแต่เกิด และถ้าเราใช้ปัญญาคิดตามหลักเหตุผล ก็จะได้ความจริงออกมา
โสกราตีสไม่ได้ทิ้งมรดกงานเขียนไว้ เรื่องของโสกราตีสมาจากบันทึกความทรงจำของเพลโต (Plato) นักปรัชญาชาวกรีก ลูกศิษย์เอกโสกราตีสเกิดเมื่อ 470 ปีก่อนคริสตกาลที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีก บิดาเป็นช่างเจียระไนอัญมณี ในวัยเด็กได้รับการศึกษาด้านศาสนาและความรู้ทั่วไปตามแบบอย่างชาวกรีกสมัยนั้น เคยเป็นทหารออกสู้รบในสงครามเพโลพอนนีเซียนระหว่างเอเธนส์กับสปาร์ตาถึง 3 ครั้ง หลังสงครามกลายเป็นคนมีชื่อเสียงในเรื่องความซื่อสัตย์และความกล้าหาญที่สามารถช่วยชีวิตขุนศึกชาวเอเธนส์คนหนึ่งไว้ได้ แถมยังเป็นเจ้าของวลีโด่งดังที่ว่า “ชีวิตที่ไม่ถูกตรวจสอบนั้นไร้ค่า” และหลังจากนั้น โสกราตีสก็เริ่มต้นตรวจสอบแง่มุมของชีวิตทุกคนในกรุงเอเธนส์ด้วยวิธีการตั้งคำถามอย่างต่อเนื่องจนสามารถเกิดความเข้าใจและค้นพบความเป็นจริงได้ในที่สุด[1]
โสกราตีสรูปร่างเตี้ย ล่ำสัน ผมรกรุงรัง ไม่เคยกวนหนวด ใส่เสื้อผ้าเก่า ยับยู่ยี่ สกปรกเพราะไม่เคยซัก ไม่ใส่รองเท้า จัดว่าเป็นคน “อัปลักษณ์แสนจะน่าเกลียด” (hideously ugly) แต่ก็ยังมีครอบครัวมีบุตร 4 คน
เรื่องที่โสกราตีสสนใจที่สุดคือ “องค์ความรู้” ที่มีอยู่ในตัวตนของแต่ละคน และอยากจะรู้ว่า คนเราสร้างฐานความรู้และความเชื่อมาอย่างไร “ทำไมถึงได้ทำในสิ่งที่กำลังทำอยู่” (why do they do as they do?) คำถามแรกที่โสกราตีสมักจะถามกับพ่อค้า นักการเมือง ช่างไม้ หรือกวีก็คือ “ทำไมคุณถึงได้ทำสิ่งนี้”
โสกราตีสจะเริ่มการสนทนาเรื่องพื้น ๆ หรือเรื่องเกี่ยวข้องกับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่สำคัญ จากนั้นจึงป้อนคำถามที่แฝงความหมายลึกซึ้งเพื่อนำไปสู่เป้าหมายให้ได้คำตอบที่ดี ถูกต้องและน่าเชื่อถือ โสกราตีสใช้วิธีการนี้แสวงหาความจริง เช่น เมื่อเกิดสงสัยอยากจะรู้อะไรก็จะไปหาผู้รู้ หรือผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ขอคำอธิบายและซักถามจนกระทั่งได้คำตอบที่พอใจ ลักษณะคำถามของโสกราตีสคือคำถามที่เป็นระบบ มีระเบียบ วิธีที่ชัดเจน ลุ่มลึก เพื่อให้ผู้ตอบค้นคว้า ใช้เหตุผล ใช้ตรรกะ และสามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติในชีวิตจริงได้[2]
มีอยู่ครั้งหนึ่ง โสกราตีสได้รับคำตอบจากทนายความคนหนึ่งว่า ที่มายึดอาชีพนี้ก็เพราะต้องการปกป้องความยุติธรรม (uphold justice) โสกราตีสรุกไล่ถามว่า “ความยุติธรรมคืออะไร” ทนายความครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบแบบมึน ๆ ว่า “ความยุติธรรมคือการต่อสู้ให้ความดีอยู่เหนือความชั่ว” (goodness triumphing over evil) โสกราตีสยังไม่พอใจ ถามต่อไปว่า “การทำดีนั้นตีความได้หลายแง่มุม เช่น การนำของหายไปคืนเจ้าของ ถือว่าเป็นการทำความดีใช่ไหม” ทนายรีบตอบกลับทันควันว่า “แล้วทำไมจะไม่ถือว่าเป็นความดีล่ะครับ” โสกราตีสสวนไปว่า “ถ้าฆาตกรลืมดาบไว้ แล้วมีคนนำดาบไปคืน จะถือว่าเป็นการทำความดีใช่ไหมครับ” เมื่อมาถึงจุดนี้ ทนายถึงกับอึ้งเพราะเห็นด้วยว่า สิ่งที่โสกราตีสพูดนั้นถูกต้องและเป็นความจริง และนี่คือหนึ่งในบทสนทนาที่โสกราตีสพูดคุยเพื่อค้นหาคำตอบในแต่ละวัน[3]
ด้วยการเป็นผู้แสวงหาความจริง โสกราตีสจึงมีลูกศิษย์เลื่อมใสมากมายต่างล้วนมีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐในช่วงที่เต็มไปด้วยปัญหาทางการเมือง โสกราตีสถูกจับและถูกพิพากษาให้รับโทษถึงขั้นประหารชีวิตเมื่ออายุ 70 ปี ด้วยการดื่มยาพิษที่ทำมาจากต้น Hemlock ซึ่งเป็นพืชมีพิษชนิดหนึ่ง คำพิพากษาของลูกขุนระบุว่า “การตั้งคำถามและการสนทนาเกี่ยวกับปรัชญาและศาสนาถือเป็นความผิด ขาดความเลื่อมใสศรัทธาต่อรัฐ เป็นการทรยศต่อชาติ เป็นผู้ชักจูงเยาวชนไปในทางที่ผิด” อันที่จริง มีลูกศิษย์จะเสนอตัวช่วยเหลือให้โสกราตีสหนีโทษ แต่ท่านนักปราชญ์ปฏิเสธยืนยันอย่างมั่งคงว่า เราจะต้องเคารพกฎหมาย ซึ่งเป็นหลักของการปกครอง
บันทึกของเพลโตเขียนไว้ว่า “ท่านโสกราตีสมีท่าทางและคำพูดที่มีความสุขและตายไปอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว” และฝากหลัก “การคิดให้เป็น” ว่า “เรารู้อย่างเดียวคือ เรารู้ว่าเราไม่รู้อะไร เราต้องรู้จักตัวเองให้ดีเสียก่อน แล้วจึงไปแสวงหาความรู้จากผู้อื่น เราต้องถามคำถามที่ไม่มีใครเคยถามมาก่อน และที่สำคัญ ต้องตั้งใจฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ และนำมาไตร่ตรองอย่างเป็นตรรกะ”
แหล่งที่มา
[1] http://oknation.nationtv.tv. 2021. (Socrates). [online] Available at: <http://oknation.nationtv.tv/blog/piya88/2010/09/12/entry-1> [Accessed 28 November 2021].
[2] สยามรัฐ. 2021. ชีวิตในกำมือของเราที่เราลิขิตได้ด้วยความรู้ สติปัญญา ความจริง (10). [online] Available at: <https://siamrath.co.th/n/34840> [Accessed 28 November 2021].
[3] Kilkelly.net. 2021. The Story of Socrates: Finding Wisdom in Ignorance. [online] Available at: <https://kilkelly.net/portfolio/the-story-of-socrates-finding-wisdom-in-ignorance/> [Accessed 28 November 2021].