
"...“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” หรือสถานบันเทิงครบวงจร รวมทั้งการพนันออนไลน์ถูกกฏหมาย เป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นเมกะโปรเจ็กต์ที่สร้างรายได้เข้าประเทศ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวราว 50,000 ล้านบาทต่อปี หรือมากกว่า เพราะจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศได้เพิ่มขึ้น 5-20% หรือมากกว่า รวมทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้ต่อหัวนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ถึงประมาณ 60,000 บาทต่อคนต่อทริป แล้วยังไหนจะการเติบโตของตลาดหุ้นอีก รวม ๆ แล้วก็คงเป็นแสน ๆ ล้านบาทต่อปี โดยพยายามป่าวประกาศว่า “กาสิโน” มีเพียง 10 % ของภาพรวมของโครงการเท่านั้น อีก 90% จะเป็นส่วนของห้างสรรพสินค้า สวนสนุก สนามกีฬา สถานที่จัดงานขนาดใหญ่ ฯลฯ..."
“เธอคิดอย่างไรกับกาสิโน” คนข้างตัวตั้งคำถาม
“ชักไม่อยากให้ลูกชายมีลูกเลย และก็ชักไม่อยากเป็นย่าแล้ว” คำตอบของดิฉันเกิดจากความรู้สึก ณ ห้วงเวลานี้ แม้ถึงที่สุดลูกชายก็คงมีลูกของเขาตามครรลอง และดิฉันก็คงเป็นย่าตามระเบียบ
แต่เมื่อนึกถึงสภาพแวดล้อม พื้นที่เรียนรู้ แบบอย่างในสังคม โลกที่เปลี่ยนไปท่ามกลางวิกฤตหลายด้านทั้งด้านธรรมชาติ และน้ำมือมนุษย์ ทำให้อดห่วงไม่ได้
ในฐานะที่ดิฉันทำงานทางด้านสื่อสารมวลชน ด้านเด็กเยาวชนและครอบครัว และในฐานะ “แม่” ทำให้อดตั้งคำถาม อดหงุดหงิด และอดห่วงใยเด็กและเยาวชนคนรุ่นต่อไปไม่ได้ กับแนวคิดของรัฐที่เน้นมิติด้านเศรษฐกิจ เน้นเรื่อง GDP เน้นเรื่อง “เงิน” อีกแล้ว โดยเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงมิติด้านสังคม หรือเน้นเรื่อง “คน” ไม่ว่ารุ่นนี้หรือรุ่นต่อไป
ทำไมคิดแต่ “ได้” เพราะด้าน “เสีย“ มีมหาศาลเช่นกัน
ทำไมไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องผลกระทบต่อสังคมที่จะตามมา โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ทั้งที่เกิดมาแล้ว และกำลังจะเกิด
“เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” หรือสถานบันเทิงครบวงจร รวมทั้งการพนันออนไลน์ถูกกฏหมาย เป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นเมกะโปรเจ็กต์ที่สร้างรายได้เข้าประเทศ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวราว 50,000 ล้านบาทต่อปี หรือมากกว่า เพราะจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศได้เพิ่มขึ้น 5-20% หรือมากกว่า รวมทั้งยังช่วยเพิ่มรายได้ต่อหัวนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ถึงประมาณ 60,000 บาทต่อคนต่อทริป แล้วยังไหนจะการเติบโตของตลาดหุ้นอีก รวม ๆ แล้วก็คงเป็นแสน ๆ ล้านบาทต่อปี โดยพยายามป่าวประกาศว่า “กาสิโน” มีเพียง 10 % ของภาพรวมของโครงการเท่านั้น อีก 90% จะเป็นส่วนของห้างสรรพสินค้า สวนสนุก สนามกีฬา สถานที่จัดงานขนาดใหญ่ ฯลฯ
ก็แล้วเป็น “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” แบบไม่มีกาสิโนมิได้หรือ ?
ก็แล้วทำไม “การพนันออนไลน์” ที่ผิดกฎหมายอยู่ถึงจะต้องแปรเปลี่ยนบางส่วนมาให้ถูกกฎหมาย ??
ในช่วงปีสองปีมานี้ดิฉันได้มีส่วนเล็ก ๆ ในการร่วมทำงานในโครงการวิจัยเกี่ยวกับ “ทุนวัฒนธรรม” ได้มีโอกาสเดินทางไปยังท้องถิ่นในหลายจังหวัดทั่วทุกภูมิภาค ได้พบเห็นว่าประเทศไทยนั้นรุ่มรวยทุนวัฒนธรรมเหลือล้น หลากหลาย มีความงดงามแฝงอยู่ในทุกอณูทั้งทิวทัศน์และวิถีชีวิตของผู้คน แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ถูกหยิบยก ส่งเสริม ฟื้นฟู และพัฒนาอย่างบูรณาการ ทำให้หลายอย่างหายไป หรือถูกทำลาย หรืออาจเป็นเพราะรัฐไม่สามารถบริหารจัดการให้เกิดเป็นมรรคเป็นผลในการเพิ่มพูนทางด้านเศรษฐกิจวัฒนธรรมได้ จึงมักจะคิดถึงประโยชน์จากเรื่องที่คิดว่าง่ายกว่าและได้เงินคราวละมาก ๆ และเร็วกว่า
โดยไม่ได้คิดถึงผลกระทบที่จะตามมาเป็นโดมิโน่ !
โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชนที่ตัองเป็นผู้รับผลกระทบซ้ำเติมเข้าไปอีก
ก่อนหน้านี้ก็พูดปาว ๆ ว่าจำนวนประชากรในบ้านเรากำลังเข้าสู่วิกฤติ เด็กเกิดน้อยระดับต่ำ 500,000 คน อัตราการเกิดต่ำกว่าอัตราการตาย ในสัดส่วนที่เด็กเกิดน้อย เราก็ยังเผชิญปัญหาแม่ที่ท้องไม่พร้อมระดับหลักแสน ส่วนแม่ที่พร้อมก็ไม่ท้อง นี่ยังไม่นับรวมคนเป็นพ่อแม่ที่ยังขาดความรู้ในการเลี้ยงดูเด็กในแต่ละวัยอย่างเหมะสม หรือปัญหาการหย่าร้างที่เพิ่มสถิติจำนวนมากขึ้น สรุปโดยรวมกว่าเด็กคนหนึ่งจะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่คุณภาพในสังคม ที่จะมาช่วยพัฒนาสังคมหรือชาติบ้านเมืองในยุคต่อไปไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ทุกเรื่องมีทั้งด้านดีและด้านเสีย ได้อย่างเสียอย่าง
ถ้าได้ “เงิน” แต่ต้องเสีย”คน” ล่ะ ?
โดยเฉพาะในกรณีนี้คนที่เสียก็คือเด็กและเยาวชน ที่ผู้ใหญ่ประกาศปาว ๆ ว่าคืออนาคตของชาติล่ะ
นึกถึงตอนสถานการณ์โควิด เด็กต้องอยู่บ้านไม่ได้ไปโรงเรียน ปรากฏว่าตัวเลขพบเด็กติดพนันออนไลน์อย่างมีนัยยะสำคัญ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพวกเขาสามารถเข้าถึงแหล่งการพนันได้ทุกที่ทุกเวลา
หรือแม้แต่สถานการณ์ปกติ เด็กและเยาวชนก็เข้าถึงแหล่งพนันได้ง่ายอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เด็กและเยาวชนที่เล่นการพนันมักมีสภาพแวดล้อมที่ทำให้สุ่มเสี่ยง เช่น มีโต๊ะสนุกเกอร์อยู่ใกล้บ้าน เล่นพนันบอล ฯลฯ
ยิ่งปัจจุบันเข้าสู่โลกดิจิทัล รูปแบบการพนันออนไลน์ยิ่งเข้ามาปะทะตัวเด็กและเยาวชนได้ง่าย โดยเฉพาะเกมพนันที่ตอบสนองพฤติกรรมของวัยรุ่น คือ รู้ผลเร็ว เล่นได้ทุกที่ทุกเวลา
จากนี้ไป นอกจากการพนันจะเข้าถึงได้ง่าย เล่นได้ทุกที่ทุกเวลาแล้ว ยังมีแบบอย่างจากผู้ใหญ่การันตีด้วยว่าถูกกฎหมายนะจ๊ะ พ่อแม่อย่ามาห้ามฉัน !
นี่ยังไม่ได้พูดถึง เมื่อผู้เล่นที่ไม่สามารถออกมาจากการเสพติดพนันได้ สิ่งที่ตามมาคือหนี้สิน โกหก ลักขโมย มีพฤติกรรมก้าวร้าว และนำไปสู่ความแตกร้าวของสัมพันธภาพ ยิ่งครอบครัวใดที่มีลูก เมื่อพ่อแม่หมกมุ่นอยู่กับการพนัน คุณภาพในการดูแลลูกย่อมต่ำลง
องค์การอนามัยโลกกำหนดให้พฤติกรรมติดการพนันเป็นความผิดปกติทางจิตชนิดหนึ่ง เรียกว่า Pathological Gambling หรือ โรคติดพนัน ซึ่งผู้เล่นการพนันจะมีความทุกข์จากการเล่นพนัน แต่ก็หยุดไม่ได้ยังคงต้องเล่นต่อไป หรือกรณีโรคติดพนันในวัยรุ่น (Adolescent pathological gambling) จะส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมและพัฒนาการของเด็กและเยาวชนโดยเฉพาะด้านสมอง งานวิจัยด้านการแพทย์ระบุชัดเจนว่าการพนันไม่ใช่แค่เกมสนุก แต่เป็นเกมที่สามารถทำลายสมองของเด็กและเยาวชนได้อย่างถาวร
สถาบันวิจัยเกี่ยวกับสุขภาพจิตในอเมริกา (National Institute of Mental Health) โดย Ernts และคณะ ได้ศึกษาโครงสร้างสมองของวัยรุ่นด้วยการถ่ายเอ็กซเรย์สมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) พบว่า สมองของวัยรุ่นยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ชี้ให้เห็นว่า ช่วงวัยรุ่นตอนต้นเป็นวัยที่ยังขาดความยับยั้งชั่งใจ ซึ่งสมองส่วนหน้าที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการคิดที่ใช้เหตุผล (Prefrontal Cortex) จะพัฒนาสมบูรณ์ในช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไป ถ้าวัยรุ่นหมกมุ่นหรือติดการพนันจะส่งผลให้สมองส่วนนี้ไม่เพิ่มเนื้อสมอง ซึ่งจะไม่พัฒนาอย่างถาวรและยังอาจถูกตัดทิ้ง (Pruning) เพราะไม่ได้ใช้งาน ส่งผลต่อระบบคิดและพฤติกรรมที่จะติดตัวไปตลอดชีวิต จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่อดทนรอความสำเร็จ หวังได้เงินมาง่าย ๆ และรวดเร็ว
ลำพังการปรับแก้พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเด็กยุคนี้ก็มากอยู่แล้ว
เด็กต้องรับมือกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ปัญหาที่ผู้ใหญ่ยุคนี้สร้างไว้ให้กับเด็กยุคต่อไปยังไม่มากพอหรือ !
ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
ที่มา : เฟซบุ๊ก สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก https://www.thairath.co.th/ , https://www.freepik.com

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา