
"...ภาวะโลกร้อนปัจจุบันมีการกล่าวถึงว่า ก้าวสู่โลกเดือด อุณหภูมิโลกร้อนขึ้น มีรายงานในประเทศอินเดียเกินกว่า 50 องศาเซลเซียส การเดินทางจัดการปัญหาโลกร้อนหรือโลกเดือดจากภาวะเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศเป็นเรื่องที่ภาครัฐ ภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม และภาควิชาการต่างรับทราบ มีความตื่นตัวและแสวงหาแนวทางดำเนินการในปัจจุบัน..."
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโดยสถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน (SERI) ได้จัดให้มีการเสวนากลุ่ม 9 สถาบันวิจัยในหัวข้อ Zero Carbon Journey : ความท้าทายของอุตสาหกรรมไทยในบริบทโลกไร้คาร์บอน ในการกล่าวเปิดงาน
ศ ดร วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวถึง สภาวะโลกร้อน ว่า ในบางขณะที่อากาศมีมลภาวะ ประชาชนได้รับความลำบาก กลายเป็น “อากาศที่มิอาจหายใจ” ไม่เพียงเป็นอากาศที่เต็มไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ แต่ฝุ่นควัน PM 2.0 ได้สร้างความยากลำบากในการหายใจในหลายพื้นที่ของประเทศ ทั้งนี้ มีเรื่องที่ “เราไม่รู้ ว่า เราไม่รู้” หรือ“ Unknown of the unknown ” อีกมากมาย ในฐานะสถาบันวิชาการ มีทั้งหน้าที่ของการสร้างความรู้ ต่อสู้กับปัญหาที่ท้าทาย และ หน้าที่ในการสร้างนิสิตเป็นพลเมืองโลก ไม่เพียงความรู้ทางเทคนิควิทยาการ แต่ต้องตื่นตัว Awareness ในการเป็นพลเมืองโลกที่ต้องเผชิญและแก้ปัญหาโลกร้อนในอนาคต
การเสวนากลุ่มในครั้งนี้ ทำให้ทราบความคืบหน้าของภาครัฐ สองหน่วยงาน โดย กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ นำเสนอนโยบายและทิศทางการ ขับเคลื่อนการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศ ขณะที่ กรมสรรพสามิต โดย ผู้อำนวยการสำนักภาษีได้เสนอเรื่องภาษีคาร์บอนและมาตรการปรับราคาคาร์บอนของไทย
การทำให้สังคมไทยไร้คาร์บอน มีมิติเชิงนโยบาย ที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ ภาคการผลิตที่ปลดปล่อยคาร์บอน รัฐกำลังเริ่มปรับจากเพียงการเชิญชวนให้ภาคอุตสาหกรรมดำเนินการ มาเป็นการเริ่มตลาดคาร์บอน และ การใช้มาตรการทางภาษี เพื่อและสิทธิผลในการลดคาร์บอน
ในการเสวนา ครั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ ได้นำเสนอแนวทางที่ดำเนินการทั้งเชิงนโยบายและ ที่เป็นรูปธรรม คือ โครงการ “สระบุรีแซนด์บอกซ์”ที่ได้ทำงานร่วมกับภาคีต่างๆ เป็นตัวอย่างจังหวัดที่เป็นเมืองอุตสาหกรรม และมีภาคเกษตรและการท่องเที่ยวศิลปวัฒนธรรมรวมอยู่ด้วย ว่าจะสามารถสร้างภาวะแวดล้อมที่ดีมีความยั่งยืนได้อย่างไร ในส่วนอุตสาหกรรมอาหาร ผู้นำเสนอได้ทำธุรกิจผลิตอาหารปลาทูน่ามีเรื่องเกี่ยวข้องกับการลดคาร์บอนแบะเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน มีแนวทางดำเนินการที่เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตอาหารต่อไป
การถอดรหัสความเข้าใจ เกี่ยวกับ คาร์บอนต่ำ จากการฟังเสวนากลุ่ม อาจสรุปได้ว่า เพื่อให้เกิด Carbon Neutrality (คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์) ที่ครอบคลุมทั้งระดับประเทศ องค์กร และชุมชน โดยเน้นความสมดุลระหว่างการ “ลด” การปล่อย และการ “ดูดกลับ” ก๊าซเรือนกระจก ควรมีแนวทางดำเนินการ ประกอบด้วย
1. การเปลี่ยนไปใช้พลังงานสะอาด (Renewable Energy) เพื่อเป็นการลดการปล่อย CO₂ ได้โดยตรง ได้แก่การ ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล (ถ่านหิน, น้ำมัน, ก๊าซ) และ ส่งเสริมการผลิตและใช้พลังงานจากแหล่งสะอาด เช่น: แสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล พลังน้ำ
2. เพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน (Energy Efficiency) เพื่อลด CO₂ โดยไม่ต้องรอเทคโนโลยีใหม่ ได้แก่ การพัฒนาอาคาร อุปกรณ์ และระบบผลิตให้ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น: LED, ฉนวนกันความร้อน, ระบบอัจฉริยะในการควบคุมการใช้ไฟฟ้า ภาคอุตสาหกรรม ใช้เทคโนโลยีที่ประหยัดพลังงาน ลดการสูญเสียความร้อน
3. เร่งฟื้นฟูและขยายพื้นที่สีเขียว (Nature-based Solutions) เพื่อช่วยดูดกลับ CO₂ ตามธรรมชาติ ได้แก่ การปลูกป่า ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ป่าชายเลน การส่งเสริมเกษตรกรรมที่ดูดซับคาร์บอน เช่น agroforestry, ปลูกพืชคลุมดิน การรักษาระบบนิเวศที่ดูดซับ CO₂ ได้ดี
4. การลงทุนในเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture & Storage/Utilization) เพื่อแก้ปัญหาคาร์บอนส่วนที่ลดไม่ได้ ได้แก่ การส่งเสริมการพัฒนา CCS/CCUS โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมหนัก การสนับสนุนนวัตกรรม เช่น Direct Air Capture (DAC), Carbon Mineralization รวมถึงการนำ CO₂ ไปใช้ประโยชน์ (เช่น ผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์)
5. การใช้มาตรการเศรษฐศาสตร์คาร์บอน (Carbon Pricing / Incentives) เพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงด้วยกลไกตลาดได้แก่ การจัดเก็บ “ภาษีคาร์บอน” หรือใช้ “ระบบซื้อขายคาร์บอน” (carbon credit) การ ให้แรงจูงใจสำหรับกิจกรรมคาร์บอนต่ำ เช่น: สิทธิ์ลดหย่อนภาษี เงินอุดหนุนสำหรับพลังงานสะอาด การส่งเสริมตลาดคาร์บอนภายในประเทศ
ทั้ง 5 แนวทางนี้ จะทำให้เกิดสมดุลระหว่างการ “ปล่อย” และ “ดูดกลับ” คาร์บอน มุ่งสู่การเป็น Carbon Neutral Society
ข้อเสนอ 5 แนวทาง สามารถย่อคำและเรียงตาม A–B–C–D–E ดังนี้ Avoid – หลีกเลี่ยง Boost – เพิ่มประสิทธิภาพ Capture – ดักจับ Develop – พัฒนาธรรมชาติ และ Enable – ใช้นโยบายทางเศรษฐกิจ

A – Avoid Emissions หลีกเลี่ยงการปล่อยคาร์บอนตั้งแต่ต้นทาง ใช้พลังงานสะอาดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล ส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะและลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว
B – Boost Efficiency เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและทรัพยากร อาคารเขียว, เครื่องจักรประหยัดพลังงาน ระบบควบคุมอัตโนมัติ ลดของเสียและพลังงานส่วนเกิน
C – Capture Carbon ดักจับและกักเก็บคาร์บอนจากแหล่งกำเนิด และ การนำ CO₂ ไปใช้ใหม่
D – Develop Nature-based Solutions พัฒนาวิธีธรรมชาติดูดกลับคาร์บอน ปลูกป่า ฟื้นฟูระบบนิเวศ เกษตรคาร์บอนต่ำ
E – Enable Carbon Pricing & Incentives ใช้เศรษฐกิจเปลี่ยนพฤติกรรม ภาษีคาร์บอน ตลาดคาร์บอน เงินอุดหนุน
บทความโดย :
รศ ดร ภก วิทยา กุลสมบูรณ์
ที่ปรึกษาศูนย์พันธกิจสัมพันธ์เพื่อสังคม
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
16 พฤษภาคม 2568

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา