
“...ไม่ได้กังวล เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น และเราไม่ใช่คนวินิจฉัยชี้ขาด ท้ายที่สุดแล้ว ต่อให้สภานายกพิเศษพิจารณาไปแล้ว แพทยสภาสามารถใช้เสียงสองในสามกลับความเห็นของนายกสภาพิเศษ หรือยืนยันความเห็นเดิมของแพทยสภาก็ได้ ไม่ได้จบที่นายกสภาพิเศษ จบที่แพทยสภา...”
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org): นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข หนึ่งในคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษ ที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข แต่งตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา ถึงแนวทางและเสนอความเห็นการพิจารณามติแพทยสภาที่ให้ลงโทษแพทย์ 3 ราย ก่อนส่งให้นายสมศักดิ์ ในฐานะนายกสภาพิเศษ ในวันที่ 26 หรือ 27 พฤษภาคมนี้
อ่านประกอบ : ไม่มีผล! 'ธนกฤต' ยันต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จใน 15 วัน แม้แพทยสภาไม่ส่งเอกสารเพิ่ม
@ กรอบการทำงาน อำนาจและหน้านี้คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษ
ช่วยนายกสภาพิเศษดูเรื่องข้อกฎหมายว่า มีอะไรบ้าง รวมถึงดูเรื่องข้อเท็จจริง เนื่องจากจำนวนเอกสารมีจำนวนมาก ซึ่งกรรมการแต่ละคนอาจจะมีความเห็นและแนวทางเสนอให้นายกสภาพิเศษพิจารณาความเห็นเพื่อตอบกลับไปยังแพทยสภา ไม่ว่าจะเป็นเห็นด้วย หรือ ยับยั้งมติของแพทยสภา ซึ่งอยู่ในอำนาจของนายกสภาพิเศษ
@ ผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯออกมาได้ 2 แนวทาง คือ เห็นด้วย กับ ยับยั้งมติแพทยสภา
เป็นสองแนวทางนี้อยู่แล้ว กรรมการแต่ละคนจะมีความเห็นของตัวเอง ซึ่งสภานายกพิเศษให้อิสระกรรมการแต่ละคนที่จะสามารถมีมุมมองและความเห็นต่อมติแพทยสภา
“ยกตัวอย่างผม (1 ในกรรมการ 10 คน) ได้นำเอกสารมาดูและจะให้ความเห็นว่า ผมมีความเห็นในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงประกอบแต่ละบุคคลอย่างไร”
วิธีการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้คือ ทุกคนให้ความเห็น โดยฝ่ายเลขาฯจะสรุปคนสรุปรวมให้นายกสภาพิเศษอีกที ว่า แต่ละคนมีความเห็นอย่างไร บางอย่างที่มีความเห็นตรงกัน กรรมการแต่ละคนที่คิดมาก็ใส่เข้าไป บางคนที่มีความเห็นต่างก็ใส่เข้าไปเพื่อให้นายกสภาพิเศษนำไปใช้ในการประกอบการพิจารณาครั้งสุดท้ายก่อนที่จะส่งเอกสารกลับไปยังแพทยสภาต่อไป
“ดังนั้น พวกเราไม่ได้เข้าไปก้าวล่วงที่จะเสนอให้ท่าน (นายกสภาพิเศษ) มีมติอย่างไร มันเป็นความเห็นเด็ดขาดของนายกสภาพิเศษอยู่แล้วตามกฎหมาย ใครจะก้าวล่วงเรื่องนี้ทำไม่ได้ ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการที่จะไปชี้นำด้วยซ้ำ”
@ ถ้าลงในรายละเอียด ผลการพิจารณาออกได้ 3 แนวทาง คือ เห็นด้วย ยับยั้ง หรือ มีเหตุผลประกอบการบรรเทาโทษ
ต้องมีเหตุผลใส่เข้าไป ถ้าเห็นด้วยกับมติแพทยสภาทั้งหมด ก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องไปใส่ แต่เมื่อไหร่ที่ไม่เห็นด้วย หรือ ยับยั้ง จะมีเหตุผลเพิ่มเติมเข้าไปว่า มีความเห็นแตกต่างจากมติแพทยสภาอย่างไร เป็นเรื่องปกติของการทำความเห็น
“เพียงแต่เรื่องนี้ เป็นเรื่องของบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นอดีตผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านของเมืองอยู่แล้ว ก็เลยมีความสำคัญที่คนให้การสนใจเป็นพิเศษเท่านั้นเอง”
@ ที่ผ่านมาเคยมีกรณีที่ต้องใช้อำนาจนายกสภาพิเศษ ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ในการเห็นด้วยหรือยับยั้งมติแพทยสภา
ที่ผ่านมาก็มีทั้งเห็นด้วยและยับยั้งมติแพทยสภา ล่าสุดที่มีข้อมูล คนที่ได้รับผลกระทบจากการลงโทษของแพทยสภา และรมว.สาธารณสุขคนที่ผ่านมาก็เห็นด้วยกับมติแพทยสภา
“พอเห็นตามก็เกิดปัญหา เพราะคนที่ถูกลงโทษไม่เห็นด้วยกับคำสั่งก็ไปร้องต่อศาลปกครอง ศาลปกครองกลางและศาลปกครองสูงสุดก็มีคำสั่งมาให้กลับคำสั่งของแพทยสภาทั้งหมด และต่อมาก็มีการเรียกค่าเสียหายเกิดขึ้น”
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่วันนี้นายกสภาพิเศษถึงจะต้องกลับมาพิจารณาเรื่องนี้ และให้ความสำคัญเรื่องนี้เพิ่มเติมมากขึ้นเพราะเรื่องนี้เป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชน เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้น การที่สภานายกพิเศษจะต้องตรวจสอบให้เข้มข้นมากขึ้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องทำ
@ คณะกรรมการฯ พิจารณา ข้อเท็จจริง หรือ ข้อกฎหมาย เป็นหลัก
ทั้งสองอย่างประกอบกัน เราจะพิจารณาจากเอกสารที่แพทยสภาส่งกลับมา ว่า มีเอกสารใดบ้าง ล่าสุดมีการขอเอกสารกลับไปยังแพทยสภา เพราะมีบางส่วนที่เรายังต้องการเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ (22 พ.ค.68) ยังไม่มีการส่งกลับมาแต่อย่างใด

@ หนังสือขอความเป็นธรรมของแพทย์ คณะกรรมการฯ จะนำมาพิจารณาด้วย
เป็นการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งรมว.สาธารณสุขก็ต้องดูว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสภานายกพิเศษหรือไม่ ถ้ามองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็เป็นดุลพินิจของนายกสภาพิเศษที่จะตัดสินใจว่าจะนำเรื่องร้องเรียนมาพิจารณาด้วยหรือไม่
@ หนังสือขอความเป็นธรรรม มีข้อเท็จจริง หรือข้อมูลใหม่ ที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า นายทักษิณป่วยจริง
“ผมพิจารณาในเรื่องของแพทยสภาลงโทษคุณหมอ ผมไม่ได้พิจารณาเรื่องของคุณทักษิณ ส่วนจะเอาหนังสือขอความเป็นธรรมของหมอมาประกอบหรือไม่ ในรายละเอียดมีหลากหลาย ต้องดูให้ครบถ้วน คงยังตอบตรงๆ ตรงนี้ไม่ได้ เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณา พูดไปจะกระทบกับคณะกรรมการท่านอื่น”
ถ้าจะเอาเข้ามาพิจารณาด้วยก็ต้องทำเรื่องต่างหาก เพราะไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของคณะกรรมการชุดนี้ ต้องแยกส่วนกัน เป็นเรื่องของกระทรวง กับความเห็นของสภานายกพิเศษ คณะกรรมการชุดนี้จะไม่เห็นการยื่นเรื่องร้องทุกข์
“ส่วนตัวผม อย่างไรก็ตามก็ต้องเอามาเทียบดู เพราะผมเห็นสองมุม ก็ต้องเอามาเทียบดู ก็จะมองเห็นว่า อะไรที่มีความแตกต่างกัน”
@ ข้อเท็จจริงในมติแพทยสภาลงโทษหมอ 3 ราย ข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอที่จะเห็นด้วยกับแพทยสภา
ก็ต้องมาดูว่า ข้อเท็จจริงที่แพทยสภาพิจารณามาแล้ว มีข้อเท็จจริงชัดขนาดไหน คณะกรรมการชุดนี้ก็ต้องมาตรวจสอบ อันต่อมาคือ มีกฎหมายรองรับครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ เพราะต้องดูกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย นอกเหนือจากกฎหมายของแพทยสภา ซึ่งจะเป็นเรื่องของการทำความเห็นของคณะกรรมการชุดนี้
@ ในเรื่องของข้อกฏหมายในให้อำนาจสภานายกพิเศษยับยั้ง มองอย่างไรกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย
กฎหมายไม่ได้ระบุชัดเจนว่าสภานายกพิเศษมีอำนาจแบบไหนอย่างไร ซึ่งบางคนก็เห็นแตกต่างกัน บางคนเห็นว่า นายกสภาพิเศษไม่มีอำนาจ มีเพียงการเห็นด้วยกับยับยั้ง แต่จะเป็นธรรมกับคนที่ถูกลงโทษหรือไม่
ดังนั้น การมายื่นเรื่องร้องทุกข์ที่กระทรวงสาธารณสุข เพราะสภานายกพิเศษไม่ได้อยู่ในการพิจารณาของแพทยสภาตั้งแต่ต้น แต่กฎหมายเขียนไว้ว่า นายกสภาพิเศษต้องเป็นผู้ที่พิจารณาเป็นคนสุดท้าย จึงเป็นเรื่องปกติ
“ต้องเปิดใจให้กว้าง เรื่องนี้หลายคนยังเข้าใจว่า...แยกกันให้ออก ผมทำงานช่วยเหลือประชาชน ผมทำงานตรงไปตรงมา วันหนึ่งผมต้องมาเกี่ยวข้องกับการพิจารณาโทษคุณหมอก็ไม่ได้ต่างกันกับที่คนมาร้องขอความเป็นธรรมกับผม อย่าดึงเอาพวกเรา หรือท่านสภานายกพิเศษไปเป็นเรื่องของการเมือง”
เรื่องนี้มองกันให้บริสุทธิ์ใจ อย่ามีอคติในการแสดงความคิดเห็น มองให้ตรงไปตรงมาก่อนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณหมอถูกลงโทษ และคุณหมอบอกว่า ไม่เห็นด้วย ไม่ได้รับความเป็นธรรม เราควรจะปฏิบัติกับเขาอย่างไร
“เราจะบอกว่า เราเห็นด้วยกับแพทยสภาทั้งหมดได้ไหม (เน้นเสียง) มันก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่มีอยู่จริงหรือไม่ หรือพอเราไปมองจากพยานหลักฐานของแพทยสภาแล้ว เกิดมันยังมีข้อที่ยังขาดอยู่ล่ะ เราก็ไปขอหนังสือเพิ่มเติม ปัจจุบันนี้ยังไม่ได้ส่งมา ก็เป็นเรื่องที่เขาจะส่งก็ได้ ไม่ส่งก็ได้ ก็ไม่ได้มีกฎหมายห้ามไว้ แต่ก็ไม่ได้ห้ามนายกสภาพิเศษที่จะขอเอกสารเพิ่มเติมมาพิจารณาในมุมที่มองว่ามีความสำคัญเกิดขึ้นด้วยหรือเปล่า”
ถ้าคณะกรรมการมองว่ามีความสำคัญ ก็ต้องเดินหน้าทำไป และถ้ามองว่าไม่มีความสำคัญก็ไม่เป็นไร หรือถ้าคณะกรรมการคิดว่าเขาจะให้ความเห็นจากนี้ต่อไปได้ก็เป็นสิทธิ์
“ถ้าแพทยสภาไม่ให้เอกสารเพิ่มเติมมาก็ไม่เป็นไร เราก็มีความเห็นในมุมที่เราสามารถไปได้”
@ พูดชัดๆอีกครั้ง คณะกรรมการฯ ไม่ได้พิจารณาว่า คุณทักษิณป่วยจริงหรือป่วยไม่จริง
เรื่องนี้มองให้ชัดก่อน เขาไม่ได้ร้อง เขาไม่ได้ถูกลงโทษเพราะว่า เรื่องป่วยจริงหรือไม่ป่วยจริง เขาถูกลงโทษเรื่องของถูกพักใบอนุญาต ถูกว่ากล่าวตักเตือน ด้วยเหตุผลของการพิจารณาเรื่องของคนไข้ เช่น การปฏิบัติต่อคนไข้ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ตรงนี้มันก็เลยไม่ได้ลึกถึงรายละเอียดของคุณทักษิณว่า ป่วยจริงหรือป่วยไม่จริง มันไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
@ กระแสสังคมมีผลต่อการพิจารณาของคณะกรรมการฯ
เราไม่ห้ามคนวิพากษ์วิจารณ์เพราะว่า เขาเห็นไม่ทั้งหมด เหมือนศาลเวลาตัดสิน บางคนบอกว่า พวกคุณไม่ใช่หมอ แล้วคุณไปตัดสิน หรือคุณมาพิจารณาเรื่องนี้ได้ยังไง ทำไมไม่ไปถามหมอเขา ผมก็บอกว่า หมอก็ไม่ได้เรียนกฎหมายนะ ส่วนผมก็ไม่ได้เรียนการรักษาคนไข้ ผมก็ต้องเอาผู้เชี่ยวชาญมาสนับสนุนในการพิจารณาของเรา เรื่องนี้เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย คนที่ไม่เข้าใจ ผมก็ห้ามไม่ได้ ห้ามไม่ได้ คนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ เราก็ทำหน้าที่ของเรา ไม่ได้มีว่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องของใครกับใคร

“ใครก็กดดันผมไม่ได้ ไม่มีใครมากดดันผมได้หรอก แต่ผมทำอะไรต้องมีหลักเกณฑ์ ไม่เช่นนั้นผมจะอยู่ต่อไปตรงนี้ลำบาก เราจะเห็นผิดเป็นชอบไม่ได้ หรือเราจะเห็นชอบเป็นผิดเราก็ทำไม่ได้ ถ้าทำอย่างนั้นถอนตัวดีกว่า”
@ คนมองว่า กรรมการชุดนี้หลายคนเป็นคนใกล้ชิดรัฐมนตรี ผลการพิจารณาอาจจะออกมาตามที่รัฐมนตรีต้องการ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สภานายกพิเศษเป็นคนที่ต้องพิจารณา แต่ท่าน (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข) จบวิศกร ท่านเป็นวิศวไฟฟ้า ท่านอาจจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมาย ท่านก็เอาพรรคพวกที่ท่านไว้ใจ เพราะท่านต้องเป็นคนรับผิดชอบในเรื่องนี้
“ดังนั้น ถ้าท่านต้องเป็นคนรับผิดชอบ ท่านจะเอาคนที่ท่านไม่รู้จักมาคิดได้ไหม ไม่ได้หรอก โดย Common sense ต้องเอาคนที่ท่านพูดคุยและไว้วางใจได้ ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาตลอดชีวิตถึงขณะนี้ ท่านคิดได้เอง อันไหนถูกหรือไม่ถูก”
ถ้าวันนี้ กระแสบอกให้ไปอย่างหนึ่งแล้วเราไปพิจารณาอีกอย่างหนึ่ง บ้านเมืองจะอยู่อย่างไร ศาลยังให้ความเป็นธรรม เรื่องนี้เหมือนกัน หมอหนึ่งในผู้ที่โดนลงโทษก็เป็นหนึ่งในกรรมการแพทยสภาโดยตำแหน่งด้วยเหมือนกัน วันนี้เราจะให้ความเป็นธรรมอย่างไร เขาเป็นหมอ ก็มีหน้าที่รักษาคนป่วยให้หาย เป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นอาชีพของเขา แต่บังเอิญว่า เรามาอยู่ในกระบวนการทางกฎหมายที่เกิดเป็นประเด็นที่สังคมสนใจ มันก็เลยไม่แปลก
“ดังนั้น เรื่องนี้ ถ้าผมเป็นท่านสมศักดิ์ ผมก็ต้องหาคนไว้ใจเอาทีมงานที่ผมรู้จักมาช่วยงาน แต่ท้ายที่สุดการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับสภานายกพิเศษ”
@ ผลออกมาจะสามารถกู้ศรัทธาวงการหมอให้ดีขึ้น
สำนึกในหน้าที่ของตัวเองดีกว่า ถ้าผมเป็นกฎหมายแล้วทำผิดพลาด ก็ไม่ได้มีมาก จากนักกฎหมายที่มีทั้งหมด หมอก็เช่นกัน
“วิกฤตศรัทธาจะเกิดขึ้นไหม อยู่ที่ปากคนกับใจคน ถ้าจิตใจคุณบริสุทธิ์จริงๆ ไม่มีอคติกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มีใครเขาห้าม แต่ถ้ายังมีอคติอยู่ ต่อให้พูดไปอย่างไร อธิบายไปอย่างไร ก็ไม่มีประโยชน์”
@ ไม่ว่าการพิจารณาชุดนี้จะเป็นไปตามเนื้อผ้า หรือตามกระแส คณะกรรมการฯ เตรียมรับแรงกระแทก
คนที่สรุปผลไม่ใช่คณะกรรมการ คณะกรรมการคือผู้สรุปรวบรวมความเห็นของกรรมการแต่ละคน วันนี้ยังตอบไม่ได้ว่า สรุปแล้วคณะกรรมการแต่ละคนจะคิดกันอย่างไร ต้องรอวันที่คณะกรรมการส่งหนังสือถึงนายกสภาพิเศษถึงจะทราบผลว่า สรุปแล้วท่านได้อ่าน ได้มองสิ่งที่คณะกรรมการสรุปมาแล้วและท่านมีความเห็นอย่างไร
“ไม่ได้กังวล เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น และเราไม่ใช่คนวินิจฉัยชี้ขาด ท้ายที่สุดแล้ว ต่อให้สภานายกพิเศษพิจารณาไปแล้ว แพทยสภาสามารถใช้เสียงสองในสามกลับความเห็นของนายกสภาพิเศษ หรือยืนยันความเห็นเดิมของแพทยสภาก็ได้ ไม่ได้จบที่นายกสภาพิเศษ จบที่แพทยสภา”
ภายใต้กรอบระยะเวลา 15 วัน คณะกรรมการจะจบหน้าที่ในสัปดาห์หน้า วันที่ 26 หรือ วันที่ 27 พฤษภาคม 68 หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ต้องไปสรุปความกันเอาเอง คงไม่ต้องอธิบายรายละเอียด เพราะอาจจะไปกระทบสำนวนคดี

@ ผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯคิดว่าจะตอบสังคมได้
หลังจากผลออกมาแล้ว สามารถตอบได้ทุกเรื่อง ถ้าเป็นคนที่พร้อมจะฟัง แต่คนที่ไม่พร้อมที่จะฟัง แล้วคิดจะต่อต้าน ไม่คุย เสียเวลา และถ้าอยู่ในระหว่างการพิจารณา ไม่มีประโยชน์ที่จะคุยกับคนที่เห็นต่าง พูดอย่างไรก็ไม่มีทางรู้เรื่อง
@ สรุปแล้วความชัดเจนของ ผลการพิจารณาที่จะออกมาในวันที่ 26 หรือ 27 พ.ค.นี้ มีกี่แนวทาง
1.เห็นด้วยแล้วใส่เหตุผล 2.เห็นด้วยแล้วไม่ใส่เหตุผล 3.ยับยั้งแล้วใส่เหตุผล ยับยั้งยังไงก็ต้องใส่เหตุผลแน่นอน
เรื่องนี้มีการถูกลงโทษไป ที่มีการกล่าวหาไว้ทั้งสิ้น 4 คน โดยกรรมการทุกคนจะให้ความเห็นแต่ละคน ทั้ง 4 คน ที่ในมติแพทยสภาสรุปมามีอะไรที่เป็นข้อกฎหมายบ้าง ขาดอะไรบ้าง เพื่อจะให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องประกอบ :
- คดีทักษิณ ชั้น 14! แพทยสภา สั่งลงโทษ 3 หมอ ตักเตือน 1 พักใบอนุญาต 2
- 6 รายอยู่ในข่าย? เช็กชื่อ '3 หมอ' แพทยสภา สั่งลงโทษคดี 'ทักษิณ' ชั้น 14
- เปิดชื่อ 3 หมอ 'รวมทิพย์-โสภณรัชต์-ทวีศิลป์' โดนแพทยสภา สั่งลงโทษคดีทักษิณ ชั้น 14
- วัดกึ๋น 'สมศักดิ์ เทพสุทิน’ ใช้อำนาจวีโต้มติเอกฉันท์แพทยสภา ลงโทษ 3 หมอ คดีทักษิณชั้น14
- เปิดผลสอบแพทยสภา พักใบอนุญาต 2 หมอ 3/6 ด.- ทักษิณ ผ่าตัด 2 ครั้ง 'แก้นิ้วล็อก-ไหล่'
- แพทยสภา ลงนามรับรองครบถ้วน! ผลสอบ '3 หมอ' คดี ทักษิณ ชั้น 14 ถึงมือ 'สมศักดิ์' แล้ว
- ย้อนหลักฐานคลิปสัมภาษณ์อดีตแพทย์ใหญ่ รพ.ตร. ชนวนพักใบอนุญาต 3 ด.-ยัน'ทักษิณ' อาการหนัก
- เช็กชื่อ '70 กรรมการ' แพทยสภารับมือ 'สมศักดิ์' วีโต้มติลงโทษ 3 หมอ คดี 'ทักษิณ' ชั้น14
- สภานายกพิเศษถกมติลงโทษ 3 หมอ คดี'ทักษิณ'ชั้น 14 ชี้ยังขาดข้อมูล จี้แพทยสภาส่งเพิ่ม
- แพทยสภา ปัดส่งคำสั่งแต่งตั้ง อนุ กก.กลั่นกรองให้ ‘สมศักดิ์‘ - ยันครบถ้วนตาม กม.แล้ว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา