คำพิพากษาคดีจารชนกรณีปราสาทพระวิหารล้วงตับขาย(ชาติ)ให้ฝรั่งเศส

"...จำเลยที่ 3 ที่เอ่ยมาหมายถึงจำเลยที่ 3 ในดีที่ 2 คือ 2604/2508 เป็นคนไทยที่ทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศของไทยเราเอง เป็นข้าราชการสามัญตำแหน่งเสมียนพนักงานในกองโทรเลข กระทรวงการต่างประเทศ มีหน้าที่เข้าและถอดรหัสโทรเลขซึ่งมีการคิดต่อกันระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับสถานทูตไทยและกงสุลไทยในต่างประเทศ และมีหน้าที่พิมพ์ข้อความในโทรเลขที่ถอดรหัสแล้ว เพื่อนำเสนอไปตามสายงานต่าง ๆ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้อง..."

เพิ่งได้อ่านคำพิพากษาคดีประวัติศาสตร์ 2 คดีที่ศาลทหารกรุงเทพพิจารณาและพิพากษารวมกันไปในปี 2508 คือ คดีแดงที่ 2603 และ 2604/2508 จำนวน 94 หน้าแบบกวาดดูภาพรวมจบไปแล้วรอบหนึ่ง หลังจากตามหาอยู่นาน

2 คดีนี้มีจำเลยที่จับได้ 9 คน

เป็นฝรั่งเศส 2 ไทย 7

ไม่มีคนกัมพูชา

แต่กัมพูชาจะได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้มาต่อสู้ในคดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2502 - 2505 แค่ไหน อย่างไร คำพิพากษาไม่ได้กล่าวถึง หรือแม้แต่ว่าฝรั่งเศสจะส่งต่อให้กัมพูชาหรือคณะทนายความของกัมพูชาอย่างไร หรือไม่ ก็อยู่นอกเหนือขอบเขตคำพิพากษา เราไม่อาจรู้ได้

คำพิพากษาเพียงแต่บอกชัดเจนว่าข้อมูลเกี่ยวกับการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารรายการใดหลุดออกไปบ้าง

หลายสิบรายการทีเดียว

หรืออาจถึงร้อย หรือหลายร้อย ก็เป็นได้ !

เพราะรายงานที่ระบุไว้ในคำพิพากษาไม่ใช่ ‘ทั้งหมด’ แต่เป็นเพียง ’ตัวอย่าง’ เท่านั้น คำพิพากษาใช้คำว่า ’เช่น’ นำหน้าไว้ในหลายชุดรายการ อาทิ

”จำเลยที่ 3 ได้ส่งมอบสำเนาโทรเลข ลับ - ลับมาก - ลับที่สุด - ด่วน - ด่วนมาก - ด่วนที่สุด ของเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ซึ่งมีถึงกระทรวงการต่างประเทศ เช่น…“ (หน้า 50)

ข้อความเช่นนี้มีนำหน้าอยู่ในหลายชุดรายการข้อมูลที่จารกรรมไป

จำเลยที่ 3 ที่เอ่ยมาหมายถึงจำเลยที่ 3 ในดีที่ 2 คือ 2604/2508 เป็นคนไทยที่ทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศของไทยเราเอง เป็นข้าราชการสามัญตำแหน่งเสมียนพนักงานในกองโทรเลข กระทรวงการต่างประเทศ มีหน้าที่เข้าและถอดรหัสโทรเลขซึ่งมีการคิดต่อกันระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับสถานทูตไทยและกงสุลไทยในต่างประเทศ และมีหน้าที่พิมพ์ข้อความในโทรเลขที่ถอดรหัสแล้ว เพื่อนำเสนอไปตามสายงานต่าง ๆ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้อง

วันนี้ ขอแค่นี้ก่อน

อ่านคำพิพากษารอบต่อ ๆ ไป โดยเฉพาะที่กล่าวถึงการติดต่อโน้มน้าวให้คนไทยทำงานขายชาติมีลักษณะอย่างไร

ไว้โอกาสเหมาะ ๆ นะ

หมายเหตุ : จำเลยที่ 3 ที่เป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ใช่คนเดียวกับจำเลยที่ 3 ในภาพที่ 3 ที่นำมาลงนะครับ นั่นเป็นจำเลยที่ 3 ในคดีแรก

ที่มา : Kamnoon Sidhisamarn