
"...รองสุริยะ หรือรองภูมิธรรม ใครจะเสี่ยงฝ่าดงระเบิด หรือว่าจะชะลอการถวายสัตย์เฉพาะ รมว.วัฒนธรรมไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ช้าไปอีก 2-3 เดือน น่าจะปลอดภัยกับทุกคน ไม่ต้องเสี่ยงถูกร้องซ้ำอีก โดยแต่งตั้งผู้รักษาการ รมว.วัฒนธรรม ให้ทำหน้าที่ไปพลางก่อน..."
การนำรัฐมนตรีใหม่ใน ครม.อิ๊งค์ 2 เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ที่อาจจะมีขึ้นในอีก 1-2 วันนี้ เป็นช่วงเวลาที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทำให้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ซึ่งมีข่าวว่าจะเป็นผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะนี้ จะเป็นผู้นำรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งหนึ่งในรัฐมนตรีใหม่ชื่อว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รมว.วัฒนธรรม
เป็นประเด็นต้องพิจารณาว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 9 : 0 เสียง ให้รับคำร้องไว้พิจารณา โดยจำนวน 7 เสียง เห็นว่าต้องมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีทั้งหมด ส่วนอีก 2 เสียง เห็นควรให้ใช้วิธีการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยโดยมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เพียงบางส่วน ซึ่งมาจากคำร้องของ สว. 36 คน ผ่านประธาน สว.ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี ต้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ เนื่องจากอาจเป็นผู้ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และเป็นผู้มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) กรณีคลิปเสียงหลุด
เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้รับคำร้องไว้พิจารณา แสดงว่าผู้ยื่นคำร้องเป็นผู้มีสิทธิยื่น และเนื้อหาในคำร้องเป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการพิจารณาวินิจฉัย ส่วนการมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แสดงว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้อง ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่านางสาวแพทองธารมีกรณีตามที่ถูกร้อง นอกจากนี้ยังแสดงว่าในขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นางสาวแพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2568 ตุลาการ 7 เสียง ได้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่บรรยายมาในคำร้องโดยยืนยันข้อเท็จจริงด้วยหลักฐานที่เป็นคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธารกับผู้นำประเทศกัมพูชา ซึ่งส่งมาพร้อมกับคำร้องแล้ว ทำให้เกิดเป็นข้อสงสัยว่านางสาวแพทองธารน่าจะมีการกระทำที่ทำให้ขาดคุณสมบัติมากกว่าที่จะไม่ขาดคุณสมบัติ คือน่าจะเป็นผู้ที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และเป็นผู้ที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง มากกว่าจะไม่เป็น และยังได้รับการยืนยันจากตุลาการเสียงข้างน้อยอีก 2 เสียง ที่เห็นว่าควรใช้มาตรการหรือวิธีการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย โดยห้ามมิให้นางสาวแพทองธารปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจด้านความมั่นคง ด้านการต่างประเทศ และด้านการคลัง อันเป็นหน้าที่และอำนาจที่มีความสำคัญสูงในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยตุลาการ 2 เสียง เห็นว่าเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง จึงแสดงว่า ตุลาการเสียงข้างน้อยได้ยืนยันอีกว่า ได้มีการกระทำของนางสาวแพทองธารที่เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าได้เกิดความเสียหายขึ้นแล้วซึ่งเกี่ยวข้องกับหน้าที่และอำนาจ 3 ด้านนั้น จึงจะต้องมีคำสั่งห้ามไม่ให้ใช้อำนาจ 3 ด้านนั้นไว้เป็นการชั่วคราวก่อนผลการวินิจฉัยจะออกมา มิเช่นนั้นความเสียหายจะเกิดเพิ่มมากขึ้นอีก และเป็นความเสียหายที่อาจจะไม่สามารถแก้ไขได้ในภายหลัง
รายละเอียดบางส่วนตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญจึงเห็นได้ว่า ตุลาการทั้ง 9 เสียง มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า นางสาวแพทองธารน่าจะไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และได้ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และไม่น่าจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยจะต้องมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวในทันที แต่รูปแบบการของคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวในระหว่างรอฟังคำชี้แจงจากนางสาวแพทองธาร และระหว่างดำเนินกระบวนการตามวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการทั้ง 9 เสียง มีความเห็นแตกต่างกันเป็น 2 แนวทาง จึงมีมติออกมาเป็นเสียงข้างมากโดยไม่ใช่เป็นมติเอกฉันท์เฉพาะในเรื่องรูปแบบการมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวเท่านั้น โดยในเรื่องที่อาจขาดคุณสมบัติทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ตุลาการทั้ง 9 เสียง เห็นไปในทางเดียวกัน
ตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะนี้ ก็ยังคงมีข้อสงสัยอยู่ว่าเป็นรองนายกรัฐมนตรีคนใด เพราะรองคนที่ 1 คือ นายภูมิธรรม เวชชยชัย แม้จะโปรดเกล้าให้พ้นจากตำแหน่งเดิมไปแล้วและยังไม่ได้ถวายสัตย์เพื่อเข้ารับตำแหน่งใหม่ แต่รัฐธรรมนูญ มาตรา 168 ก็ให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ารัฐมนตรีใหม่จะเข้ารับหน้าที่ แต่เมื่อมีข้อสงสัยว่าจะยังคงปฏิบัติหน้าที่รองคนที่ 1 อยู่ต่อไปได้หรือไม่ เพื่อความปลอดภัยจึงจะให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรื่องกิจ รองนายกรัฐมนตรีที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง รักษาการนายกรัฐมนตรี และจะนำรัฐมนตรีใหม่ชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รมว.วัฒนธรรม เข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161

ไม่ว่ารองนายกรัฐมนตรีคนใดจะรักษาการนายกรัฐมนตรีและนำรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ย่อมมีความเสี่ยงต่อการนำรัฐมนตรีที่ชื่อแพทองธาร ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 เสียง เพิ่งจะมีคำสั่งสด ๆ ร้อน ๆ ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว เพราะน่าจะขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในข้อที่มีความร้ายแรง จึงอาจจะทำให้รักษาการนายกรัฐมนตรีคนนั้นถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และเป็นผู้มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) ด้วยหรือไม่ เนื่องจากการนำรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ ทำให้รัฐมนตรีคนนั้นสามารถใช้อำนาจในตำแหน่งรัฐมนตรีได้ ภายใต้ความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และการเป็นผู้ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของตน โดยเทียบเคียงได้กับแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรี
รองสุริยะ หรือรองภูมิธรรม ใครจะเสี่ยงฝ่าดงระเบิด หรือว่าจะชะลอการถวายสัตย์เฉพาะ รมว.วัฒนธรรมไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ช้าไปอีก 2-3 เดือน น่าจะปลอดภัยกับทุกคน ไม่ต้องเสี่ยงถูกร้องซ้ำอีก โดยแต่งตั้งผู้รักษาการ รมว.วัฒนธรรม ให้ทำหน้าที่ไปพลางก่อน
แต่หากรัฐบาลนี้ขาด “แพทองธาร” ไม่ได้ ก็จำเป็นต้องทำ !!

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา