"...มาร์เบิลรู้สึกว่า เขาตัดสินใจถูกต้องที่พาแฟนและว่าที่พ่อตามาลงเรือในครั้งนี้ และเมื่อเรือเดินทางได้ 2 วัน 2 คืน ก็ถึงเกาะโคซูเมลตามกำหนดการ ปล่อยให้ผู้โดยสารได้ขึ้นไปเที่ยวในเมือง พร้อมลงเล่นน้ำที่ชายหาดบนทรายที่ขาวโพลน ซึ่งมาร์เบิลได้ตัดสินใจขอแฟนสาวแต่งงานบนชายหาด ท่ามกลางผู้โดยสารคนอื่น ๆ ร่วมแสดงความยินดี รวมทั้งว่าที่พ่อตามีความปีติยินดีที่ลูกสาวได้แต่งงานมีครอบครัวเสียที..."
สวัสดีครับ
“ล่องเรือสำราญ” ถือเป็นการท่องเที่ยวที่ผมใฝ่ฝันอยากลองสักครั้งในชีวิต เพราะตอนเด็กชอบดูซีรีส์ฝรั่งเรื่อง “เรือรัก เรือสำราญ” เรื่องราวของลูกเรือและนักท่องเที่ยวที่ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานบนเรือมีสิ่งบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกทุกสิ่งทุกอย่างครบครัน
ความฝันของผมไม่ต่างกับ เดวิน มาร์เบิล (Devin Marble) เขาตัดสินใจพาแฟนสาว ล่องเรือสำราญเป็นครั้งแรกในชีวิต เพื่อขอเธอแต่งงานแบบเซอร์ไพรส์ ต่อหน้าว่าที่พ่อตาที่ชวนไปด้วยกัน
มาร์เบิลเลือกลงเรือ Carnival Triumph เรือสำราญขนาดใหญ่สูง 13 ชั้น ลำตัวเรือยาวกว่า 272 เมตร บรรจุผู้โดยสารได้ถึง 4,000 คน ออกเดินทางจากเมืองกัลเวสตัน รัฐเท็กซัส ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 ล่องไปทางใต้ของอ่าวเม็กซิโก แวะเกาะโคซูเมล ประเทศเม็กซิโก ก่อนกลับขึ้นฝั่ง ใช้เวลาเดินทาง 5 วัน 4 คืน ระยะเวลากำลังพอดิบพอดี ไม่นานและไม่สั้นเกินไปสำหรับการขอแฟนสาวแต่งงาน1/
มาร์เบิลก้าวลงเรือแบบไม่เชื่อสายตาตนเองเพราะภายในเรือเหมือนกับยกเมืองหนึ่งมาตั้งไว้ ภายในมีตั้งแต่ร้านอาหารหลากหลายประเภท ร้านบาร์เครื่องดื่ม โรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ บ่อนคาสิโน ไปจนถึงร้านทำผม พอเดินออกมาภายนอก พบเห็นสระว่ายน้ำหลายสระตั้งอยู่เรียงราย ตั้งแต่หัวเรือถึงท้ายเรือ กว่าจะเดินไปทั่วเรือใช้เวลากว่าชั่วโมง ไม่นับตอนเดินขึ้นเดินลงที่สลับซับซ้อนเหมือนกับอยู่ในเขาวงกต
การเดินทางในช่วง 2 วันแรก เรือแล่นสู่อ่าวเม็กซิโกอย่างราบรื่น ผู้โดยสารใช้ชีวิตแบบปลดปล่อยแบบลืมตัว บางคนเลือกเล่นน้ำในสระ เล่นสไลเดอร์ สนุกสนานราวกับย้อนเวลากลับไปสมัยวัยเด็กบางคนเลือกนั่งดื่ม พร้อมเต้นรำตามเสียงเพลง บางคนหามุมสงบนั่งเก้าอี้ผ้าใบตากแดด ตามประสาฝรั่งตะวันตก ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งใช้ชีวิตหมกมุ่นกับการเล่นพนันในบ่อนคาสิโน แต่ที่สำคัญคือ มีร้านอาหารเสิร์ฟอาหารแบบนานาชาติ ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง หิวเมื่อไหร่ เข้าไปรับประทานได้เมื่อนั้น
สำหรับห้องนอน เหมือนกับยกโรงแรม 5 ดาวมาไว้บนเรือ มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม ห้องนอนใหญ่โตสามารถวิ่งรอบห้องแบบมีเหงื่อ พร้อมห้องน้ำภายในใหญ่พอ ๆ กับห้องนอน แม้ว่าจะอยู่กลางมหาสมุทร แต่ด้วยเรือลำใหญ่จึงไม่มีความรู้สึกว่าเรือโคลงเคลง ไม่มีอาการเมาคลื่นทะเล เรียกว่าหลับได้สนิทกว่าอยู่ที่บ้านเสียอีก
มาร์เบิลรู้สึกว่า เขาตัดสินใจถูกต้องที่พาแฟนและว่าที่พ่อตามาลงเรือในครั้งนี้ และเมื่อเรือเดินทางได้ 2 วัน 2 คืน ก็ถึงเกาะโคซูเมลตามกำหนดการ ปล่อยให้ผู้โดยสารได้ขึ้นไปเที่ยวในเมือง พร้อมลงเล่นน้ำที่ชายหาดบนทรายที่ขาวโพลน ซึ่งมาร์เบิลได้ตัดสินใจขอแฟนสาวแต่งงานบนชายหาด ท่ามกลางผู้โดยสารคนอื่น ๆ ร่วมแสดงความยินดี รวมทั้งว่าที่พ่อตามีความปีติยินดีที่ลูกสาวได้แต่งงานมีครอบครัวเสียที
เย็นวันดังกล่าว มีงานเลี้ยงฉลองบนเรือก่อนแยกย้ายกันกลับห้องพัก และเรือจะพาทุกคนกลับบ้านในช่วงเที่ยงของวันรุ่งขึ้น ในคืนดังกล่าว ผู้โดยสารส่วนใหญ่พากันหลับสนิท เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการขึ้นฝั่งไปท่องในเมืองทั้งวัน และกิจกรรมที่ทำอย่างลืมตัวตลอด 2 วัน 2 คืนที่ผ่านมา
สภาพเรือที่ผู้โดยสารแปลงเป็นที่หลับนอน พร้อมคลิกดูพรีวิวสารคดี Trainwreck: Poop Cruise
แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นในเวลา 5.28 น. เมื่อมีเสียงสัญญาณพร้อมเสียงพูดขึ้นว่า “Alpha Team Alpha Team” ดังขึ้น ได้ยินไปทั่วเรือแบบดังไม่หยุด และไม่มีใครเข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร ปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมา จนต้องรีบออกจากห้องพักพากันมาภายนอก และเมื่อมองไปเห็นปล่องเรือมีกลุ่มควันดำพุ่งออกมา หลายคนชี้ตะโกนด้วยความตกใจ ในขณะที่มาร์เบิลนึกคิดเลยเถิดไปถึงเรือไททานิค และเรื่องราวของแจ็คกับโรส
แต่ก่อนที่ทุกคนจะมโนไปมากกว่านี้ เสียงของเจน (Jen) โฆษกประจำเรือ สำเนียงชาวอังกฤษ ที่ทุกคนคุ้นหูตั้งแต่ลงเรือในวันแรก พูดออกไมค์ว่า “มีเพลิงไหม้ในห้องเครื่อง ขณะนี้ลูกเรือดับเพลิงได้แล้ว ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติในเร็ว ๆ นี้ค่ะ” สร้างความโล่งอกให้ผู้โดยสาร แต่ไม่ทันถึงอึดใจ ปรากฏว่าไฟฟ้าในเรือดับหมด ทุกสิ่งที่ต้องพึ่งไฟฟ้าใช้การไม่ได้ รวมทั้งน้ำประปา ซึ่งในช่วงแรก ๆ ทุกคนต่างพากันคิดว่าไม่นานไฟฟ้าคงจะกลับมาใช้ได้ตามปกติ แต่ผิดคาด รอแล้วรอเล่าเป็นชั่วโมง ไฟฟ้าก็ยังดับสนิท แถมไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์2/
เรือสำราญลำใหญ่กลายเป็นเรือพิการ ต้องปล่อยให้ล่องลอยไปตามคลื่นทะเล ไม่นานเจนได้ส่งเสียงตามสายมาบอกข่าวร้ายว่า “ไฟได้ไหม้ทำลายสายไฟเคเบิลในห้องเครื่องหมด ทำให้เครื่องยนต์ไม่ทำงาน และไฟฟ้าดับไม่มีทางที่จะแก้ไขได้ จำเป็นต้องเรียกเรือจากฝั่งมาลากเรือกลับเข้าฝั่ง ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีก 1-2 วัน”
เดวิน มาร์เบิล เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน แต่ผู้โดยสารส่วนใหญ่ไม่ได้คิดว่าจะต้องเผชิญอะไรต่อจากนี้ ออกมานั่งกันอยู่ภายนอกเพราะภายในห้องพักอากาศร้อน เครื่องปรับอากาศไม่ทำงาน แถมน้ำไม่ไหล แต่เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 6 ชั่วโมง พระอาทิตย์ส่องลงใจกลางศีรษะ แดดร้อนเปรี้ยง ๆ ทุกคนเริ่มนั่งไม่เป็นสุข ที่สำคัญห้องน้ำใช้ชักโครกชะล้างของเสียไม่ได้ เริ่มส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วเรือ จนเจนต้องประกาศขอความร่วมมือผู้โดยสาร “ถ้ายิงกระต่ายหรือเก็บดอกไม้ ขอให้ช่วยทำธุระลงท่อภายในห้องอาบน้ำ แต่ถ้าต้องทำธุระถ่ายหนักขอให้นำใส่ถุงสีแดงที่แจกให้” สิ้นเสียงของเจน มาร์เบิลรับรู้ทันทีว่าจะต้องเจอะเจออะไรต่อจากนี้
เขาคาดไม่ผิด ผู้โดยสารเริ่มตื่นตระหนก มีการนำฟูกที่นอนขึ้นไปจับจองบนดาดฟ้าเรือพร้อมนำผ้าปูที่นอนมาคลุมกันแดด ส่วนเก้าอี้ผ้าใบมีคนจับจองแบบไม่ลุกให้เสียม้า เริ่มแย่งอาหารกัน กักตุนกันไว้ เข้าคิวกันราวชั่วโมงกว่าจะได้อาหารมาทาน ซึ่งมีเพียงแซนด์วิชไส้กะหล่ำปลีเพราะเนื้อสัตว์เน่าเสียหมด
เพื่อคลายความตึงเครียด กัปตันเรือตัดสินใจเปิดบาร์ให้ดื่มฟรี แต่คิดผิดเพราะผู้โดยสารดื่มเหล้าเบียร์แบบไม่ยั้ง เริ่มเมามายไม่ได้สติทะเลาะเบาะแว้ง ขว้างปาของใส่กันจนต้องเลิกกิจกรรมนี้ไปก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลาย
มาร์เบิลได้แต่พูดปลอบใจแฟนสาวและว่าที่พ่อตา แต่เมื่อแฟนสาวเกิดปวดท้องหนักและปฏิเสธที่จะทำธุระผ่านถุงแดงที่ได้รับ เขาต้องวิ่งไปทั่วเรือเพื่อหาห้องน้ำที่พอจะทำธุระส่วนตัวได้ แต่กลับพบว่า แต่ละห้องเมื่อเปิดเข้าไปต้องรีบเมินหน้าหนี แถมมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ต้องปิดจมูกแบบแน่นหนา วิ่งออกมาแทบไม่ทัน จนต้องอ้อนวอนให้แฟนสาวใช้บริการผ่านถุงสีแดงจะดีกว่า
ในที่สุดเรือลากได้มาถึง แต่แผนการที่จะลากกลับไปยังเกาะโคซูเมลต้องเปลี่ยนไป เพราะพบว่าเรือได้แล่นห่างจากฝั่งไปอีกกว่า 100 ไมล์ทะเล ต้องเปลี่ยนแผน ลากไปยังเมืองโมบีล รัฐแอละแบมา ในสหรัฐ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกถึง 5 วันแทน แต่ที่โชคร้ายซ้ำเติมคือ การลากเรือทำให้เรือโคลงเคลง น้ำเสียและสิ่งปฏิกูลทั้งหลายร่วมใจกันไหลนองออกมาภายนอก เฉอะแฉะไปทั่วห้องโถง ทำให้ผู้โดยสารต้องอยู่ในสภาพที่เหนือคำบรรยายตลอดระยะเวลาที่นั่งกลับถึงท่าเรือ แปลงโฉมเป็นเรือสำราญอุนจิ
ถุงแดงที่ใช้ทำธุระส่วนตัว
เมื่อถึงท่าเรือ ไม่ต้องอธิบายว่าบรรยากาศเป็นอย่างไร ผู้โดยสารบางคนถึงกับนั่งคุกเข่าจุมพิตแผ่นดินราวกับได้รับการชุบชีวิตใหม่ แม้ว่าบริษัทเดินเรือจะคืนเงินค่าเดินทางทั้งหมด แถมเงินทำขวัญให้อีก 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่การเดินทางครั้งนี้ถือเป็นประสบการณ์ที่ทุกคนคงไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก
สำหรับมาร์เบิล เขายังคงพาภรรยาและพ่อตาไปเที่ยวพักผ่อนกันทุกปี แต่ตัดสินใจเลือกเที่ยวบนบกแทน และพกไฟฉายกับแบตเตอรี่สำรองไปด้วยทุกครั้ง พร้อมกล่าวว่า “วิกฤติบนเรือในครั้งนั้น ถือเป็นบทเรียนที่ล้ำค่า ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขา ภรรยา และพ่อตากลับแน่นแฟ้นขึ้น และรับรู้ได้ว่า การช่วยเหลือซึ่งกันและกันของลูกเรือและผู้โดยสารกว่า 4,000 คน ตลอดเวลาที่เผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันดังกล่าว ทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ และทำให้จิตใจของทุกคนแข็งแกร่งขึ้น”
เรื่องราวบนเรือ Carnival Triumph ทำให้ผมต้องขอทบทวนว่าจะล่องเรือสำราญตามที่ใฝ่ฝันตอนเด็กหรือไม่ครับ
บทความโดย :
รณดล นุ่มนนท์
30 มิถุนายน 2568
แหล่งที่มา:
1/ สารคดีเรื่อง Trainwreck: Poop Cruise, Netflix
2/ Nathan Diller, A Netflix show looks back on the 'poop cruise': Here's what happened,
USA TODAY, June 24, 2025
https://www.usatoday.com/story/travel/cruises/2025/06/24/trainwreck-poop-cruise-netflix-carnival/83991073007/