
"...โพรไบโอติกส์คือการนำอาหารที่มีแบคทีเรียดี ๆ เข้าสู่ร่างกายแบบทางลัด เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว และกิมจิ ในขณะที่พรีไบโอติกส์ทำหน้าที่คล้ายปุ๋ยบำรุงต้นไม้ เป็นอาหารเสริมให้โพรไบโอติกส์ เพื่อให้มันสามารถเติบโตและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พรีไบโอติกส์พบได้ในผัก ผลไม้ และธัญพืช เช่น กล้วย หัวหอม กระเทียม และถั่วต่าง ๆ..."
สวัสดีครับ
สัปดาห์ที่แล้ว ผมพาพวกเราไปท่องระบบทางเดินอาหาร นำเค้กชิ้นหนึ่งผ่านเข้ากระบวนการย่อยอย่างแยบยลและอัศจรรย์ใจ ตั้งแต่วินาทีที่เราทำหน้าตาแบบเขิน ๆ ตักเค้กเข้าปาก ลงสู่กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ ที่ต่างคนต่างรู้หน้าที่จนทำให้เค้กชิ้นนั้นถูกบดขยี้เป็นชิ้นจิ๋ว ซึมซับเข้าสู่กระแสเลือด แต่กลไกที่กล่าวมาทั้งหมด มนุษย์มีตัวช่วยจากสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในตัวเรานั่นคือ จุลชีพประเภทแบคทีเรียที่ร้อยละ 90 อาศัยอยู่ในลำไส้ มีจำนวนประมาณ 100 ล้านล้านตัว และมีน้ำหนักรวมกันถึง 2 กิโลกรัม
เมื่อกล่าวถึงแบคทีเรีย พวกเราคงจะกังวลใจว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ที่มันมาอาศัยอยู่ภายในร่างกายเรา ซึ่งไม่แปลกใจ เพราะในยุโรปเมื่อ 130 ปีก่อนมีการค้นพบว่า วัณโรคเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ในขณะที่วัณโรคเป็นโรคติดต่อที่แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น ผู้คนจึงพากันรังเกียจ หวาดกลัวต่อเจ้าแบคทีเรียที่เป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ ทำให้ในปัจจุบันเราได้รู้จักเจ้าแบคทีเรียที่อยู่ในตัวเรามากขึ้น
แบคทีเรียในลำไส้มีมากมายหลายชนิด แต่ละคนจะมีไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับวิถีชีวิต ตั้งแต่ได้รับการถ่ายทอดมาจากแม่ในช่วงตั้งครรภ์ การสัมผัสกับสิ่งภายนอก ไปจนถึงอาหารที่เรารับประทานเข้าไป แน่นอน แบคทีเรียที่มนุษย์จะยอมให้อาศัยอยู่ในร่างกายต้องเป็นแบคทีเรียดี คอยช่วยเหลือในการย่อยอาหาร แบคทีเรียบางชนิดทำงานมีประสิทธิภาพมากเกินไป สามารถย่อยคาร์โบไฮเดรตได้รวดเร็วกว่าแบคทีเรียชนิดอื่น ทำให้อ้วนได้ง่าย ซึ่งหมายความว่า หากเรามีแบคทีเรียอ้วนอาศัยอยู่ จะมีน้ำหนักมากกว่าคนอื่นแม้เราจะกินอาหารในปริมาณที่เท่ากันก็ตาม1/ ดังนั้น ระบบภูมิคุ้มกันจะเป็นผู้ตรวจสอบว่าตัวไหนอยู่ได้ ตัวไหนต้องถูกกำจัดทิ้ง อย่างไรก็ดี จำนวนแบคทีเรียที่อาศัยในร่างกายเราต้องเหมาะสม ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป เพื่ออยู่กันแบบสันติสุข
นอกจากนั้น ความเชื่อที่ว่า เราต้องอาบน้ำและทำความสะอาดในทุกอณู เพื่อกำจัดเชื้อโรคออกไปให้หมดถือเป็นความคิดที่ผิด เพราะเราอาจกำจัดแบคทีเรียตัวดีออกไปด้วย ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ยิ่งมาตรฐานทางสุขอนามัยของประเทศหนึ่งสูงมากเท่าไหร่ ประชากรในประเทศนั้น ยิ่งพบโรคภูมิแพ้มากขึ้นเท่านั้น2/

ดังนั้น วิธีการดูแลให้ร่างกายมีแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายนั้น ต้องมาในแนวที่เรียกว่า “โพรไบโอติกส์” (probiotics) และ “พรีไบโอติกส์” (prebiotics) โดยที่โพรไบโอติกส์คือการนำอาหารที่มีแบคทีเรียดี ๆ เข้าสู่ร่างกายแบบทางลัด เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว และกิมจิ ในขณะที่พรีไบโอติกส์ทำหน้าที่คล้ายปุ๋ยบำรุงต้นไม้ เป็นอาหารเสริมให้โพรไบโอติกส์ เพื่อให้มันสามารถเติบโตและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พรีไบโอติกส์พบได้ในผัก ผลไม้ และธัญพืช เช่น กล้วย หัวหอม กระเทียม และถั่วต่าง ๆ
มาถึงตรงนี้ เราคงพอทราบแล้วว่า อาหารที่เราทานส่วนใหญ่จะแปลงเป็นสารอาหาร และเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิต โดยมีแบคทีเรียเป็นตัวช่วยในการย่อยอาหารเหล่านั้น แต่ต้องยอมรับว่า มีใยอาหารที่ไม่สามารถย่อยได้ และสิ่งอื่น ๆ ที่ร่างกายต้องการกำจัด ในหนังสือ “เคล็ดลับ อายุยืนจากลำไส้” (GUT) เขียนโดยคุณหมอจูเลีย แอนเดอร์ส (Giulia Enders) ได้อธิบายอย่างละเอียดเห็นภาพกระบวนการขับถ่าย ที่มีหูรูดชั้นนอกและชั้นในที่ทำงานกันอย่างเป็นทีม หูรูดชั้นนอกคือกล้ามเนื้อที่สมองควบคุม ในขณะที่หูรูดชั้นในกลับควบคุมโดยจิตใต้สำนึกภายในร่างกาย ช่วยให้การปลดทุกข์ของมนุษย์ทำด้วยความราบรื่น เป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น

ผมจะไม่บรรยายมากจนทำให้พวกเราทานข้าวเช้ากันไม่ได้ โดยสรุป หูรูดชั้นในมีหน้าที่ไม่ทำให้เราอึดอัด ให้แน่ใจว่าทุกอย่างภายในร่างกายเป็นปกติ ในขณะที่หูรูดชั้นนอกจะประเมินสถานการณ์จากสิ่งแวดล้อมว่า “ถึงเวลาเข้าห้องน้ำหรือยัง?” นอกจากนั้น คุณหมอแอนเดอร์ส ยังสรุปอย่างตรงไปตรงมาว่า ท่าถ่ายทุกข์ที่ดีที่สุดคือท่านั่งยอง เพราะทำให้ลำไส้เหยียดตรง ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ดี ทั้งนี้ ในงานวิจัยพบว่า การทำธุระด้วยท่านั่งยองใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 50 วินาที และรู้สึกโล่งสบาย เทียบกับการนั่งบนโถส้วมที่ใช้เวลากว่า 130 วินาที3/ พร้อมป้องกันโรคถุงผนังลำไส้ใหญ่อับเสบและริดสีดวงทวารอีกด้วย จึงไม่แปลกใจว่า ในประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างเช่น ฝรั่งเศสและญี่ปุ่นยังพบเห็นห้องน้ำที่ต้องทำธุระด้วยการนั่งยองอยู่
คุณหมอแอนเดอร์ส ยังอธิบายถึงลักษณะของอุนจิ ที่บ่งบอกถึงระบบย่อยอาหารและสุขภาพของเรา ซึ่งไม่อยากจะมโนภาพตาม ทั้งนี้ หากลักษณะของอุนจิเป็นน้ำ ก้อนเล็ก ๆ หรือนิ่ม ๆ จะไม่สมบูรณ์แบบเท่ากับเป็นแท่งยาว
ท้ายสุด การดูแลระบบย่อยอาหาร นอกจาก “โพรไบโอติกส์” และ “พรีไบโอติกส์” แล้วการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืนจะช่วยผ่องถ่ายการทำงานของกระเพาะและลำไส้ ในขณะที่การทานให้เป็นเวลา และหยุดรับประทานอาหารหลังจากเข้านอน จะช่วยให้ระบบการย่อยอาหารได้มีเวลาพักผ่อน ไม่ต้องตื่นขึ้นมาทำงานนอกเวลา พร้อมที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในวันรุ่งขึ้น
มาถึงตรงนี้ พวกเราคงรับรู้ถึงความสำคัญของระบบทางเดินอาหาร ในการนำสารอาหารซึมซับเข้าสู่ร่างกายของเรา และถามตัวเองว่า “วันนี้เราดูแลลำไส้ตัวเองหรือยัง?”
บทความโดย :
รณดล นุ่มนนท์
4 สิงหาคม 2568
แหล่งที่มา:
1/จูเลีย แอนเดอร์ส (Giulia Enders), เคล็ดลับ อายุยืนจากลำไส้ ที่หมอไม่เคยบอกคุณ (GUT), เอกชัย อัศวนฤนาท
ผู้แปล, สำนักพิมพ์วีเลิร์น, หน้า 205
2/จูเลีย แอนเดอร์ส (Giulia Enders), เคล็ดลับ อายุยืนจากลำไส้ ที่หมอไม่เคยบอกคุณ (GUT), เอกชัย อัศวนฤนาท
ผู้แปล, สำนักพิมพ์วีเลิร์น, หน้า 247
3/จูเลีย แอนเดอร์ส (Giulia Enders), เคล็ดลับ อายุยืนจากลำไส้ ที่หมอไม่เคยบอกคุณ (GUT), เอกชัย อัศวนฤนาท
ผู้แปล, สำนักพิมพ์วีเลิร์น, หน้า 23

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา