
"...ความเสียหายที่เกิดจากองค์กรอาชญากรรมเหล่านี้มีจำนวนสูงเป็นพัน ๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา จากกิจกรรมการพนันผิดกฎหมาย การฟอกเงินและการฉ้อโกง นอกจากนั้นยังเกี่ยวพันกับการสแกมออนไลน์และการค้ามนุษย์ ซึ่งทำลายชีวิตคนไปเป็นจำนวนมาก องค์กรอาชญากรรมเหล่านี้ได้ทำการฟอกเงินผ่านเครือข่ายธุรกรรมการเงินที่สลับซับซ้อนเพื่อเปลี่ยนเงินจากการผิดกฎหมายให้กลายเป็นเงินถูกกฎหมาย เช่น เสอจื้อเจียงใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนสำหรับการแลกเปลี่ยนเงินคริปโต ซึ่งกลายเป็นตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการก่ออาชญากรรม..."
1. องค์การอาชญากรรมจีน
องค์กรอาชญากรรมจีน (Chinese Organized Crime) มีประวัติความเป็นมายาวนาน
จ้าวจงต๋ง (Zha Daojiong) อาจารย์มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เขียนบทความชื่อ “From Temples to Chinatowns, The evolution of Chinese Organized Crime” เมื่อ ค.ศ. 2015 อธิบายว่า
องค์กรอาชญากรรมจีนเริ่มมาจากกลุ่มกู้ชาติที่ตั้งเป็นสมาคมลับ (Secret Society) สมัยราชวงศ์ฮั่น เพื่อก่อการกบฏต่อสู้กับการกดขี่ จนกระทั่งต่อมา กลุ่มจงรักภักดีต่อราชวงศ์หมิงตั้งสมาคมลับเทียนตี้ฮุย (Tiandihui) ต่อสู้กับราชวงศ์ชิง สมาคมลับเทียนตี้ฮุยนี่เองที่มาจากการรวมตัวกันของศิษย์เก่าสำนักเส้าหลินและเป็นที่มาของคำว่า “อั้งยี่” (Triad) ในปัจจุบัน
จากสมาคมลับหมู่พี่น้องที่ตั้งขึ้นเพื่อกู้ชาติ ภายหลัง กลายเป็นองค์กรอาชญากรรมในจีนแผ่นดินใหญ่ ต่อมา สลายปีกออกสู่ดินแดนในอารักขา ได้แก่ มาเก๊าและฮ่องกง
หลังจาก มาเก๊าและฮ่องกง ใช้มาตรการทางกฎหมายปราบปรามอาชญากรรมอย่างเด็ดขาดและสามารถเปลี่ยนวัฒนธรรมการเมืองไปสู่การค้าและอุตสาหกรรมสำเร็จ ตั้งแต่ ค.ศ. 1997 องค์กรอาชญากรรมจีนหรืออั้งยี่ชาวจีนจึงลดลง ส่วนใหญ่หนีกลับไปอยู่ในจีนผืนแผ่นดินใหญ่ แต่ไม่นานจีนผืนแผ่นดินใหญ่ก็ปราบปรามอาชญากรรมอย่างหนักเมื่อ ค.ศ. 2013 อั้งยี่ชาวจีนก็เริ่มหนีออกนอกประเทศ
ทุกวันนี้ อั้งยี่ชาวจีนกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมระหว่างประเทศ เฉพาะที่ฮ่องกงที่เดียวมีสมาชิกมากกว่า 100,000 คน และมีสมาชิกทั่วโลกประมาณ 250,000 คน
แก๊งที่ใหญ่ที่สุดมี 2 แก๊ง คือ แก๊งซุนยี่ออน (Sun Yee On) กับแก๊ง 14K คนที่เข้าเป็นสมาชิกแก๊งต้องสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อแก๊งของตัวเอง การทรยศต่อแก๊งตัวเองจะมีโทษสถานหนัก
แก๊งเหล่านี้ทำผิดกฎหมายหลายอย่าง เช่น การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ และการขู่กรรโชก
ความที่สมาชิกแก๊งสาบานว่าจะไม่เปิดเผยความลับ กับการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำให้กิจการของแก๊งเจริญรุ่งเรือง แก๊งยังนำเงินไปลงทุนธุรกิจที่ถูกกฎหมาย จนกระทั่งในที่สุดเส้นแบ่งระหว่างธุรกิจกับองค์กรอาชญากรรมลางเลือน ยากที่จะใช้กฎหมายจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนข่าวกรองระหว่างประเทศจึงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการต่อสู้กับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้
2. แก๊ง 14K
หวัง ปิง (Wang Ping) ผู้เชี่ยวชาญองค์กรอาชญากรรมจีน เขียนไว้ในบทความชื่อ “Divide and Conquer-Factionalised Triad Gang Spreads its Wing” เมื่อ ค.ศ. 2011 ว่า
แก๊ง 14K ก่อตั้งโดยพลโททหารก๊กมินตั๋ง ชื่อ “ก๊ดซิ่วหว่อง” (Kot Siu-wong) ในเมืองกวางตุ้ง เมื่อ ค.ศ. 1947 โดยมีพื้นฐานจากการรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับขบวนการคอมมิวนิสต์ของเมาเซตุงช่วงสงครามกลางเมือง แต่เริ่มมาเปลี่ยนเป็นองค์กรอาชญากรรมเมื่อทศวรรษ 1980
เมื่อก๊ดซิ่วหว่องตายปี ค.ศ. 1953 แก๊ง 14K แตกออกจากกันเป็นหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มเป็นอิสระจากกัน แก๊ง 14K จึงเป็นการรวมกลุ่มกันหลวม ๆ มีสายการบังคับบัญชาแบบง่าย ๆ ประกอบด้วยกลุ่มที่ยังดำเนินการอยู่ 15 กลุ่มย่อย จากเดิมทั้งหมดมี 50 กลุ่มย่อย
สมาชิกเดิมจะก่ออาชญากรรมทั่วไป มากกว่ารวมตัวกันเป็นองค์กรอาชญากรรม แบ่งโครงสร้างเป็น 3 ระดับ ระดับยอดหรือระดับหัวกะทิ (Red Pole) ระดับกลางซึ่งหมายถึงคนที่มีอายุ 49 ปี ขึ้นไป (49ers) และระดับล่างซึ่งหมายถึงระดับกองกำลังขับเคลื่อนกิจกรรมของแก๊ง (Blue Lantern) มีประเพณีการรวมตัวกันอย่างเรียบง่าย ไม่เป็นทางการ
ต่อมา แก๊ง 14K ขยายออกสู่ระดับโลกในแหล่งที่มีชุมชนชาวจีน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายประเทศ
เมื่อมีการปราบปรามในที่หนึ่ง สมาชิกแก๊งก็จะหลบหนีไปอยู่อีกที่หนึ่ง เช่น เมื่อมาเก๊า ฮ่องกงและไต้หวันปราบหนัก ก็จะกลับไปอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่
ยอดสมาชิกแก๊ง 14K ทั่วโลกช่วงทศวรรษ 1990 มีมากกว่า 20,000 คน แม้ว่าปัจจุบันจะไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนก็ตาม
กลุ่มผู้นำแก๊ง 14K จะกระจายกันออกไป ไม่ได้มีศูนย์กลางตายตัว ในยุคปัจจุบันที่รู้จักกัน คือ “ว่านก้วกกอย” (Wan Kuok-koi) ฉายาว่า “ไอ้กอยฟันหลอ” (Broken Tooth Koi) เป็นหัวหน้าแก๊งในมาเก้า ติดคุกตั้งแต่ปี 1999-2009
กิจกรรมการทำผิดกฎหมายของแก๊ง 14K มีหลากหลาย ตั้งแต่การพนันผิดกฎหมาย การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การขู่กรรโชก อีกทั้งยังรับผิดชอบในการขนเฮโรอินจำนวนมากจากสามเหลี่ยมทองคำ ส่วนการค้ามนุษย์มีเครือข่ายกว้างขวางทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในยุโรป
3. ขนาดและความรุนแรงของการก่ออาชญากรรมของแก๊ง 14K
แทลลีย์ (Talley, 2020) เสนอรายงานชื่อ “US Sanctions Gangster Known as “Broken Tooth” for Corruption in China’s Belt and Road” ในวารสาร “The Wall Street Journal” ว่า เครือข่ายอาชญากรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเครือข่ายที่นำโดยว่านก้วกกอย (Wan Kuok-Koi) เสอจื้อเจียง (She Zhijiang) อัลวิน เฉา (Alvin Chau) ซูไอหมิง (Xu Aimin) และจ้าวเหว่ย (Zhao Wei)
ส่วนเฉินจื้อ (Chen Zhi) ที่ก่อตั้งปริ๊นซ์แบงค์ (Prince Bank) หรือปริ๊นซ์กรุ๊ป (Prince Group) ที่ถูกยึดทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษมากกว่าสี่แสนล้านบาทนั้น ก็เป็นนักธุรกิจระดับมันสมองที่ทำงานด้านการเงินให้กับว่านก้วกกอยและแก๊ง 14K
แทลลีย์ (Tally, 2020) ให้ข้อมูลว่าเสอจื้อเจียงเน้นหนักทางด้านการสแกมออนไลน์ การพนันออนไลน์และสแกมเซ็นเตอร์
ส่วนว่านก้วกกอย เน้นทางด้านการขยายธุรกิจผิดกฎหมายไปสู่ธุรกิจที่ถูกกฎหมายและการค้าเงินคริปโตทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในกัมพูชา ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์และประเทศไทย
ส่วนมาเก๊าซึ่งเป็นแหล่งการพนันถูกกฎหมายนั้น มีอัลวิน เฉา ซึ่งเคยมีประสบการณ์จากการทำกิจกรรมผิดกฎหมายเป็นคนคอยดำเนินการ
ความเสียหายที่เกิดจากองค์กรอาชญากรรมเหล่านี้มีจำนวนสูงเป็นพัน ๆ ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา จากกิจกรรมการพนันผิดกฎหมาย การฟอกเงินและการฉ้อโกง นอกจากนั้นยังเกี่ยวพันกับการสแกมออนไลน์และการค้ามนุษย์ ซึ่งทำลายชีวิตคนไปเป็นจำนวนมาก
องค์กรอาชญากรรมเหล่านี้ได้ทำการฟอกเงินผ่านเครือข่ายธุรกรรมการเงินที่สลับซับซ้อนเพื่อเปลี่ยนเงินจากการผิดกฎหมายให้กลายเป็นเงินถูกกฎหมาย เช่น เสอจื้อเจียงใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนสำหรับการแลกเปลี่ยนเงินคริปโต ซึ่งกลายเป็นตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการก่ออาชญากรรม
เส้นสายองค์กรอาชญากรรมระดับโลกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โยงใยกันไปหมด เห็นได้จากการค้ายาเสพติดและบ่อนการพนัน ยกระดับมาเป็นการพนันออนไลน์ การค้ามนุษย์ การสแกม การฟอกเงินผ่านคริบโตและการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
ประเทศไทยถึงแม้ไม่ใช่ศูนย์กลางการก่ออาชญากรรม แต่ก็ใกล้เคียงกับการเป็นศูนย์กลางการฟอกเงิน
สีจิ้นผิงรู้เรื่องเหล่านี้ดี จึงได้เตือนให้ไทยระวัง แต่รัฐบาลไทยขณะนั้นยืนยันว่าจะจัดให้มีบ่อนการพนัน 10% โดยไม่รู้เลยว่า ที่จริงพวกนั้นเป็นใครกัน
เดชะบุญที่ประเทศไทยรอดจากนโยบายเอนเทอร์เทนเม้นต์ คอมเพล็กซ์ ที่แสนอันตราย มาได้อย่างน่าอัศจรรย์
ตอนนี้เหลือแต่การพนันออนไลน์ที่องค์กรอาชญากรรมยังขายเฟรนไชส์อย่างเอิกเกริกเป็นร้อยเป็นพันเว็บ กับการสแกมและการค้ามนุษย์
กับทั้งมีเส้นเงินจากการก่ออาชญากรรมเข้าบัญชีนักการเมือง นักธุรกิจ และตำรวจเป็นร้อย ๆ คน
หากจับกันจริง ๆ คงมีอดีตนายกรัฐมนตรีไทยเกี่ยวข้องด้วย เพราะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสมาชิกองค์กรอาชญากรรมและเส้นเงิน ชัดเจนยิ่งกว่าที่เข้าบัญชีตำรวจกับเจ้าหน้าที่
อีกทั้งมีนโยบายที่สอดคล้องกับแนวทางการฟอกเงินขององค์กรอาชญากรรม
แต่พอนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันพูดว่า “ตำรวจทะเลาะกันเอง” ประชาชนก็ใจหาย โดยเฉพาะประเทศไทยจะสู้กับองค์กรอาชญากรรมระดับโลกอย่างไร
แม้แต่นายกรัฐมนตรี ยังเข้า “เกียร์ว่าง”..
บทความโดย :
ทนายบ้าน ๆ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา