"...ยิ่งใกล้เลือกตั้งนักการเมืองยิ่งเรียกหาความสนใจจากผู้คนเพื่อชิงความได้เปรียบและในยุคปัจจุบันไม่มีพื้นที่ไหนที่สามารถทำให้ฝูงชนมารวมตัวกันได้ สะดวก รวดเร็วและมากได้เท่ากับ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย การใช้โซเชียลมีเดียและนำ AI เข้ามามีส่วนร่วมจึงสร้างความได้เปรียบแก่พรรคการเมืองไม่มากก็น้อย..."
ก่อนน้ำท่วมภาคใต้เพียงไม่กี่วัน คุณอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเปรยว่าอาจจะยุบสภาเร็วกว่ากำหนดเดิมและได้เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คนจากพรรคภูมิใจไทย บรรยากาศทางการเมืองเริ่มมีสีสันขึ้นมาในทันทีเพราะแต่ละพรรคต่างทยอยเปิดตัวนายกรัฐมนตรีและเตรียมเฟ้นหาผู้สมัครเพื่อชิงเก้าอี้ สส. ซึ่งการเลือกตั้งครั้งหน้าคาดว่าจะแข่งขันกันอย่างดุเดือดไม่แพ้การเลือกตั้งครั้งใดๆ เพราะนอกจากการแข่งขันกันระหว่างความนิยมของพรรคและตัวบุคคลแล้ว สิ่งที่ต้องจับตามองคือการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการแข่งกันชิงความได้เปรียบในการหาเสียงเลือกตั้งซึ่งโซเชียลมีเดียและ AI เป็นเทคโนโลยีที่กำลังเป็นที่น่าจับตามองที่สุดและเคยใช้ได้ผลมาแล้วในหลายสนามเลือกตั้ง

ภาพวาดจากศตวรรษที่ 19 แสดงให้เห็นถึงนักการเมืองชาวเอเธนส์ยุคโบราณ กำลังกล่าวสุนทรพจน์ในงานศพต่อหน้าสภานิติบัญญัติโดย มีภาพของ AI เป็นพื้นหลัง
จากบ้านใหญ่สู่แพลตฟอร์มเอนเกจเมนท์
คงจำกันได้ว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 เป็นการเลือกตั้งที่โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญในการสร้างกระแสการเลือกตั้ง จนพูดได้ว่าโซเชียลมีเดียได้ดิสรัป(Disrupt)การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาอย่างไม่มีข้อสงสัยจนทำให้พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งและกลายเป็นพรรคที่มีจำนวน ส.ส.เป็นอันดับหนึ่ง
ปัจจัยที่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนั้น นอกจากนโยบายชัดเจนที่เจาะกลุ่มเป้าหมายด้วยวิธีการตลาดสมัยใหม่แล้ว การใช้โซเชียลมีเดียคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดกระแสเลือกพรรคก้าวไกล จนทำให้เป็นแกนนำอันดับแรกที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล และเป็นเสมือนการปรับเปลี่ยน ภูมิทัศน์ของพื้นที่การเมืองไทย(Political landscape) จากรูปแบบของ ประชานิยมและบ้านใหญ่ สู่รูปแบบการเมืองแบบผูกพันด้วยการมีส่วนร่วมหรือเอนเกจเมนท์ (Engagement) บนแพลตฟอร์ม
การเลือกตั้งในครั้งนั้นแสดงให้เห็นว่าประชาธิปไตยกับเทคโนโลยีดิจิทัลได้รวมกันเป็นเนื้อเดียวกันและได้กลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดทางการเมืองที่ไม่อาจปฏิเสธได้และเชื่อว่าไม่ว่าพรรคการเมืองที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายใดก็ตามคงต้องใช้โซเชียลมีเดียรวมทั้ง อาจใช้ AI เข้ามาเสริมในการเลือกตั้งครั้งต่อไปควบคู่กับการใช้กลยุทธ์บ้านใหญ่ ขณะที่บางพรรคอาจใช้ยุทธศาสตร์การสร้างเอนเกจเมนท์โดยใช้เทคโนโลยีเป็นหลักโดยไม่ต้องอาศัยบารมีบ้านใหญ่ดังที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในอดีต
จึงไม่แปลกที่ระยะนี้จะเห็นข่าวเกี่ยวกับ นโยบาย การเปิดตัวผู้สมัคร การแสดงความเห็นทางการเมืองและการวิเคราะห์การเมือง รวมทั้งโพลต่างๆ ทั้งจากสื่อ แนวร่วมของพรรคการเมืองบางพรรคและความเห็นจากฝ่ายตรงข้ามรวมทั้งคอนเทนท์ล่อเป้า ส่งมาบนฟีดของโซเชียลมีเดียมากกว่าปกติซึ่งแสดงว่า การหาเสียง บนโลกออนไลน์ได้เริ่มขึ้นแล้วอย่างจริงจังและบางพรรคกำลังโหมโรงสะสมแต้มบนโลกออนไลน์เพื่อสร้าง ปฏิกิริยาลูกบอลหิมะ(Snowball effect) ซึ่งเป็นการสะสมความมีชื่อเสียงขึ้นไปทีละน้อยคล้ายกับหิมะก้อนเล็กๆก้อนหนึ่งที่กลิ้งไปและสะสมจำนวนหิมะจนมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเกิดขึ้นได้เสมอในสังคมที่มีการสื่อสารกันด้วยข้อมูลทั้งในโลกแห่งความจริงและในโลกโซเชียลที่ทุกคนต่างได้รับรู้ข้อมูลจากการบอกต่อของคนอื่นและมีการขยายความต่อๆกันไป ก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้ง
AI มีกี่ประเภท?
คำจัดกัดความที่ง่ายและสั้นของ AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ คือ “เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้คอมพิวเตอร์และเครื่องจักรสามารถเลียนแบบ การเรียนรู้ ความเข้าใจ การแก้ปัญหา การตัดสินใจ ความคิดสร้างสรรค์ และความเป็นอิสระของมนุษย์” (1)
AI ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆ 2 ประเภท คือ AI ประเภทสร้างคอนเทนต์ได้เองหรือ เรียกว่า Generative AI ซึ่งสามารถสร้างคอนเทนต์ประเภท ภาพ เสียง ข้อความ ฯลฯ ภายใต้การสั่งการของคำสั่งที่เรียกว่า พรอมท์ (Prompt) เช่น สั่งให้ AI ออกแบบบ้านในสวนที่อยู่ใกล้ทะเล สั่ง AI ให้สรุปรายงานการประชุมหรือสรุปสาระสำคัญของบทความ ฯลฯ ตัวอย่างของ Generative AI ที่นิยมใช้กันในปัจจุบันได้แก่ ChatGPT DeepSeek Gemini Claude Llama เป็นต้น
AI อีกประเภทหนึ่งเป็น AI ที่ใช้สำหรับการพยากรณ์หรือเรียกว่า Predictive AI ซึ่งใช้สำหรับพยากรณ์เพื่อใช้ในการตัดสินใจที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น การพยากรณ์ว่าจะเกิดอาชญากรรมกี่ครั้งในพื้นที่บางแห่งในสัปดาห์หน้า หรือ แนวโน้มที่อุปกรณ์ของเครื่องจักรจะเกิดความเสียหายในอีก 30 วันข้างหน้า หรือ การพยากรณ์การเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นต้น ซึ่ง AI ประเภทนี้มีจำนวนมากมายในท้องตลาด แล้วแต่จะหยิบมาใช้กับงานประเภทใด
แม้ว่า AI ทั้งสองประเภทจะทำงานได้อย่างเป็นที่น่าพอใจและผู้คนนำมาใช้งานกันอย่างกว้างขวางภายใต้การโฆษณาจากผู้พัฒนาระบบAI จนเกินความจริงเพื่อหวังผลทางธุรกิจ แต่ AI ไม่ได้มีความสมบูรณ์มากพอที่จะไว้ใจได้เสียทีเดียว เพราะ Generative AI ยังอยู่ในภาวะที่ยังไม่เข้าที่ (Immature) ยังไม่น่าเชื่อถือเพียงพอ (Unreliable) และมีแนวโน้มที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม (Prone to misuse) โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาที่เรียกว่า ภาพหลอนจาก AI (AI Hallucination) ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่สร้างขึ้นโดย AI ที่เบี่ยงเบนไปจากความเป็นจริงหรือขาดพื้นฐานของข้อเท็จจริงยังคงเป็นปัญหาที่พบได้เสมอในโลกของ Generative AI ในขณะที่ Predictive AI ก็ยังมีปัญหาเช่นกัน เพราะการพยากรณ์อนาคตด้วยข้อมูลจากอดีตและปัจจุบันสำหรับงานบางประเภทเป็นเรื่องยากซึ่ง Predictive AI ยังไม่สามารถทำงานได้อย่างแม่นยำเท่าที่ควร(2)
นักการเมืองได้ประโยชน์อะไรบ้างจาก AI ?
ยิ่งใกล้เลือกตั้งนักการเมืองยิ่งเรียกหาความสนใจจากผู้คนเพื่อชิงความได้เปรียบและในยุคปัจจุบันไม่มีพื้นที่ไหนที่สามารถทำให้ฝูงชนมารวมตัวกันได้ สะดวก รวดเร็วและมากได้เท่ากับ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย การใช้โซเชียลมีเดียและนำ AI เข้ามามีส่วนร่วมจึงสร้างความได้เปรียบแก่พรรคการเมืองไม่มากก็น้อย
ประเทศอาร์เจนตินาถือว่าเป็นประเทศที่นำร่องการนำ AI มาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2023 ซึ่งเรียกว่า First AI Election หรือ การใช้ AI ในการเลือกตั้งครั้งแรก เพราะทั้งผู้แข่งขันชิงชัยประธานาธิบดีคนสำคัญ ต่างนำ AI มาใช้ในการหาเสียง เช่น การออกแบบโปสเตอร์หาเสียง การสร้างวิดิโอเพื่อการหาเสียง เป็นต้น นอกจากอาร์เจนตินาแล้วนักการเมืองในอีกหลายประเทศเริ่มนำ AI มาใช้รณรงค์หาเสียงเพื่อชิงความได้เปรียบเช่นกัน โดยอาศัยศักยภาพ 4 ด้านของ AI ซึ่งได้แก่ การทำงานด้วยความเร็ว(Speed) สามารถรองรับงานปริมาณมาก (Scale) ทำงานที่มีความหลากหลาย(Scope) และแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อน(Sophisticate) ซึ่งมนุษย์และเทคโนโลยีแบบเดิมทำไม่ได้
ดังนั้นในทางการเมือง AI จะสามารถทำให้นักการเมืองสามารถใช้ศักยภาพของ AI ทำให้กิจกรรมทางการเมืองดังต่อไปนี้ให้เป็นความจริงได้ หากใช้ด้วยความถูกต้องและระมัดระวัง เป็นต้นว่า
1.การใช้ AI สื่อสารกับผู้เลือกตั้ง
ในยุคแรกนักการเมืองจะใช้สื่อในลักษณะที่เป็นการสื่อสารกระจายข่าวแบบทางเดียว เช่น วิทยุ โทรทัศน์ และอาจรวมถึงหนังสือพิมพ์และแผ่นโฆษณาต่างๆ ยุคต่อมาเป็นยุคของอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียซึ่งสามารถตอบโต้กันระหว่างผู้ส่งกับผู้รับข่าวสารได้และยังคงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ในยุคต่อไป AI จะกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทรงพลังทางการเมืองที่เหนือกว่าการสื่อสารแบบเดิมเพราะ AI สามารถทำให้การสื่อสารระหว่างนักการเมืองกับผู้ลงคะแนนเลือกตั้งเจาะจงเฉพาะตัวคราวละมากๆพร้อมกัน นักการเมืองชาวญี่ปุ่นเคยใช้ AI ขณะรณรงค์หาเสียงชิงตำแห่งผู้ว่าฯกรุงโตเกียวเมื่อปี 2024 โดยใช้ Avatar(ตัวแทนในโลกออนไลน์) ตอบคำถามของผู้ลงคะแนนเลือกตั้งได้มากถึง 8,900 คำถาม (3) โดยอาศัยศักยภาพ ด้านปริมาณ(Scale) ของ AI
ในสหรัฐอเมริกา นักการเมืองจากพรรคเดโมแครตใช้ AI สร้างระบบต่อโทรศัพท์อัตโนมัติที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายโทรศัพท์มีชื่อเรียกเฉพาะว่า แอชลี (Ashley) ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเป็นครั้งแรก แอชลี เป็น Generative AI ที่สามารถต่อโทรศัพท์ไปถึงผู้ลงคะแนนเสียงและสามารถตอบคำถามต่างๆได้ด้วยตัวเองแทนมนุษย์(4)
ความสามารถที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของ AI คือ การแปลภาษาอัตโนมัติ (Automatic Language Translation) ซึ่งได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญให้นักการเมืองสามารถสื่อสารไปถึงผู้คนในประเทศที่ใช้ภาษาที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมที ของอินเดียเคยใช้ AI แปลภาษาแบบ Real time และถ่ายทอดสดคำปราศรัยของเขาไปยังชาวอินเดียหลายล้านคนที่ใช้ภาษาอื่นๆนอกจากภาษาหลัก(3) ด้วยศักยภาพอันน่าทึ่งของ AI ในอนาคตอันใกล้ AI จะกลายเป็นช่องทางการสื่อสารสำคัญที่นักการเมืองต้องพึ่งพาร่วมกับการสื่อสารช่องทางอื่นๆ
2.การใช้ AI เพื่อสำรวจความเห็นทางการเมือง
การสำรวจความเห็นทางการเมืองหรือการทำโพลทั่วโลกด้วยวิธีเดิมมักประสบปัญหาคล้ายๆได้แก่ (3)
- จำนวนผู้ไม่ตอบแบบสำรวจมีมากขึ้น การตอบแบบสำรวจทางไปรษณีย์มีจำนวนลดลง การใช้โทรศัพท์บ้านมีจำนวนลดลง การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์เพราะยากที่จะระบุข้อมูลสถานที่และข้อมูลประชากร รวมทั้งผู้คนมักไม่อยากรับโทรศัพท์
- ผู้ตอบแบบสำรวจมักไม่เปิดเผยความจริงแก่ผู้สำรวจโพล
ผู้สำรวจความเห็นทางการเมืองยุคปัจจุบันจึงพยายามหาทางออกเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดจากการสำรวจแบบเดิม การสำรวจความเห็นด้วยAI (AI-based poll) จึงเป็นทางเลือกที่น่าจะปิดจุดอ่อนเหล่านั้นได้ เพราะแทนที่จะจัดทำแบบสำรวจและส่งออกไปหาผู้คน ผู้สำรวจความเห็นทางการเมืองเลือกที่จะใช้วิธีฟังเสียงผู้คนที่เรียกกันว่า Social learning จากโซเชียลมีเดียโดยใช้ศักยภาพ ด้านความเร็ว(Speed)และด้านปริมาณ(Scale) ของ AI เข้ามาช่วย โดยไม่ต้องออกไปสำรวจความเห็นผู้คน แต่ใช้ AI สแกนโพสต์ต่างๆบนโซเชียลมีเดียและนำมาประมวลผลเพื่อให้ AI เรียนรู้ข้อมูลเหล่านั้นซึ่งจะได้เปรียบในแง่ของการได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและรองรับการสำรวจในปริมาณที่มาก
อย่างไรก็ตามการใช้ AI ในการทำโพลมีความซับซ้อนกว่าการทำโพลแบบเดิมเพราะการถามคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับความคิดของมนุษย์โดยไม่มีมนุษย์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้นเป็นเรื่องที่ยังไม่สมเหตุสมผลและยังมีจุดอ่อนเกี่ยวกับแนวโน้มที่จะเกิด ความลำเอียง(Bias)หรือพูดเกินจริงเกี่ยวกับความคิดเห็นของกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆ
กลุ่มวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้เผยแพร่การสาธิตการใช้ ChatGPT เพื่อจำลองผลลัพธ์ของการสำรวจ Cooperative Election Study ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับผลดีในการทำนายว่ากลุ่มต่างๆ คิดอย่างไรเกี่ยวกับการทำแท้ง แต่ ChatGPTกลับตอบคำถามเกี่ยวกับการสนับสนุนของอเมริกาในการแทรกแซงสงครามในยูเครนผิดพลาด เพราะตัวตนมนุษย์ที่จำลองขึ้นด้วย AI นั้นไม่สามารถเลียนแบบการตอบสนองของมนุษย์แต่ละคนได้อย่างสมบูรณ์เท่าที่ควร ซึ่งหมายถึงการอาศัย AI ในการสำรวจความเห็นจากผู้คนโดยลำพังมีความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดได้เช่นกันและวิธีที่ดีที่สุดในการทำโพลด้วย AI คือใช้ศักยภาพของ AI ทำงานร่วมกับมนุษย์ดีกว่านำ AI มาทดแทนมนุษย์ทั้งหมด
3.การใช้ AI เพื่อการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
นักการเมืองยุคใหม่รู้ดีว่า เทคโนโลยีดิจิทัลคือเครื่องมือทุ่นแรงที่ดีที่สุดในการสื่อสารกับผู้คนในวงกว้าง โซเชียลมีเดียจึงถูกนำมาใช้ช่วงชิงความได้เปรียบตลอดหลายปีที่ผ่านมาและ AI กำลังจะเข้ามาเสริมศักยภาพของโซเชียลมีเดียเพื่อกิจกรรมทางการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
แม้ว่าโซเชียลมีเดียสามารถทำให้นักการเมืองสื่อสารกับผู้เลือกตั้งได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง แต่การนำโซเชียลมีเดียไปใช้ในทางการเมืองยังมีจุดด้อยอยู่บ้าง เมื่อเทียบกับการพบผู้ลงคะแนนด้วยตัวเอง จากการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาคาดว่า การชักชวนผู้คนไปลงคะแนนแบบพบหน้ากันจะช่วยเพิ่มโอกาสที่ผู้มีสิทธิออกเสียงจะออกมาใช้สิทธิ์ได้ประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าการส่งข้อความเตือนบนโซเชียลมีเดียที่เพิ่มโอกาสเพียงครึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น(3)
แต่การชักชวนผู้คนไปเลือกตั้งแบบแบบพบหน้ากันต้องใช้ทรัพยากร ทั้ง คน งบประมาณ เวลา และเครื่องมือต่างๆเป็นจำนวนมาก การนำ AI มาช่วยจึงเป็นการเสริมศักยภาพกิจกรรมทางการเมืองของนักการเมืองได้ แม้ว่าการชักชวนผู้คนมาลงคะแนนโดยใช้ AI จะไม่ได้เป็นการชักชวนผู้ลงคะแนนแบบพบหน้ากัน แต่ด้วยความสามารถของ AI ที่สามารถติดต่อผู้คนได้เป็นการเฉพาะตัวเป็นจำนวนมากและสื่อสารข้อความที่ตรงกับรสนิยมทางการเมืองตามโปรไฟล์ของแต่ละคน อีกทั้งสามารถเลียนแบบใกล้เคียงมนุษย์จนดูเหมือนว่าผู้ลงคะแนนได้สื่อสารกับมนุษย์ตัวเป็นๆทำให้ AI อาจเป็นเครื่องมือที่สร้างความดึงดูดใจให้ผู้คนไปลงคะแนนเพิ่มขึ้นมากกว่าวิธีใช้การส่งข้อความชักชวนผ่านโซเชียลมีเดียเพียงอย่างเดียว
พรรคเดโมแครตของสหรัฐอเมริกาได้ใช้ซอฟต์แวร์การจัดการรณรงค์ทางการเมือง (Political campaign management software)
สำหรับติดต่อกับผู้ลงคะแนนโดยใช้ AI ในการโทรศัพท์ถึงผู้ลงคะแนนด้วยภาษาที่ผู้ลงคะแนนคนนั้นใช้สื่อสารในชีวิตประจำวัน รวมทั้งสามารถสร้างกลยุทธ์การรณรงค์โดยใช้ ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ คู่แข่ง ถิ่นที่อยู่ และปรับแต่งวิดีโอรณรงค์หาเสียงให้เหมาะกับผู้ลงคะแนนเป็นรายบุคคล เป็นต้น
นอกจากการสื่อสารกับผู้ลงคะแนนแล้ว AI ยังสามารถเป็นศูนย์กลางสั่งการเกี่ยวกับการจัดการกลยุทธ์การเลือกตั้งหรือเป็นโค้ชทางการเมือง เช่น จัดตารางการหาเสียงเลือกตั้ง ให้คำแนะนำกับทีมงานเกี่ยวกับการออกหาเสียงในแต่ละวัน กำหนดว่าจะต้องไปพบกับใครบ้าง ควรหาเสียงในบริเวณใด ช่วงเวลาไหน เป็นต้น
กลยุทธ์ในการรณรงค์เพื่อการหาเสียงเลือกตั้งทั้งการออกไปพบปะผู้คน การใช้โซเชียลมีเดีย การใช้ AI และวิธีอื่นๆต่างมีจุดอ่อนและจุดแข็ง ต่างกันไป ดังนั้นวิธีที่เหมาะสม พรรคการเมืองมักจะใช้หลายวิธีผสมผสานกัน
4.การใช้ AI เพื่อการระดมทุนทางการเมือง
ตามความหมายทั่วไป การระดมทุนทางการเมืองหมายถึงกระบวนการในการระดมเงินสำหรับแคมเปญการหาเสียงและกิจกรรมต่างๆทางการเมือง(5) การระดมทุนด้วยการใช้เทคโนโลยีทางการสื่อสารที่ใช้กันอยู่โดยทั่วไปได้แก่
- การระดมทุนแบบเดิม: ใช้โทรศัพท์ไปยังกลุ่มเป้าหมายตามรายชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ที่อยู่ในฐานข้อมูลของพรรคการเมือง รวมทั้งใช่สื่ออื่นๆควบคู่กันไปตามที่กฎหมายจะอนุญาต
- การระดมทุนแบบดิจิทัลหรือแบบออนไลน์ : เป็นการใช้สื่อดิจิทัลในการสื่อสารกับเป้าหมาย เช่น การส่งอีเมล์และการโพสต์ข้อความเชิญชวนบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็ว กว้างขวางและเพิ่มการมีส่วนร่วมของการบริจาคได้มากขึ้นทั้งผู้บริจาครายเดิมและรายใหม่

ตัวอย่างการระดมทุนของพรรคก้าวไกลขอรับบริจาคคนละ 100 บาท(6)
ตัวอย่างการระดมทุนของ กมลา แฮริส บนโซเชียลมีเดีย ขณะชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2024(5)
การระดมทุนของพรรคก้าวไกลและกมลา แฮริส จากพรรคเดโมแครตที่มีโซเชียลมีเดียเป็นส่วนหนึ่งในเครื่องมือสนับสนุนการรณรงค์เพื่อระดมทุนให้พรรคของตนเองได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะการรณรงค์ของ กมลา แฮริส ครั้งนั้นได้รับเงินบริจาคมากมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ได้รับการเสนอตัวแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีซึ่งถือว่าเป็นการระดมทุนที่ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่พรรคการเมืองก็ยังไม่หยุดที่จะหาเครื่องมือที่จะทำให้การระดมทุนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไปอีก
การใช้ AI เพื่อการระดมทุนจึงเป็นวิธีใหม่ในการระดมทุนแบบดิจิทัลเสริมกับวิธีที่ใช้กันอยู่แต่เดิม แต่มีความได้เปรียบเหนือกว่าคือจะทำให้การระดมทุนทางการเมืองเป็น “ระบบอัตโนมัติ” เพราะงานง่ายๆและทำซ้ำๆกันจำนวนมากๆ เป็นงานที่ AI ทำได้ดี เช่น การคัดเลือกผู้บริจาคที่มีศักยภาพจากรายชื่อ การติดตามข้อมูลการติดต่อและการรวบรวมโปรไฟล์ของผู้บริจาค เป็นต้น
ผลการศึกษาของ พรรคเดโมแครตของสหรัฐอเมริกาพบว่า ข้อความเชิญชวนผู้คนเพื่อการระดมทุนที่เขียนด้วย AI มีประสิทธิภาพในการดึงดูดใจให้เกิดการบริจาคมากกว่าการให้มนุษย์เป็นผู้เขียนเสียอีก ความเหนือชั้นของ AI ต่อเทคโนโลยีแบบเดิมจึงเชื่อกันว่าในอนาคตอันใกล้นี้ไม่ว่าพรรคการเมืองในต่างประเทศหรือพรรคการเมืองในบ้านเราจะต้องพึ่ง AI ในการระดมทุนและเสริมกิจกรรมทางการเมืองอื่นๆ
5.การใช้ AI เพื่อฟังเสียงจากประชาชน
นักการเมืองมักยึดถือว่า เสียงจากประชาชนคือเสียงสวรรค์ (The voice of the people (is) the voice of God : vox populi vox dei) การฟังเสียงจากประชาชนจึงเป็นความจำเป็นที่นักการเมืองต้องตระหนักอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้เลยที่นักการเมืองจะรับฟังเสียงจากคนทั่วไปเป็นจำนวนมากและนำมาสรุป แยกแยะ วิเคราะห์เสียงสะท้อนจากประชาชนในทุกๆเรื่อง การใช้ AI เพื่อทำหน้าที่แทนทีมงานทางการเมืองเป็นจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเพราะข้อจำกัดเหล่านี้สามารถให้ AI ทำหน้าที่แทนมนุษย์ได้ ทีมงานนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมที ของอินเดีย เคยใช้ AI ช่วยในการสรุป รวบรวมความเห็นจากชาวอินเดียหลายล้านคนในการจัดทำแผนพัฒนาประเทศ 25 ปี AI จึงช่วยให้ผู้กำหนดนโยบายและเจ้าหน้าที่สามารถซักถามและทำความเข้าใจมุมมองที่หลากหลายของผู้คนจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยให้พวกเขาฟังเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากพร้อมกันได้
การใช้ AI เพื่อกิจกรรมทางการเมืองข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างที่ AI ถูกนำไปใช้ในหลายประเทศซึ่งเป็นเพียงการเริ่มต้นของ AI ในทางการเมืองและในอนาคตยังไม่อาจคาดเดาได้ว่า AI จะถูกนำไปใช้ทางการเมืองในลักษณะใดอีกบ้าง เพราะเทคโนโลยีดิจิทัลมักให้ผลลัพธ์ที่สร้างความประหลาดใจเสมอในแง่ของการนำไปประยุกต์ใช้งาน แม้แต่ผู้ออกแบบเทคโนโลยีเองก็ยังคาดไม่ถึง เรามักจะรู้ก็ต่อเมื่อเราได้เห็นสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้ว
เรื่องของ ประชาธิปไตย เทคโนโลยีและมนุษย์เป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออกและต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป วิวัฒนาการของเทคโนโลยีในแต่ละยุคนอกจากจะทำให้พฤติกรรมของมนุษย์เปลี่ยนไปแล้วยังส่งผลต่อประชาธิปไตยในทางใดทางหนึ่งอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงและเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองตระหนักถึงเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี การปรับตัวของพรรคการเมืองให้สอดคล้องกับกระแสของเทคโนโลยี จึงมีความจำเป็นเพื่อไม่ให้พรรคตัวเองตกขบวนหรือเสียโอกาสซึ่งเป็นความท้าทายที่ไม่แพ้มิติทางการเมืองด้านอื่นแม้ว่าการใช้ AI ในทางการเมืองมีโอกาสที่จะล้มเหลวได้เช่นกันแต่ก็คุ้มค่าที่จะทดลอง
ในทางการเมือง AI ควรถูกใช้ส่งเสริมความงอกงามของประชาธิปไตย แต่ด้วยการทำงานที่มีความซับซ้อนของ AI ซึ่งให้ผลลัพธ์บางอย่างในลักษณะกำกวมยากที่จะอธิบายได้ แม้แต่ผู้ออกแบบเองก็ยากที่จะเข้าใจถึงการทำงานและผลลัพธ์ที่ได้ทั้งหมด AI จึงเหมือนกล่องดำปริศนาซึ่งให้ผลลัพธ์ทั้งประโยชน์และความเสี่ยง ยากที่จะตรวจสอบและอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้เสมอ นักการเมืองจึงต้องใช้ AI ด้วย ความโปร่งใส คงไว้ซึ่งจริยธรรมและความรับผิดชอบ โดยไม่อาศัยศักยภาพและความซับซ้อนของ AI ในการโหมโฆษณาชวนเชื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมืองบนความเปราะบางทางจิตวิทยาของผู้คนแต่เพียงอย่างเดียว เพื่อไม่ให้ความเป็นประชาธิปไตยถูกบิดเบือนด้วยอิทธิพลของเทคโนโลยีร่วมกับเล่ห์เหลี่ยมของนักการเมืองเอง
อ้างอิง
1.https://www.ibm.com/think/topics/artificial-intelligence
2.AI Snake Oil โดย Arvind Narayanan และ Sayash Kapoor
3.Rewiring democracy โดย Bruce Schneier และ Nathan E.Sanders
4.https://www.reuters.com/technology/meet-ashley-worlds-first-ai-powered-political-campaign-caller-2023-12-12/
5.https://www.ngpvan.com/blog/political-fundraising/
6.https://www.nationtv.tv/politic/378904837
https://www.techpolicy.press/can-democracy-survive-artificial-general-intelligence/

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา