
"...ดังนั้น การสรุปสาระของเรื่องด้วยความคิดง่ายๆ ของตัวเองจะน่าจะเป็นเหตุผลของการระบุว่า การใช้ระเบิดสังหารบุคคลของเขมรเป็นแค่อุบัติเหตุ คล้ายกับการพูดว่า เขาสามารถแก้ปัญหายูเครนได้ในเวลา 24 ชม. หรือในคำกล่าวในพิธีลงนามแถลงการณ์ร่วมที่มาเลเซีย เขาพูดว่าการแทรกแซงเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งครั้งนี้ช่วยรักษาชีวิตประชาชนได้เป็นล้านคน..."
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อ 2-3 วันก่อนที่รัฐบาลเขมรได้ว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์สหรัฐฯ 4-5 บริษัททำหน้าที่ป้อนข้อมูลในส่วนของเขมรให้รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อโน้มน้าวให้เห็นคล้อยตามและสนับสนุนเขมรในประเด็นความขัดแย้งกับไทย
โดยข้อความของทรัมป์ใน X ที่ระบุว่า ปัญหาเรื่องการใช้ระเบิดสังหารบุคคลโดยเขมรเป็นเพียงอุบัติเหตุข้างทางที่ประเทศไทยตอบโต้อย่างรุนแรงเป็นการสะท้อนท่าทีเขมรในเรื่องนี้อย่างชัดเจน
@เราเรียนรู้อะไรจากข่าวนี้
เดิมเองผมเองไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เท่าไหร่นัก เพราะเห็นว่าการใช้ล็อบบี้ยิสต์เป็นแนวทางปฏิบัติปรกติในสหรัฐฯ เรื่องที่รีบด่วนกว่าคือการปรับเปลี่ยนบทอธิบายความ (narrative)เสียใหม่ เพราะการใช้ระเบิดสังหารบุคคลของเขมรถูกมองว่าเล็กเกินไปที่จะเป็นต้นเหตุการสู้รบจึงควรหันมาเน้นเรื่อง การปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์และการใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ ซึ่งอยู่ในความสนใจของนานาชาติ โดยลืมไปว่าเมื่อมีบทอธิบายที่ดีแล้ว เราต้องมีวิธีการในการสื่อสารข้อมูลไปยังเป้าหมายที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพด้วย ซึ่งการว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ก็เป็นหนึ่งในวิธีการนั้น
@เขมรใช้ล็อบบี้ยิสต์ทำอะไร
การที่เขมรว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ชื่อดังตั้งแต่ต้นปี 2568 ก่อนการปะทะในรอบแรก อันนำไปสู่การเปิดแนวรุกทางการทูตอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ไม่ว่าการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติและศาลโลก และวิธีการยั่วยุต่างๆให้ตอบโต้เพื่อเอาไปอ้างได้ว่าเป็นกรณีประเทศใหญ่รังแกประเทศเล็ก ล้วนแสดงให้ถึงผลงานของล็อบยี้ยิสต์ในการช่วยกำหนดยุทธศาสตร์การสร้างภาพลักษณ์ทั้งสิ้น
เชื่อว่าฮุน มาเน็ต เป็นผู้รับผิดชอบงานด้านนี้เต็มตัว ส่วนฮุน เซน เป็นผู้ดูแลสั่งการด้านการทหารทั้งหมด
ดังนั้น ในช่วงแรกๆ เราจึงเห็นการเดินหมากเปิดรุกทางการต่างประเทศอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและฝ่ายไทยต้องตกเป็นฝ่ายรับอยู่พักใหญ่
@ข้อจำกัดการใช้ล็อบบี้ยิสต์ของไทย
ล็อบบี้ยิสต์คือ ผู้แทนต่างชาติ (foreign agent) ที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา กำหนดยุทธศาสตร์และให้คำแนะช่องทางและขั้นตอนการดำเนินงานเรื่องต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงกำหนดยุทธศาสตร์การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ลูกค้า เป็นอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐฯ ต้องจดทะเบียนเป็นทางการ และมีบันทึกการปฏิบัติงานที่สามารถเรียกดูได้
ทั้งนี้ กฎหมายห้ามล็อบบี้ยิสต์เกี่ยวข้องกับกระบวนการคอร์รัปชันทุกรูปแบบ ในอดีตไทยเราก็มีการว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์เป็นครั้งคราว เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ การท่องเที่ยว การค้าและการสร้างเครือข่าย
แต่ด้วยเหตุผลด้านระเบียบการใช้เงินงบประมาณ หน้าที่ที่มอบหมายให้ล็อบบี้ยิสต์ทำอาจดูเหมือนเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยราชการไทยในต่างประเทศอยู่แล้ว จึงอาจถูกตีความว่าเป็นงานซ้ำซ้อน
@บทวิเคราะห์บทบาทล็อบบี้ยิสต์กับปัญหาไทย-เขมร
อย่างไรก็ตาม การเหมารวมว่าล็อบบี้ยิสต์เขมรสามารถโน้มน้าวให้ประธานาธิบดีทรัมป์มีความคิดเข้าข้างฝ่ายเขมรเต็มตัวน่าจะเกินเลยความจริงไป เพราะเมื่อเราดูมูลค่าการว่าจ้างเดือนละประมาณ 1.2 ล้านบาท ถือเป็นการจ้างงานที่ไม่มีความซับซ้อนมากนัก แต่โดยนิสัยส่วนตัวของนาย ทรัมป์ ที่ขึ้นชื่อว่าไม่ค่อยชอบศึกษารายละเอียด
ดังนั้น การสรุปสาระของเรื่องด้วยความคิดง่ายๆ ของตัวเองจะน่าจะเป็นเหตุผลของการระบุว่า การใช้ระเบิดสังหารบุคคลของเขมรเป็นแค่อุบัติเหตุ คล้ายกับการพูดว่า เขาสามารถแก้ปัญหายูเครนได้ในเวลา 24 ชม. หรือในคำกล่าวในพิธีลงนามแถลงการณ์ร่วมที่มาเลเซีย เขาพูดว่าการแทรกแซงเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งครั้งนี้ช่วยรักษาชีวิตประชาชนได้เป็นล้านคน
โดยสรุปแล้วการว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์จะเป็นประโยชน์ในฐานะเครื่องมือเสริมการทำงานของสถานเอกอัครราชทูตในจุดที่ยังเข้าไม่ถึง คล้ายกับการดำเนินงานกึ่งทางการที่เรียกกันว่า Track 2 ซึ่งกรณีนี้อาจรวมไปถึงการสืบหาข้อมูลการทำงานของล็อบบี้ยิสต์เขมรด้วย (อยู่วงการเดียวกันและตามกฎหมายต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส) ก็น่าจะช่วยให้การเตรียมท่าทีของไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ต้องคอยเป็นผู้วิ่งตามอย่างเดียว
นอกเหนือจากการว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ชั้นนำมาช่วยแล้ว สถานเอกอัครราชทูตยังมีเครื่องมือพิเศษที่เป็นอาวุธลับของเราคือ กลุ่มคนไทยที่มีเครือข่ายในรัฐสภาและฝ่ายบริหาร และกลุ่มคนอเมริกันที่มีทัศนะคติที่ดีและรักประเทศไทยที่รวมเรียกกันว่ากลุ่ม Friends of Thailand ซึ่งคนเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญในการนำบทอธิบายความ (narrative) ของฝ่ายไทยไปให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบเพื่อความเข้าใจตรงกันได้ในวงกว้างยิ่งขึ้น
บทความ โดย
เจษฎา กตเวทิน
20.12.68
ภาพประกอบปกข่าว : efile.fara.gov

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา