
"...คือ เราก็ทำข่าวถูกไหม เราก็ต้องรู้ว่า การทำงานบางเรื่อง มันเป็นเรื่องเซนซิทีฟ (Sensitive/อ่อนไหว) ใช่ไหม เออถ้ามันชัดเจนว่า เอารถของออฟฟิศไปอยู่ที่บ้านเลย จอดไว้เช้าก็ไปส่งลูก อะไรแบบนี้ แต่มันไม่มีไง เขาก็ขับรถมาทำงานทุกวันนะ แต่บางวันอาจจะต้องขอใช้รถส่วนกลางไปทำงานขององค์กร ก็เท่านั้น..."
เป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อน! ที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชน
กรณีปรากฏข่าวพนักงานองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือ Thai Public Broadcasting Service (ไทยพีบีเอส) องค์กรสื่อสาธารณะได้ทําหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย(กนย.) โดยกล่าวอ้างว่า ผู้บริหารระดับสูง ได้แก่ นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ตําแหน่ง ผู้อํานวยการสํานักข่าว นายเทพชัย หย่อง ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ และ นางสาวจิตติมา บ้านสร้าง รองผู้อํานวยการสํานักข่าว ด้านบริหาร เบิกรถยานพาหนะขององค์กร หรือรถหลวง ไปใช้ภารกิจส่วนตัวตลอดระยะเวลาหลายปีที่ดํารงตําแหน่ง
เนื้อหาร้องเรียนที่ปรากฏต่อสาธารณชน ระบุข้อกล่าวหารุนแรงว่า เป็นการกระทำทุจริตของผู้บริหารระดับสูงในองค์กรสื่อสาธารณะของประเทศไทย ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐปีละไม่เกิน 2,000 ล้านบาท
ขณะที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ที่ติดตามการทำข่าวคดีรถหลวงของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ มาโดยตลอด เห็นว่าเรื่องนี้มีความสำคัญ จึงได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงข่าวเรื่องนี้
เบื้องต้น จากการติดต่อสอบสวนไปยังแหล่งข่าวใกล้ชิดนายก่อเขต ได้รับการยืนยันว่า การเบิกรถยานพาหนะ (หรือรถหลวง) ขององค์กร ว่า เป็นการใช้งานตามภารกิจ ในการไปพบแหล่งข่าว ไม่ได้มีการเบิกไปใช้งานส่วนตัว หรือการทุจริตตามที่มีเรื่องร้องเรียนกล่าวหา
ส่วนข้อกล่าวอ้างที่ระบุว่า การเบิกใช้รถส่วนกลาง ระบุว่าไปพบแหล่งข่าว แต่กลับไม่มีผลการปฏิบัติงานหรือรายงานกลับมาเป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด
แหล่งข่าวใกล้ชิดนายก่อเขต ยืนยันว่า "การเบิกใช้รถส่วนกลาง มีการลงบันทึกเป็นหลักฐานอยู่แล้วว่า ใช้ไปในเรื่องอะไรบ้าง ส่วนที่ไปพบกับแหล่งข่าว คนที่ทำข่าวมาก็รู้กันอยู่แล้วว่าบางที่มันก็อาจจะไม่เป็นข่าว และที่สำคัญเบิกใช้ไม่กี่ครั้งเอง"
แหล่งข่าวใกล้ชิดนายก่อเขต ยังยืนยันด้วยว่า "หลังจากทราบเรื่องนายก่อเขต มีความประหลาดใจมากว่าทำไมมาเกิดข่าวเรื่องนี้ขึ้นในช่วงนี้ และมีการพาดพิงบุคคลหลายคน ขณะที่ ไทยพีบีเอส ก็มีการตรวจสอบภายในกันอยู่ และผู้เกี่ยวข้องได้มีการชี้แจงข้อเท็จจริงไปหมดแล้ว และนายก่อเขต อยู่ระหว่างการหารือกับนายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ผอ.ไทยพีบีเอส ว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรต่อไป"

ทั้งนี้ ภายหลังจากข่าวคำชี้แจงข้อเท็จจริงจากแหล่งข่าวใกล้ชิดนายก่อเขตดังกล่าว ของสำนักข่าวอิศรา ถูกนำเสนอต่อสาธารณะไป
ในช่วงบ่ายวันที่ 22 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้รับการติดต่อจากคนในไทยพีบีเอส ว่า นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ผอ.ไทยพีบีเอส ต้องการให้สัมภาษณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นทางการ และพร้อมที่จะตอบคำถามทุกประเด็น
นับจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป เป็นคำชี้แจงของนายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ผอ.ไทยพีบีเอส ที่ให้กับสำนักข่าวอิศราถึงกรณีนี้ แยกออกเป็น 3 ประเด็นหลัก คือ 1. ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้รถส่วนกลางของนายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผู้อํานวยการสํานักข่าว , นางสาวจิตติมา บ้านสร้าง รองผู้อํานวยการสํานักข่าว ด้านบริหาร 2. ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้รถส่วนกลางของนายเทพชัย หย่อง ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ และ 3. ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการนำเสนอผลสอบเรื่องนี้ ต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย(กนย.) และได้มีการทักท้วงว่าควรมีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาอย่างเป็นทางการ แต่นายวันชัยกลับตอบ กนย.ท่านหนึ่งว่า “พี่ ต้องการอะไร” จนทำให้นายวันชัย ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงท่าทีต่อเรื่องนี้
โดยในตอนแรกนี้ สำนักข่าวอิศรา จะขอนำเสนอข้อมูลในส่วนคำชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้รถส่วนกลางของ นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผู้อํานวยการสํานักข่าว นางสาวจิตติมา บ้านสร้าง รองผู้อํานวยการสํานักข่าว ด้านบริหาร ก่อน
มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผู้อํานวยการสํานักข่าว/ ภาพจาก https://tijrold.org/person/62/

นางสาวจิตติมา บ้านสร้าง รองผู้อํานวยการสํานักข่าว ด้านบริหาร / ภาพจากมูลนิธิสืบนาคะเสถียร
อิศรา : เห็นข่าวนี้แล้วใช่หรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นไปตามข่าวหรือไม่
ผอ.ไทยพีบีเอส : "เห็นแล้ว ..แต่มันไม่ถูกทั้งหมด"
อิศรา : ช่วยชี้แจงหน่อยว่า อะไรที่ถูก และอะไรที่ไม่ถูก
ผอ.ไทยพีบีเอส : "เรื่องที่ร้องเรียนมา คือ การใช้รถส่วนกลาง มีการร้องเรียนโดยพนักงานไม่เปิดเผยชื่อ ร้องเรียนมาที่คณะกรรมการ กนย. บอกว่าคุณก่อเขต และคุณจิตติมา ใช้รถโดยที่มีค่าตอบแทนเรื่องรถแล้ว ยังมาใช้รถส่วนกลางอีก ถือว่าทำผิด และก็มีหนังสือร้องเรียนไปที่ กนย. กนย.ก็ให้ทางฝ่ายบริหาร ก็คือผม ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง"
"ผมก็เรียกทั้งสองท่านมาสอบถามรายละเอียดว่าที่เขาร้องเรียนมาจริงหรือไม่ ทั้งสองท่านก็บอกว่ามีการใช้รถส่วนกลางจริง แต่ประการแรก คือการใช้รถทั้งหมดไปในงานของสำนักงาน ไปงานข่าว ไปงานศพ งานศพ ก็เป็นบิดามารดา ของคนในสำนักข่าว"
"ส่วนของคุณจิตติมา ก็บอกว่า ใช้รถไปส่งที่ดอนเมือง ก็ไปปฏิบัติหน้าที่ ไปประชุมร่วมกับศูนย์ภูมิภาค 3 ศูนย์ หาดใหญ่ ขอนแก่น เชียงใหม่ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ไทยพีบีเอส มีภารกิจในการสร้างแบรนด์ดิ้ง (Branding -ภาพลักษณ์) ขององค์กรใหม่ ก็เลยต้องไปประชุม ได้รับมอบหมายจากทางส่วนกลางไปคุยกับทางภูมิภาค ก็เลยให้รถส่วนกลางไปส่งที่สนามบินดอนเมือง ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ไปเรื่องงาน"
"ประเด็นที่สอง ถามว่าผิดไหม ที่ผ่านมาเนี่ย ตั้งแต่มีไทยพีบีเอส คือ ก็รู้ว่าพนักงานระดับสูงมีค่าตอบแทนเรื่องรถ แต่ไม่เคยมีแนวปฏิบัติให้ชัดเจนว่า คุณมีค่ารถแล้วนะ ห้ามใช้รถส่วนกลางเด็ดขาด เขาก็นึกว่าก็ไปงานนะเขาก็ไป แล้ว ก็ไม่ได้ใช้แบบพร่ำเพรื่อ ใช้เท่าที่จำเป็น"

นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ /ภาพจาก https://www.thaipost.net/
อิศรา : จุดสำคัญของเรื่องนี้ อยู่ระหว่างการใช้เพื่อปฏิบัติหน้าที่หรือใช้ส่วนตัว
ผอ.ไทยพีบีเอส : "ใช่.. ถ้าส่วนตัวเนี่ยมันไม่ดีแน่นอน แต่นี่ คือ ไปงานไง ...ใช่มะ"
อิศรา : ระเบียบการใช้รถส่วนกลางของไทยพีบีเอส ล้อกับระเบียบของหน่วยงานราชการทั่วไปหรือไม่ ที่จะให้เลือกระหว่างใช้รถประจำตำแหน่ง กับเลือกรับค่าตอบแทน ถ้าเลือกค่าตอบแทนแล้วจะไม่สามารถใช้รถส่วนกลางได้ ขณะผอ.ระบุว่า ไทยพีบีเอส ไม่ได้มีการระบุชัดเจนว่า ห้ามใช้เด็ดขาด
ผอ.ไทยพีบีเอส : "ใช่ แล้วผมก็เชื่อว่าที่ผ่านมา ก็คงมีการทำแบบนี้อยู่บ้าง ซึ่งคิดว่าเขาคงไม่รู้ เพราะถ้ารู้ก็คงไม่มีใครทำหรอก"
อิศรา : อันนี้เป็นที่มาของคำพูดที่ว่า "ใคร ๆ เขาก็ทำกัน" ตามที่ปรากฏเป็นข่าวใช่หรือไม่
ผอ.ไทยพีบีเอส : "อันนี้ต้อง "ทูบีแฟร์นะ" (To be fair / ถ้าจะให้ยุติธรรม) คือ ที่บอกว่า คุณจิตติมา เป็นคนพูด เขาไม่ได้พูดนะ เพราะเขาไม่ได้อยู่ในที่ประชุม"
อิศรา : แต่ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนตอนนี้ คือ ทั้งสองท่านยอมรับว่ามีการใช้รถส่วนกลางจริง
ผอ.ไทยพีบีเอส : "ก็เรียกมาคุยแล้ว และเขาก็ยืนยันว่าใช้ในหน้าที่ ไม่ได้ใช้เรื่องส่วนตัว"
อิศรา : ข้อเท็จจริงที่ว่า เมื่อมีการรับค่าตอบแทนเรื่องรถไปแล้ว ห้ามมาขอใช้รถส่วนกลางอีก ไทยพีบีเอสยังไม่มีระเบียบกำหนดชัดเจนขนาดนั้น
ผอ.ไทยพีบีเอส : เนี่ย..กำลังจะออกแนวปฏิบัติอยู่เนี่ย ได้ให้ฝ่ายกฎหมายไปร่างระเบียบมาให้ดูแล้ว
อิศรา : คดีการใช้รถส่วนกลาง หรือรถหลวง หลายกรณีที่ป.ป.ช.สอบ เมื่อมีการรับค่าตอบแทนมาแล้ว ไม่สามารถใช้รถส่วนกลางได้เลย ไม่ว่าจะเป็นกรณีอะไร
ผอ.ไทยพีบีเอส : อันนี้ขอยกตัวอย่าง สมมุติเป็นผู้บริหารระดับสูง มีค่าโทรศัพท์ แล้วบังเอิญใช้โทรศัพท์สำนักงาน แบบนี้ไม่ได้เลยนะ ถ้าจะตีเคร่งครัดกันขาดนั้น เพราะคือว่ามีค่าตอบแทนโทรศัพท์แล้วนิ คุณจะมาใช้โทรศัพท์สำนักงานทำไม ถ้าจะตีเคร่งครัดแบบนั้น ก็อยู่ที่ว่าจะตีแบบไหม
อิศรา : แล้วในมุมมองของผอ.ไทยพีบีเอส ควรจะตีให้ชัดเจนแบบไหน
ผอ.ไทยพีบีเอส : "ถ้ามันมีความจำเป็นที่ต้องใช้รถ คุณต้องไปบางสถานที่ต้องไปพบแหล่งข่าว มันจำเป็นที่จะต้องมีโลโก้ไทยพีบีเอส เพราะถ้าขับรถธรรมดาไปอาจจะเข้าไม่ได้ อันนี้สมมุตินะ"
"ผมว่ามันไม่ได้สีขาวกับสีดำขนาดนั้นนะ คุณก็น่าจะรู้นะการปฏิบัติงานข่าว มันก็ต้องมีอะไรประมาณนี้ด้วย.. ใช่หรือเปล่า.. ใช่ไหม..."
"หรืออย่างสมมุติว่า ผมไปรัฐสภา ถ้าขับรถไปเองมันจะจอดอย่างไง หาที่ยาก หรือจะให้นั่งแท็กซี่ไป เป็น ผอ.มันจะสมฐานะไหม อันนี้สมมุตินะ เอารถไปส่งหน่อย เพื่อความสะดวก"
อิศรา : ในเนื้อข่าว มีการอ้างว่าไปคุยกับแหล่งข่าวแต่กลับไม่มีผลการปฏิบัติงานหรือรายงานกลับมาเป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด
ผอ.ไทยพีบีเอส : "อันนี้ เราอาชีพทำข่าว คุณไปคุยกับหน่วยงานความมั่นคงของประเทศ เขาจะบอกกันไหมว่าไปคุยกับคนนี้คนโน้นมา ไปคุยกับพลเอกคนนั้นคนนี้มา แล้วจำเป็นไหมจะต้องมาบอกใคร"
อิศรา : ใบขอรถมีการระบุสถานที่ไปชัดเจน
ผอ.ไทยพีบีเอส : "ระบุไปใช้งานแน่นอน ไปพบแหล่งข่าว แต่คงไม่สามารถไปบอกได้ว่าไปคุยกับใคร อย่าง คุณก่อเขต เขาอยู่สายความมั่นคง สายทหาร ไม่ได้เป็นสายนักธุรกิจ สายเศรษฐกิจ และยิ่งช่วงนี้ ยิ่งมีสงคราม มันก็ต้องหาข่าวที่ลึกไปเรื่อย ๆ จะมาบอกใครว่าที่ผมไปพบคนนั้นคนนี้ มันตลกอ่ะ แล้วจะไปรายงานใคร"
อิศรา : ทุกครั้ง คุณก่อเขต คุณจิตติมา จะเซ็นชื่อขอใช้รถเองถูกต้องไหม
ผอ.ไทยพีบีเอส : "ถ้าดูจากอันนั้นนะ เขาก็ขอเอง"

@ ตัวอย่างใบขอใช้รถส่วนกลางของ นายก่อเขต ที่ถูกนำมาใช้กล่าวอ้างประกอบการร้องเรียนเรื่องนี้
อิศรา : ย้อนกลับมาที่บอกว่ากำลังร่างระเบียบอยู่ ข้อปฏิบัติจะชัดเจนอย่างไร หลักการเป็นอย่างไร
ผอ.ไทยพีบีเอส : "เพิ่งให้ฝ่ายกฎหมายเข้าร่างมายังไม่ได้ดูรายละเอียด แต่มันต้องชัดแล้วมีเหตุขนาดนี้ มันต้องชัดแล้ว
อิศรา : ที่บอกว่าจะชัดอาจหมายถึงต่อไปนี้ ถ้าคุณได่รับเงินค่าตอบแทนไม่แล้ว จะไม่สามารถมมาใช้รถออฟฟิศได้
ผอ.ไทยพีบีเอส : อืม
อิศรา : ที่บอกว่า รถใช้ไปในงานหน้าที่ ไปหาแหล่งข่าวอะไรแบบนี้ ยังใช้ได้อยู่ไหม
ผอ.ไทยพีบีเอส : "ผมยังไม่ได้อ่านนะ คือ ผมคิดว่า ถ้าจำเป็นจริงๆ อาจจะต้องมาขออนุมัติต่อผู้บังคับบัญชา ก็คือผม เป็นกรณีๆ ไป ผมคิดแบบนั้นนะ แต่ยังไม่ได้ดูชัดเจนนะ"
"คือ เราก็ทำข่าวถูกไหม เราก็ต้องรู้ว่า การทำงานบางเรื่อง มันเป็นเรื่องเซนซิทีฟ (Sensitive/อ่อนไหว) ใช่ไหม เออถ้ามันชัดเจนว่า เอารถของออฟฟิศไปอยู่ที่บ้านเลย จอดไว้เช้าก็ไปส่งลูก อะไรแบบนี้ แต่มันไม่มีไง เขาก็ขับรถมาทำงานทุกวันนะ แต่บางวันอาจจะต้องขอใช้รถส่วนกลางไปทำงานขององค์กร ก็เท่านั้น"
******************
ทั้งหมดนี้ คือ คำชี้แจงของ นายวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ผอ.ไทยพีบีเอส ที่ให้กับสำนักข่าวอิศรา ถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้รถส่วนกลางของ นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ผู้อํานวยการสํานักข่าว นางสาวจิตติมา บ้านสร้าง รองผู้อํานวยการสํานักข่าว ด้านบริหาร รวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบการใช้รถส่วนกลาง ของไทยพีบีเอส ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มากก่อน
คำให้สัมภาษณ์ของ นายวันชัย ยังไม่จบ ยังมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้รถส่วนกลางของนายเทพชัย หย่อง ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ รวมไปถึงค่าตอนแทนรายเดือนที่สูงถึง 270,000 บาท ด้วย ว่า เหมาะสมคุ้มค่าหรือไม่
รายละเอียดเป็นอย่างไร ติดตามตอนต่อไป
อ่านข่าวหมวดเดียวกัน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา