
ผมขอชี้แจงว่าผมไม่เคยมีสิ่งที่เรียกว่า “รายการของตัวเอง” ตามที่ถูกกล่าวหา ทุกรายการที่ผมเป็นคนสัมภาษณ์หรือดำเนินรายการเป็นรายการขององค์กรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมรายการจึงไม่ใช่ “แขกของคุณเทพชัย” ตามที่กล่าวหาในรายงานข่าว แต่เป็นแขกของรายการขององค์กรทุกคน
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org): สืบเนื่องจากกรณีปรากฏข่าวพนักงานองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือ Thai Public Broadcasting Service (ไทยพีบีเอส) องค์กรสื่อสาธารณะได้ทําหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย(กนย.) โดยกล่าวอ้างว่า ผู้บริหารระดับสูง ได้แก่ นายก่อเขต จันทเลิศลักษณ์ ตําแหน่ง ผู้อํานวยการสํานักข่าว นายเทพชัย หย่อง ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ และ นางสาวจิตติมา บ้านสร้าง รองผู้อํานวยการสํานักข่าว ด้านบริหาร เบิกรถยานพาหนะขององค์กร หรือรถหลวง ไปใช้ภารกิจส่วนตัวตลอดระยะเวลาหลายปีที่ดํารงตําแหน่ง นั้น

- คนใกล้ชิด'ก่อเขต'ผอ.ข่าวไทยพีบีเอส ยันเบิกใช้รถหลวงตามภารกิจงาน-ไม่มีเรื่องส่วนตัว
- 'วันชัย' ผอ.ไทยพีบีเอส ตอบปมร้อน (1) 'ก่อเขต-จิตติมา' เบิกใช้รถหลวงผิดหรือไม่?
- 'วันชัย' ผอ.ไทยพีบีเอสตอบปมร้อน (2) กรณีเทพชัย ขอใช้รถส่งแขก-ค่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ 2.7 แสน
- 'วันชัย' ผอ.ไทยพีบีเอสตอบปมร้อน (จบ) ความขัดแย้งใน กนย. ผลสอบคดีรถหลวง-รับน้องแรง
ทางด้านของนายเทพชัย หย่องได้มีการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเพจ Thepchai Yong ชี้แจงเรื่องนี้ มีรายละเอียดดังนี้
เดิมทีคิดว่าไม่อยากตอบโต้อะไรเพราะข้อกล่าวหาที่มีต่อผมมันไร้สาระโดยสิ้นเชิง แต่เมื่อมาทบทวนดูอีกทีเห็นว่าถ้าไม่ชี้แจงอะไรเลยอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อตัวผมเป็นอย่างมาก เพราะข้อกล่าวหาว่าผมมีการกระทำที่เข้าข่ายเป็นพฤติกรรมทุจริตประพฤติมิชอบเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงมาก ผมจึงมีความจำเป็นต้องให้ข้อเท็จจริงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องถึงแม้คุณวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้อำนวยการไทยพีบีเอส ได้ให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ไประดับหนึ่งแล้วก็ตาม
เนื่องจากเมื่อวันเสารที่ผ่านมา สำนักข่าว “ผู้จัดการออนไลน์” ได้รายงานข่าวโดยอ้างข้อร้องเรียนของพนักงานไทยพีบีเอสต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย กล่าวหาว่าผู้บริหารฝ่ายข่าวบางคนและผมได้กระทำการอันอาจเข้าข่ายทุจริตประพฤติมิชอบด้วยการเบิกยานพาหนะขององค์กรไปใช้ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา รายงานข่าวดังกล่าวอ้างว่าพนักงานไทยพีบีเอสได้กล่าวหาว่าผมมีส่วนในการทุจริตใช้รถขององค์กร “โดยไม่มีผลการปฏิบัติงานหรือรายงานกลับมาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเกิดประโยชน์ใดต่อสาธารณะ”
ผมขอชี้แจงว่าการใช้รถขององค์กรของผมในทุกกรณีก็เพื่อปฏิบัติภารกิจให้กับองค์กรและไม่เคยใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย
และขอยืนยันว่าได้ใช้วิจารณญาณอย่างรอบด้านถึงความจำเป็นในการใช้รถและทรัพยากรขององค์กรทุกครั้ง และแหล่งข่าวทุกท่านที่ผมไปพบหรือสัมภาษณ์โดยใช้รถขององค์กรได้ให้ข้อมูลและการวิเคราะห์ที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่องานด้านข่าวของไทยพีบีเอส และทุกหมายงานก็มีการบันทึกภารกิจอย่างชัดเจน ที่สำคัญคือในช่วงเวลาที่ผ่านมาผมไม่มีค่ารถประจำตำแหน่งแต่อย่างใด แต่การพาดหัวข่าวและวิธีการรายงานข่าวชิ้นนี้อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าผมมีค่ารถประจำตำแหน่งอยู่แล้วยังใช้บริการรถขององค์กรอีก เป็นเรื่องที่ตลกมากถ้าผมใช้รถองค์กรเพื่อปฏิบัติภารกิจให้องค์กรแต่กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นการทุจริต
รายงานข่าวดังกล่าวยังอ้างว่ามีการร้องเรียนว่าผมมีพฤติกรรมนำรถขององค์กรไปรับส่งแขกในรายการของตัวเองทั้งๆ ที่มีค่าตอบแทนให้กับแขกของรายการอยู่แล้ว
ผมขอชี้แจงว่าผมไม่เคยมีสิ่งที่เรียกว่า “รายการของตัวเอง” ตามที่ถูกกล่าวหา ทุกรายการที่ผมเป็นคนสัมภาษณ์หรือดำเนินรายการเป็นรายการขององค์กรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมรายการจึงไม่ใช่ “แขกของคุณเทพชัย” ตามที่กล่าวหาในรายงานข่าว แต่เป็นแขกของรายการขององค์กรทุกคน
ส่วนการที่ได้มีการนำรถขององค์กรไปส่งแขกที่มาออกรายการนั้น เกิดขึ้นในกรณีที่มีความจำเป็นเฉพาะรายและเป็นการใช้วิจารณญาณในการบริหารจัดการของฝ่ายประสานงานในแต่ละครั้ง
ผู้ร่วมรายการบางท่านอาจมีข้อจำกัดทางด้านสุขภาพและไม่สะดวกในการเดินทางด้วยตัวเองและบางท่านมีภารกิจเร่งด่วนที่ต้องการรถรับ-ส่ง ซึ่งก็เป็นแนวปฏิบัติปกติสำหรับรายการอื่นขององค์กรและในวงการสื่อทั่วไป เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับแขกของรายการสัมภาษณ์ที่คิดว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้นๆ
อีกข้อกล่าวหาหนึ่งเกี่ยวกับการต่อสัญญาของผมในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ซึ่งมีข้อสังเกตว่าได้รับเงินเดือนสูงแต่ได้รับมอบหมายให้บริหารหน่วยงานเพียงสำนักเดียว ผมขอชี้แจงว่าเป็นการว่าจ้างที่เกิดจากการพิจารณาของฝ่ายบริหารที่เห็นความเหมาะสมเมื่อเทียบกับหน้าที่และความรับผิดชอบ ตลอดจนผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารสำนักที่กล่าวถึง ซึ่งก็คือสำนัก Thai PBS World ซึ่งเป็นบริการข่าวภาคภาษาอังกฤษของไทยพีบีเอส อีกทั้งยังต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติและประสบการณ์ของผู้บริหารที่ว่าจ้างประกอบด้วย
เป็นที่น่าสังเกตว่าหลังจากปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของ “ผู้จัดการออนไลน์” ได้ไม่นาน ข่าวชิ้นนี้ก็ถูกถอดออกไปและไม่สามารถเข้าถึงได้อีกโดยไม่มีคำอธิบายแต่อย่างใด เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่งที่ “ผู้จัดการออนไลน์” รายงานข่าวเรื่องนี้โดยไม่ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านเสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้โอกาสผู้ที่ถูกพาดพิงชี้แจง
ผมขอยืนยันอีกครั้งว่าผมไม่เคยมีพฤติกรรมเข้าข่ายการทุจริตหรือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวตามข้อกล่าวหาแม้แต่น้อย และได้พยายามทำหน้าหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตบนหลักความเป็นวิชาชีพมาตลอด เพราะฉะนั้นผมจึงขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาตามที่เป็นข่าว และพร้อมที่จะชี้แจงกับหน่วยงานและทุกองค์กรที่ต้องการข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และพร้อมจะดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ที่มีเจตนาสร้างความเสียหายให้กับผมด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา