
“...การ Transform AOT ในครั้งนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ต้องเปลี่ยนแปลงทั้งหลักความคิดที่เคยชินกันมาก ว่า 30 ปี และยังต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างและการบริการงานองค์กรให้กระชับ คล่องตัว และโปร่งใส เพื่อให้ AOT สามารถบริหารสนามบินหลักของประเทศต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน…”
หลังจากที่ ‘กีรติ กิจมานะวัฒน์’ ลาออกจากกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ (เอ็มดี) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. เมื่อเดือน เม.ย. 2568 และมีการแต่งตั้งรักษาการคือ นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง
ต่อมา คณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.มีมติสรรหา ผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.คนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 4 - 26 ส.ค. 2568
และในที่สุดคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.มีมติเห็นชอบให้ นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ นั่งผู้อำนวยการใหญ่ทอท.คนใหม่ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2568 ซึ่งที่ผ่านมาอยู่ระหว่างดำเนินการกระบวนการตามกฎหมายในการเจรจาค่าจ้างนั้น
ล่าสุด มีรายงานว่า บอร์ดทอท.ได้มีมติให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้ง นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.อย่างเป็นทางการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. 2569
สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้หญิงคนแรกที่ก้าวขึ้นมาเป็น 'ผู้อำนวยการใหญ่' คนแรกขององค์กรระดับแสนล้านแห่งนี้

@รู้จักว่าที่ ผอ.ใหญ่ ทอท.คนใหม่
สำหรับประวัติส่วนตัวของสาวแกร่งคนนี้ ด้านการศึกษา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมโยธา สาขาโครงสร้าง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ระดับปริญญาโท สาขาวิศวกรรมโยธาและบริหารระบบ Social System Management มหาวิทยาลัยฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น และระดับปริญญาเอก สาขาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม Civil Engineering and Modern Science มหาวิทยาลัยโอคายามา ประเทศญี่ปุ่น
ด้านประสบการณ์การทำงาน ร่วมงานกับทอท.มาตั้งแต่ปี 2560 โดยผ่านการเป็นกรรมการชุดเร่งรัดการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 (2560-2562), ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา (2562-2563), ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์เทคโนโลยีและสารสนเทศ (2563), ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด (2563-2564), ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด (2564-2566), รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง (2566-2568) และตำแหน่งสุดท้ายก่อนขึ้นเป็นผู้อำนวยการใหญ่คือ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ (2568)

@ส่องวิสัยทัศน์หญิงแกร่ง
ทั้งนี้ นางสาวปวีณาเคยแสดงวิสัยทัศน์ในการเข้ารับสมัครในตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ของทอท.ไว้ดังนี้
เป้าหมายในการพัฒนาองค์กร
1.สนามบินของทอท.ต้องเป็นสนามบินชั้นนำระดับโลก มีการให้บริการที่ดีเยี่ยม
2.เป็นสนามบินอัจฉริยะ (Smart Airport) เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
3.เป็นบริษัทที่มีความยั่งยืนด้านรายได้ มีความน่าเชื่อถือในตลาดทุน
4.เป็นบริษัทที่มีการบริหารจัดการที่ดีด้านการดำเนินงานภายในธนนมาภิบาล และด้านคุณธรรม
ขณะที่วิสัยทัศน์ในการบริหารงาน นางสาวปวีณาระบุว่า มี 6 ด้านคือ
1.พัฒนาด้านความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นต่อสายการบินและผู้มาใช้บริการ
2.ยกระดับการคุณภาพให้บริการ ให้ได้มาตรฐานทั้งการประเมินคุณภาพบริการสนามบินให้ได้มาตรฐาน ASQ (Airport Service Quality), มาตรฐานของสนามบินให้ติดอันดับสนามบินที่ดีที่สุดในด้านบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของ Skytrax World Airport Award และการจัดการและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับผู้โดยสารอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานสากลของ ACI (Airport Customer Experience Accreditation)
3.บริหารธุรกิจและรายได้ของทอท.ให้สมดุลและยั่งยืน โดยจะต้องทำให้รายได้ทั้งสองส่วนคือ รายได้ที่เกี่ยวกับการบินและรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบิน ซึ่งการปรับเพิ่มค่าบริการผู้โดยสารขาออก (PSC: Passenger Service Charge) ให้ถูกต้องมีส่วนสำคัญที่ทำให้ทอท.ดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังต้องจัดรายได้ที่เกี่ยวเนื่องและจำเป็นกับธุรกิจหลัก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน 2562 (พ.ร.บ.ร่วมทุน 2562) ควรต้องให้ความสำคัญ
ขณะเดียวกัน การจัดการผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ต้องจัดการให้ได้ทุกมิติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน ได้แก่ ลูกค้า พันธมิตร หน่วยงานกำกับดูแล บุคลากร นักลงทุน ชุมชนและสังคม
4. มีแผนลงทุนด้านเทคโนโลยี เพื่อการบริหารสนามบินและอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร รวมถึงสร้างความปลอดภัยให้กับฐานข้อมูล ซึ่งจะต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ เพื่อความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร
5.จัดการความเสี่ยงด้านรายได้ การเติบโตของรายได้ การให้บริการที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และความเสี่ยงด้านการจัดการภัยคุกคามต่างๆ
6.การจัดการด้านสินทรัพย์และตลาดทุน อาจแยกประเภทสินทรัพย์ที่สร้างรายได้กับเป็นภาระออกจากกัน โดยสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ต้องมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ส่วนสินทรัพย์ที่ยังไม่สร้างรายได้ เช่น ที่ดินว่างเปล่า ก็ให้หาผู้ประกอบการมาเช่าหรือขายออกเสีย รวมถึงการบริหารจัดการมูลค่าหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริหารความเสี่ยงของผู้ถือหุ้น
“AOT เป็นบริษัทที่กำลังเข้าสู่ Classical Model ทางธุรกิจ กล่าวคือ องค์กรขยายใหญ่ที่ล่าช้ามีต้นทุนสูง จำเป็นต้อง Transform องค์กรทั้งองค์กรเพื่อให้ AOT สามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มประสิทธิภาพ และคุณภาพการให้บริการ ในขณะที่ต้องลงทุนเพื่อเตรียมการรองรับ demand ของผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการได้ ในอนาคตต้องเป็นการลงทุนที่ฉลาด (Smart Investment) กล่าวคือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
การก้าวสู่การเป็น Aviation Hub ของภูมิภาค เป็นสิ่งจำเป็นในการนำสนามบินให้เป็น Aviation hub นั้น เป็นสิ่งสำคัญ ได้แก่ Infrastructure, ส่วนควบระบบ, Business partner และการจัดการตนเอง AOT ต้อง ดำเนินการให้รองรับได้ทั้งองคาพยพของการบิน อันได้แก่ Passenger-Aircraft Cargo เพื่อให้สามารถเป็นที่ดึงดูด และรองรับการดำเนินงานของสายการบินได้
“การ Transform AOT ในครั้งนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ต้องเปลี่ยนแปลงทั้งหลักความคิดที่เคยชินกันมาก ว่า 30 ปี และยังต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างและการบริการงานองค์กรให้กระชับ คล่องตัว และโปร่งใส เพื่อให้ AOT สามารถบริหารสนามบินหลักของประเทศต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน”
ช่วงท้ายของการนำเสนอวิสัยทัศน์ของนางสาวปวีณาว่าไว้อย่างนั้น
ต้องจับตาดูว่าในวาระของผู้อำนวยการใหญ่ที่เป็นผู้หญิงคนนี้จะสามารถ ‘Transform’ ทอท.ไปสู่ความเปลี่ยนแปลงตามที่หวังใจไว้ได้หรือไม่
และที่ต้องไม่ลืมคือ การจัดการภาวะแดนสนธยาของ ทอท. ที่มีแต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างด้านการบริหารงานในงานต่างๆที่ไม่ชอบพามากล เธอจะล้างภาพนี้ได้หรือไม่
ความหวังอยู่ในมือเธอแล้ว!


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา