"...เหตุผลหลักคือ ณ ตอนนั้น เราน่าจะสามารถตั้งตัวเรื่องอุปกรณ์ป้องกันทั้งสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน สถานการณ์เคสติดเชื้อที่สะสมและที่ติดเชื้อรายวันน่าจะคงที่ระดับหนึ่งโดยจะแตะที่เส้น 5% มีเคสติดเชื้อสะสมอยู่ราว 3,500-3,600 คน..."
เช้านี้ตื่นมาแล้วได้ข่าวเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการของรัฐ จะปลายเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้าก็แล้วแต่ รับทราบด้วยความกังวลยิ่ง
บอกตรงๆ ว่า ส่วนตัวแล้ว ผมยังคิดว่าเวลาที่เหมาะสมที่จะผ่อนมาตรการควรจะเป็นกลางเดือนพฤษภาคม ไม่ควรเร็วกว่านั้น
เหตุผลหลักคือ ณ ตอนนั้น เราน่าจะสามารถตั้งตัวเรื่องอุปกรณ์ป้องกันทั้งสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน สถานการณ์เคสติดเชื้อที่สะสมและที่ติดเชื้อรายวันน่าจะคงที่ระดับหนึ่งโดยจะแตะที่เส้น 5% มีเคสติดเชื้อสะสมอยู่ราว 3,500-3,600 คน
เราพยายามกันอย่างยิ่ง ที่จะกดการระบาดจาก 33% มาใกล้ 5% ได้
แต่เรากำลังจะรับความเสี่ยงที่จะรีบผ่อนมาตรการ แล้วอาจเดินตามสิงคโปร์และญี่ปุ่น ที่ตอนนี้กลับมาระบาดหนัก และยังยั้งไม่อยู่ในลักษณะเดียวกัน
การตีข่าวปาวๆ ว่า การ์ดอย่าตก แต่ตอนนี้รัฐกลับตัดสินใจที่จะส่งไม้ต่อให้แก่ประชาชนในการดูแลป้องกันตัวเอง ด้วยการเปิดให้เกิดวิถีชีวิตที่เคลื่อนไหวอิสระเพิ่มขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังไม่พร้อมหลายด้าน
ดูจะย้อนแย้งในที
จะให้คนในสังคมการ์ดไม่ตกได้ รัฐต้องแน่ใจในสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. แน่ใจว่าเค้า"รู้"ว่า ถ้าปลดล็อคไปแล้ว ต้องดำรงชีวิตอย่างไรในสถานการณ์ระบาด ที่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ไม่ใช่วิถีชีวิตแบบเดิม แต่ต้องเปลี่ยน
เปลี่ยนทั้งวิธีคิด วิธีทำ วิธีประเมินตนเองและคนใกล้ชิด และวิธีจัดการเวลาเกิดปัญหา
2. แน่ใจว่าเค้าเหล่านั้น ทั้งประชาชน และบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นทหารด่านหน้าสู้โรคระบาด "มี"อุปกรณ์ป้องกันที่ได้มาตรฐาน อย่างมากเพียงพอ ทั่วถึง
ทั้งหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เจลแอลกอฮอล์ สำหรับทุกคน
และหน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย และ PPE ชนิดต่างๆ สำหรับบุคลากรทางการแพทย์
3. แน่ใจว่าเค้า''ปฏิบัติ"สิ่งที่ต้องทำในสถานการณ์สงครามการระบาด อย่างสม่ำเสมอ มีความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคม และมีวิธีที่จะตักเตือน ห้ามปราม หรือลงโทษ หากมีคนที่พยายามตามใจตนเอง แต่เพิ่มความเสี่ยงต่อคนอื่นในสังคม
4. แน่ใจว่า"สภาพแวดล้อมในสังคม" ที่เค้าทุกคนในสังคม เป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตที่ปลอดภัย ลดการแพร่เชื้อ
เจลแอลกอฮอล์ต้องได้รับการจัดการให้มีทั่วถึง เข้าถึงได้ ใช้ได้สะดวก เพียงพอ และมีคุณภาพ
สถานที่บริการ ค้าขายสินค้าอุปโภคบริโภค และอื่นๆ ในชีวิต ควรมีป้าย หรือสัญลักษณ์ที่กำหนดการเว้นระยะ และมีระบบการคัดกรอง บังคับใช้ อย่างมีประสิทธิภาพ
5. แน่ใจว่า"แต่ละแวดวงอาชีพในสังคมสามารถกำหนดแบบแผนการทำงาน"ที่ปลอดภัยต่อบุคคลากร และต่อผู้มาติดต่อใช้หรือรับบริการ ดูเหมือนง่าย แต่ไม่ง่าย และต้องใช้เวลาเตรียม หรือรับคำแนะนำจากผู้รู้
เหล่านี้คือสิ่งที่รัฐต้องแน่ใจว่าพร้อม
ถ้าผ่อนโดยไม่พร้อม...หายนะจะตามมา
ตัวเลข 32 คนที่ติดเชื้อใหม่ในวันนี้ ลักษณะเป็นแบบที่เห็นมาตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดจากการใช้ชีวิตในครอบครัว กับคนใกล้ชิด ตลอดจนตะลอนทำงาน หรือเดินทางไปข้างนอก ไปห้าง ไปตลาด ไปแหล่งท่องเที่ยว
ผ่อนปรน ให้ทำงานหากิน แต่หาก 5 ข้อข้างต้นไม่พร้อม ก็ไม่ต้องมาเรียกร้องปาวๆ ให้คนการ์ดไม่ตก
เพราะสุดท้ายเค้าไม่มีการ์ด จะให้เค้าการ์ดได้อย่างไร
และ"กลุ่มคน"ที่อยู่เบื้องหลังในการผลักดันผ่อนโดยไม่พร้อม ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ หากเกิดปัญหาคุกคามต่อความปลอดภัยและชีวิตของทุกคนในสังคมตามมาก
หวังใจว่า หากผ่อนแล้วไม่เกิดปัญหา คงจะดีที่สุด
คิดดีๆ นะครับท่านนายกฯ และรัฐบาล
...เกมส์เป็น Russian Roulette ไม่ใช่เกมเศรษฐีครับ...
#อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ
#StayHome #อยู่บ้านกันนะครับ
#โรคติดต่อจะไม่ติดต่อถ้าเราไม่ติดต่อกัน
#ควรผ่อนเมื่อพร้อม
#ระหว่างที่เตรียมความพร้อมเราทุกคนต้องช่วยเหลือคนเดือดร้อนให้พอดำรงชีพได้
โดย รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และรศ.ดร.พญ.ภัทรวัณย์ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล