...Ego ของ เอมิลี่ โกลด์ โฮเวิร์ด ฮิวส์ จูเนียร์ และโดฟ ชาร์นีย์ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เรากำลังมีความมุ่งมั่น ช่วงที่กำลังดื่มด่ำกับความสำเร็จ และช่วงที่ผิดหวังในชีวิต แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการจัดการกับ Ego ไรอันได้เขียนขยายความ วิธีการจัดการของผู้ที่สามารถฟันฝ่าศัตรูหมายเลขหนึ่งนี้ไว้ในหนังสือ “Ego Is the Enemy” ว่า “การจัดการกับ Ego เราต้องเรียนรู้ เสนอแนะ และถกเถียงจากทั้งคนที่เก่งกว่า ด้อยกว่า และเสมอกัน”...
สวัสดีครับ...ผมได้ทำแบบทดสอบบุคลิกภาพที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล และพัฒนาองค์กรส่งมา ภายหลังที่ได้เห็นผลการประเมินของน้อง ๆ ที่ผ่านการสัมภาษณ์ขอรับทุนแบงก์ชาติ จึงอยากจะทำบ้าง พร้อมตั้งคำถามกับตัวเองว่า หากได้รับการประเมินว่าเป็นคนมี “อีโก้” (Ego) จะถือว่าดีหรือไม่ เพราะตามพจนานุกรม Ego หมายถึง “อัตตา” หรือ “การถือตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ” ทำให้ตีความเป็น เชิงลบได้ว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว หรือเย่อหยิ่งทะนงตน อย่างไรก็ดี อีโก้แฝงอยู่ในตัวเราทุกคน การมี Ego ในระดับพอดีจะช่วยให้เรามีเป้าหมายและประสบความสำเร็จในชีวิต ดังนั้น การไม่ให้ Ego ครอบงำตัวเราจนเกินพอดีจึงเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจ /1.
หนังสือ Ego Is the Enemy เขียนโดย ไรอัน ฮอลิเดย์ (Ryan Holiday) ชาวอเมริกัน ผู้ตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยตั้งแต่เรียนอยู่ปีที่สอง เพื่อไปรับงานเป็นเอเจนท์ให้กับศิลปินเพลงร็อค พร้อมกับรับตำแหน่งกรรมการบริหารฝ่ายการตลาดของบริษัท American Apparel บริษัทขายเสื้อผ้ารายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ขณะอายุเพียง 20 ปี หลังจากนั้น จึงเบนเข็มมาเป็นนักเขียนที่นำแนวคิดปรัชญาแบบ Stoicism ที่สอนให้อดทนต่อความยากลําบาก รู้จักควบคุมตัวเองไม่ปล่อยให้อารมณ์แง่ลบมากวนใจ เลือกที่จะมีความสุขหากปลดปล่อยตัวเองออกจากความกลัว
ไรอันเขียนหนังสือแนวนี้ออกมาถึง 3 เล่มคือ The Obstacle Is the Way, Trust Me, I’m Lying และ The Daily Stoic ทุกเล่มเป็นหนังสือ “the best seller” ที่ผู้คนนำไปใช้อ้างอิง แม้กระทั่ง รอรี แม็คอิลรอย(Rory McIlroy) นักกอล์ฟอาชีพชาวสก็อต ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เขาได้อ่านหนังสือทั้ง 3 เล่มของไรอัน ก่อนที่จะ ก้าวขึ้นเป็นนักกอล์ฟหมายเลข 1 ของโลก ไรอันประสบความสำเร็จด้วยวัยเพียง 30 ปี อย่างไรก็ดี เขาตระหนักดีว่า ศัตรูหมายเลขหนึ่งที่ทำให้ ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ Ego ที่อยู่ในตัวเรานี่เอง เพราะ Ego อาจจะแปลงความกังวลเป็น ความหมกมุ่นและแปลงความเชื่อมั่นเป็นความหยิ่งยโส ไรอันจึงตัดสินใจสักคำว่า “Ego Is the Enemy” ไว้ที่ท่อนแขนขวา เพื่อเป็นข้อเตือนใจในการจัดการไม่ให้ Ego เข้ามาครอบงำจิตใจเขามากเกินไป และนี่คือที่มาของการเขียนหนังสือ Ego Is the Enemy ในปี 2016
ไรอันได้ให้ความหมายของ Ego ไว้ว่า “ความเชื่อมั่นถือมั่นในตัวเอง เป็นสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบ” (An unhealthy belief in our own important) พร้อมระบุว่า ในช่วงชีวิตของคนเราจะมี 3 ช่วง ที่เราต้องเผชิญคือ ช่วงที่เรากำลังมีความมุ่งมั่น (aspiration) ช่วงที่เรากำลังดื่มด่ำกับความสำเร็จ (success) และช่วงที่เรากำลังผิดหวังในชีวิต (failure) ซึ่งทั้ง 3 ช่วงนี้ Ego ล้วนเข้ามามีบทบาทและอิทธิพล ซึ่งจะเห็นได้จากเรื่องราวของบุคคลต่อไปนี้
เรื่องแรก เอมิลี่ โกลด์ (Emily Gould)
นักเขียนนักประพันธ์และบล็อกเกอร์ชาวอเมริกันที่ทำงานเป็นบรรณาธิการ Gawker สูญเสียเวลากว่า 1 ปีไปกับการเขียน Twitter แล้วติดตามว่า คนอ่านจะตอบโต้มาอย่างไร เอมีลี่กล่าวว่า “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยตลอดปี 2010 นอกจากใช้เวลาเขียนข้อความลงบน Twitter และเลื่อนจอมือถือไปมาเพื่ออ่านข้อความ โดยที่คิดว่าฉันกำลังทำงานอยู่” (I can’t remember anything else I did in 2010. I tumbled, I tweeted, and I scrolled. This didn’t earn me any money but I felt like work) นับเป็น Ego ที่เกิดกับเอมีลี่อย่างไม่รู้ตัว เพราะกลัวว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรกับเรา ทำให้เอมีลี่มุ่งเน้นที่จะใช้ชีวิตทำนองนั้นมากกว่าการลงมือเขียนหนังสือนวนิยายที่ตนเองกำลังมุ่งมั่น/3.
เรื่องที่สอง โฮเวิร์ด ฮิวส์ (Howard Hughes)
มหาเศรษฐีโลก ชาวอเมริกัน เสียชีวิตอย่างกะทันหัน ทิ้งกิจการขุดเจาะน้ำมันให้กับ ฮิวส์ จูเนียร์ (Hughes, Jr.) ลูกชายวัย 19 ปี ผู้ไม่มีประสบการณ์บริหารแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ฮิวส์ตัดสินใจซื้อหุ้นกิจการของตระกูลทั้งหมดคืนจากเครือญาติ เขาสามารถบริหารกิจการได้ดี จนมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นจากระดับร้อยล้านมาเป็นระดับพันล้านดอลลาร์ สรอ. ภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่แทนที่ฮิวส์จะมุ่งเน้นทำธุรกิจขุดเจาะน้ำมันที่ตัวเองถนัด กลับตัดสินใจหันเหไปลงทุนในธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ การบิน และเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งนำไปสู่จุดจบของอาณาจักรฮิวส์ที่มีอายุมากว่าร้อยปี
ฮิวส์สร้างภาพยนตร์เรื่องแรกชื่อ Hell’s Angels ใช้เวลาถ่ายทำถึง 3 ปี ด้วยงบประมาณ 4.2 ล้านดอลลาร์ แต่กลับทำรายได้เพียง 1.5 ล้านดอลลาร์ มูลค่าหุ้นที่ลงทุนหายไปกว่า 8 ล้านดอลลาร์ในพริบตา ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่การผลิตเครื่องบินรุ่น Hurcules เครื่องบินลำใหญ่ที่สุดในสมัยนั้น ด้วยงบประมาณถึง 20 ล้านดอลลาร์ และใช้เวลาสร้าง 5 ปี แต่ผลปรากฏว่า ทดสอบบินได้เพียง 1 ครั้ง บินขึ้นไปสูงเพียง 70 ฟุตในระยะไม่ถึง 1 ไมล์ ก็ต้องตัดสินใจยุติโครงการ
เรื่องดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นในตนเองจาก Ego ที่คิดว่าสามารถประสบความสำเร็จได้ ในทุก ๆ เรื่อง แทนที่ต่อยอดจากความสำเร็จที่ตนเองทำอยู่เดิม ทำให้ฮิวส์สูญเสียทั้งเวลาและความเก่งกาจของตัวเอง
เรื่องที่สาม บริษัท American Apparel
ประสบผลขาดทุน 300 ล้านดอลลาร์ จากการบริหารงานผิดพลาด ประกอบกับข้อกล่าวหาล่วงละเมิดของ โดฟ ชาร์นีย์ (Dov Charney) ผู้ก่อตั้งบริษัท ทำให้ผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัท มีข้อเสนอ 2 ข้อให้กับโดฟคือ 1. ลาออกจากตำแหน่ง CEO มาเป็นที่ปรึกษา หรือ 2. ถูกไล่ออก โดฟตัดสินใจให้บริษัทไล่ออก พร้อมกับว่าจ้างทนายต่อสู้เรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัท เพราะคิดว่าเขาไม่มีความผิด และนี่คือ Ego ที่เกิดขึ้นกับโดฟเพราะแทนที่เขาจะหาวิธีการช่วยเหลือบริษัท แต่กลับเห็นว่า การรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญกว่า
Ego ของ เอมิลี่ โกลด์ โฮเวิร์ด ฮิวส์ จูเนียร์ และโดฟ ชาร์นีย์ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เรากำลังมีความมุ่งมั่น ช่วงที่กำลังดื่มด่ำกับความสำเร็จ และช่วงที่ผิดหวังในชีวิต แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการจัดการกับ Ego ไรอันได้เขียนขยายความ วิธีการจัดการของผู้ที่สามารถฟันฝ่าศัตรูหมายเลขหนึ่งนี้ไว้ในหนังสือ “Ego Is the Enemy” ว่า “การจัดการกับ Ego เราต้องเรียนรู้ เสนอแนะ และถกเถียงจากทั้งคนที่เก่งกว่า ด้อยกว่า และเสมอกัน” (They need to have someone better. They can learn from, someone lesser they can teach, and someone equal they can challenge themselves against.) ซึ่งผมจะได้นำมาเขียนใน Weekly Mail ฉบับหน้าครับ
รณดล นุ่มนนท์
25 พ.ค. 2563
แหล่งที่มา
1/ เรื่อง “อีโก้” ของผม เผยแพร่: 28 มี.ค. 2561 07:36 โดย: MGR Online 2020. [online]
Available at: <https://mgronline.com/qol/detail/9610000030636> [Accessed 24 May 2020].
2/
3/ Ryan Holiday, Ego is the Enemy, Profile Books Ltd., 2016