"...อีริกเชื่อว่า “ความไม่สมบูรณ์แบบที่คิดว่าเป็นความล้มเหลวคือหนึ่งในหนทางที่นำไปสู่ความสำเร็จ อย่างสร้างสรรค์ที่มั่นคงที่สุด บางทีความผิดพลาดคือการกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่น่าตื่นเต้นกว่า”..."
ชื่อของ อีริก เคสเซลส์ (Erik Kessels) อาจจะไม่คุ้นหูพวกเรา แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในแวดวงสื่อโฆษณาถือได้ว่า ชื่อนี้เป็นครีเอทีฟที่ทรงอิทธิพลที่สุด ได้รับการยอมรับจากการสร้างสรรค์สื่อโฆษณาที่แปลกแหวกแนว มีความคิดโดดเด่น ผ่านตาผู้ชมทั่วโลกจากการทำโฆษณาให้กับสินค้าหลายชนิด เช่น Nike, Heineken, Diesel รวมทั้งองค์กรที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง เช่น Greenpeace
อีริกมีความเป็นตัวตนที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร เป็นทั้งศิลปินช่างภาพ ภัณฑารักษ์ กราฟิกดีไซเนอร์ เป็นผู้ทำให้เกิดแนวคิดนอกกรอบแหวกแนว ให้เรื่อง “ไร้สาระ” กลายเป็นเรื่อง “มีสาระ” รวมทั้ง ทำเรื่องที่ดูเหมือนไม่ถูกต้อง ให้ไปสู่วิธีคิดที่สร้างสรรค์
อีริกเคยทำงานให้กับบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอนช่วงต้นปี 90s บรรยากาศที่ทำงานอึมครึม ขาดชีวิตชีวา เช้าวันหนึ่ง อีริกและโจฮัน เครม์เมอร์ (Johan Kramer) คู่หู ตัดสินใจใส่ชุดไก่ (chicken suit) ไปทำงาน สร้างความฮือฮา ขบขัน สนุกสนานให้กับเพื่อนร่วมงาน แต่ผู้บริหารของบริษัทไม่อินกับการเล่นพิเรนทร์ ๆ ทั้งสองคนถูกไล่ออกในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา จากนั้น ทั้งคู่มาตั้งบริษัทโฆษณาและสื่อสารของตัวเอง ชื่อ KesselsKramer ได้ไปซื้อโบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองอัมสเตอร์ดัม ดัดแปลงเป็นที่ทำงาน เพราะเห็นว่า โบสถ์หลายแห่งในเมืองเริ่มร้างไม่มีคนมาทำกิจกรรมทางศาสนา และเห็นว่าสภาพภายในโบสถ์ที่โล่งโปร่ง เพดานสูง จะสร้างบรรยากาศการทำงานแบบสร้างสรรค์ได้ อีริกพูดติดตลกว่า “ผมจะได้เป็นข้ออ้างบอกแม่ว่า
ไปโบสถ์ทุกวัน” [1]

งานโฆษณาชิ้นแรกที่ได้รับการว่าจ้างคือ งานจากโรงแรม Hans Brinker Hostel โรงแรมราคาประหยัด ทั้งนี้ เพราะเจ้าของโรงแรมได้รับเสียงตำหนิถึงสภาพย่ำแย่และการบริการที่ไม่เอาไหน แทนที่อีริกจะนำเสนอความคิดปรับปรุงภาพลักษณ์ของโรงแรม เขากลับประจานตัวตนที่แท้จริงของโรงแรมในทุกแง่มุม มีการสื่อสารโดยใช้รูปภาพประกอบคำบรรยายออกตีพิมพ์ในสื่อเช่น “ตอนนี้มีขี้หมาก้อนโตอยู่ทางเข้า” (Now Even More Dogshit in the Main Entrance) รวมทั้ง เสนอรูปผู้เข้าพักก่อนและหลังเข้าพักโดยมีหน้าตาทรุดโทรมอย่างน่าอเนจอนาถ หลังการเปิดตัวของโฆษณาปรากฏว่า ได้รับการตอบรับอย่างดี เพราะทำให้ผู้เข้าพักทำใจไว้ก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทำให้จำนวนผู้เข้าพักเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว

อีริกได้นำเสนอความคิดแหวกแนว ผ่านงานศิลปะและภาพถ่ายที่เขาสะสมไว้ ในหนังสือของเขาหลายเล่ม เช่นเรื่อง Missing Links ในปี 1999 เรื่อง The Instant Men ในปี 2000 และก่อตั้งโรงพิมพ์ KesselsKramer Publishing ขึ้นในปี 2003 ก่อนออกหนังสือชื่อ Failed It! ในปี 2016 หนังสือเล่มนี้ถือเป็น “International Best Seller”

หนังสือ Failed It! ได้รวบรวมภาพถ่ายต่าง ๆ ที่ผู้คนอาจมองว่าดูไม่เป็นปกติหรือไม่ถูกต้อง ที่ทำให้เกิด ความล้มเหลวหรือความหายนะ เช่น รูปห้องพักที่มีระเบียงยื่นออกมาแต่ไม่มีประตู ป้ายโฆษณานางแบบที่ติดสลับข้างกัน และรูปถ่ายที่ตากล้องสมัครเล่นทำผิดพลาดเสมอ ๆ เช่น รูปนิ้วของตากล้องที่ถ่ายบังเลนส์กล้องติดเข้ามา จุดโฟกัสเบลอ ไปจนถึงถ่ายรูปหมู่ที่ไม่ครบจำนวนคน

อีริกเชื่อว่า “ความไม่สมบูรณ์แบบที่คิดว่าเป็นความล้มเหลวคือหนึ่งในหนทางที่นำไปสู่ความสำเร็จ อย่างสร้างสรรค์ที่มั่นคงที่สุด บางทีความผิดพลาดคือการกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่น่าตื่นเต้นกว่า” [2]
หนังสือ Failed It! ยังได้หยิบยกรูปจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในเยอรมันของศิลปิน ปีเตอร์ พิลเลอร์ ที่มีแถบสะท้อนแสงอยู่บนเครื่องแบบของนักดับเพลิง ซึ่งเมื่อโดนแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูป แถบพวกนี้ จะฉายแสงออกมา ทำให้เท้านักดับเพลิงกลายเป็นลูกไฟตรงหน้าอกเรืองแสงทำให้เขากลายเป็นมนุษย์ต่างดาว ภาพถ่ายที่ดูไม่ปกตินี้กลายเป็นภาพที่ปีเตอร์นำไปใช้ในฉากภาพยนตร์แนวไซไฟในเวลาต่อมา [3]
เรื่องความคิดนอกกรอบที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งคือ การต่อจิ๊กซอว์ ที่ผู้ต่อจะนำชิ้นส่วนตัวเล็กตัวน้อย มาประกอบกันเป็นรูปตามแบบที่กำหนดไว้ แต่เคนท์ โรโกวสกี้ ศิลปินชาวอเมริกัน กลับนำตัวต่อจิ๊กซอว์ จากคนละภาพมาประกอบสลับกัน ดอกไม้สีสดใส รวมทั้งภูมิทัศน์ ตัวสัตว์ต่าง ๆ ทำให้เกิดเป็นงานศิลปะตื่นตาตื่นใจชิ้นใหม่ [4]

คุณเหมือนแพร ปิยะมาดา ครีเอทีฟบริษัทโฆษณาชื่อดังแห่งหนึ่ง ได้เขียนวิจารณ์หนังสือเล่มนี้ไว้ว่า “ที่ผ่านมา เราต้องพยายามอย่างมากในการเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบ ในขณะที่ความไม่สมบูรณ์แบบนั้นเราแทบไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ แต่กลับได้ชิ้นงานที่มีคุณค่ามากกว่าเสียอีก”
อีริกได้ฝากข้อคิดไว้ในตอนท้ายของหนังสือว่า “การเรียนรู้จากความไม่ถูกต้อง ความไม่สมบูรณ์แบบเป็นหนทางที่จะทำให้คุณเก่งขึ้น…ถ้าคุณอยากเป็นคนที่มีความสร้างสรรค์ สร้างผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ คุณจะต้องชนะความกลัว กล้าทำกล้าคิด” [5]
แหล่งที่มา
[1] www.youtube.com/watch?v=3q7ll24CTXk
[2] อีริก เคสเซลส์ เขียน ศศิพันธ์ โคว่าวิเศษกุล แปล Failed It! เฟลอีก! อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิซซิ่ง 2563 บทนำ
[3] อีริก เคสเซลส์ เขียน ศศิพันธ์ โคว่าวิเศษกุล แปล Failed It! เฟลอีก! หน้า 153-156
[4] อีริก เคสเซลส์ เขียน ศศิพันธ์ โคว่าวิเศษกุล แปล Failed It! เฟลอีก! หน้า 103-104
[5] อีริก เคสเซลส์ เขียน ศศิพันธ์ โคว่าวิเศษกุล แปล Failed It! เฟลอีก! หน้า 159 รูปภาพมาจากหนังสือ Failed It!
หมายเหตุ : ภาพประกอบ Erik Kessels จากช่อง YouTube : TEDx Talks (www.youtube.com/watch?v=3q7ll24CTXk)

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา