
สื่อไอร์แลนด์เผยนักธุรกิจดังถูกศาลพิพากษาขยายระยะเวลาล้มละลายถึง พ.ค. 69หลังซุกรีสอร์ทมูลค่ากว่า 25 ล้านที่เกาะสมุย ชี้ข้ออ้างที่ผ่านมาเจอกับความยุ่งเหยิงฟังไม่ขึ้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยว่ามีรายงานข่าวจากสำนักข่าว Business Plus ของประเทศไอร์แลนด์เหนือว่ามีนักธุรกิจสัญชาติไอริชที่เป็นที่รู้จักกันดีรายหนึ่งเพิ่งถูกศาลสูงสั่งให้ขยายระยะเวลาการล้มละลายออกไปเนื่องจากพบว่านักธุรกิจคนนี้มีพฤติกรรมปกปิดการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์มูลค่ากว่า 7 แสนยูโร (25,192,715 บาท) ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย
ทั้งนี้ภายใต้กฎหมายการล้มละลาย ผู้ที่ถูกศาลสั่งล้มละลายจะต้องมีการเปิดเผยทรัพย์สินทั้งหมดของเขาเพื่อที่ว่าทรัพย์สินนั้นจะสามารถนำมาแจกจ่ายเพื่อจะชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้ต่อไปได้
สำหรับนักธุรกิจดังกล่าวนั้นชื่อว่านาย เคนเน็ธ จอยซ์ และหน่วยงานที่เป็นเจ้าหนี้ รับผิดชอบเกี่ยวกับการล้มละลายของนายจอยซ์ได้แก่หน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไรชื่อว่า Alienated Children First ซึ่งเป็น NGO ว่าด้วยการดำเนินการเรียกร้องสินไหมเพื่อนำมาชดเชยให้กับเด็กผู้ถูกกระทำรุนแรงจากผู้ปกครอง
โดยโฆษกของ Alienated Children First กล่าวว่าพบข้อมูลว่านายจอยซ์เป็นกรรมการบริหารบริษัทเพียงแค่หนึ่งเดียว ซึ่งบริษัทนี้พบว่าเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โดยอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้เปิดให้เช่นในราคาต่อคืนอยู่ที่ 1,492 ยูโร (53,707 บาท) ซึ่งทางฝั่งของนายจอยซ์ได้อ้างว่าอสังหาริมทรัพย์แห่งนี้ได้เสื่อมโทรมลงแล้วเขาขายมันไปแล้ว
สำหรับนายจอยซ์นั้นพบว่าเขาเคยพำนักอาศัยในฮ่องกงและยังเป็นผู้ก่อตั้งกองทุน Ireland Fund of China นอกจากนี้ยังพบว่าเขาได้เคยร่วมงานกับอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ของสหรัฐอเมริกา (ดูภาพประกอบ)

โดยเมื่อเดือน พ.ย. 2564 ผู้พิพากษา นายมาร์ค แซนเฟย์ ได้ระบุว่านายจอยซ์ถูกตัดสินให้เป็นผู้ล้มละลาย และในเดือน มี.ค.2565 นายจอยซ์ได้แจ้งทรัพย์สินว่ามีจำนวนทั้งสิ้นน้อยกว่า 6,000 ยูโร (215,878 บาท) โดยต่อมาเขาได้อ้างว่าทรัพย์สินของเขารายการหนึ่งได้แก่บ้านที่ย่านชานเมืองฟ็อกซ์ร็อก กรุงดับลิน มีมูลค่ากว่า 141,890 ยูโร (5,106,460 บาท) และขอให้มีการนำเอาทรัพย์สินรายการนี้ออกจากการนำไปชดเชยหนี้ นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่านายจอยซ์ยังได้เป็นผู้ถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ในฐานะกรรมการบริหารของบริษัท Gravity Electricity Ltd ทั้งๆที่เขาควรจะลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากว่าเป็นผู้ล้มละลาย
อย่างไรก็ตามผู้พิพากษากล่าวว่าปัญหาที่สําคัญที่สุดที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของนายจอยซ์ก็คือรีสอร์ทริมชายหาดบริเวณหัวถนนเกาะสมุย ประเทศไทย ซึ่งในรายชื่อทรัพย์สินล้มละลายระบุว่ารีสอร์ทที่พักแห่งนี้มูลค่าอยู่ที่ประมาณ 60,000 ยูโร (2,159,147 บาท) และยังติดภาวะจำนองค้างชำระอยู่ 80,000 ยูโร (2,879,063 บาท) ซึ่งที่ผ่านมาทางด้านของนายจอยซ์ได้ยืนยันในแถลงการณ์ของเขาว่าที่ดินนั้นรกร้างและไม่ได้ปล่อยให้เช่นแล้ว และในอีเมลฉบับถัดมาที่ระบุในเดือน เม.ย. 2565 นายจอยซ์ได้อ้างว่าทรัพย์สินในไทยของเขาได้ถูกโอนให้กับภรรยาไปแล้วในปี 2555 ซึ่งเขาได้ขายมันไปในราคา 10,000 ยูโร (360,139 บาท)
ผู้พิพากษากล่าวต่อไปว่าเจ้าหน้าที่ล้มละลายหรือผู้รับโอนสิทธิอย่างเป็นทางการ (OA) ได้แสดงข้อมุลให้เห็นต่อศาลว่าแท้จริงแล้วในเดือน ส.ค. 2556 ปรากฏอีเมลอีกฉบับระบุว่าอสังหาริมทรัพย์ที่เกาะสมุยดังกล่าวนั้นมีมูลค่าอยู่ที่ 700,000 ยูโร และมีราคาเข้าพักต่อคืนอยู่ที่คืนละ 775-1,605 ดอลลาร์สหรัฐฯ (25,931-53,703 บาท)
แต่ว่าในจดหมายที่ส่งไปยัง OA เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา นายจอยซ์ยังคงยืนยันว่าทรัพย์สินนี้ถูกทิ้งร้างไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นายจอยซ์ได้ยอมรับกับทาง OA แล้วว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีการจำนองทรัพย์สินใดๆของบริษัทที่เขาเป็นกรรมการแต่เพียงคนเดียว ซึ่งทางด้านของผู้พิพากษาแซนเฟย์กล่าวว่านายจอยซ์นั้นได้ยอมรับว่าที่ผ่านมาเขาได้ให้ข้อผิดพลาดและไม่สอดคล้องกันในส่วนของข้อมูลที่เขาได้ยื่นให้กับ OA
ผู้พิพากษากล่าวอีกว่านายจอยซ์ได้เน้นย้ำด้วยว่าเขาไม่เคยแสวงหาผลประโยชน์หรือคำแนะนำทางกฎหมายเพื่อให้ดำเนินการในเรื่องนี้ และยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่านายจอยซ์เจอกับความยุ่งเหยิงในบางประการ แต่เขาก็พยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะให้ความร่วมมือ
ผู้พิพากษากล่าวทิ้งท้ายว่าทว่าระดับความร่วมมือของนายจอยซ์ที่มีกับ OA นั้นอยู่ในระดับที่ยอมรับไม่ได้ เพราะว่าเป็นการยากมากที่จะหลบเลี่ยงการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องของการล้มละลายที่มีความครอบคลุม ซึ่งรวมไปถึงกรณีทรัพย์สินในประเทศไทย อีกทั้งการตอบคำถามต่างๆของนายจอยซ์นั้นก็ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์ใดๆขั้นมาเลยแต่ว่าทำให้เกิดความสับสนมากขึ้นไปอีก
ดังนั้นผู้พิพากษาจึงพิพากษาให้ขยายระยะเวลาการล้มละลายของนายจอยซ์ออกไปอีกจนถึงเดือน พ.ค. 2569 ขณะที่กฎหมายว่าด้วยการล้มละลายของไอร์แลนด์นั้นโดยมากแล้วมักจะมีผลอยุ่แค่ประมาณระยะเวลา 1 ปี
เรียบเรียงจาก:https://businessplus.ie/news/irish-businessman-thai/

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา