
เปิดรายงาน สตง.ผลสอบงานพัฒนาระบบบริการสุขภาพ สธ. รับมือโควิด วงเงิน 7.8 พันล. ชี้ปัญหาการเตรียมความพร้อมด้านครุภัณฑ์ทางการแพทย์-สิ่งก่อสร้างล่าช้าไม่ทันกาล จี้ถอดบทเรียนใหม่วางแผนอนาคตให้มีประสิทธิภาพ จ่ายใช้งบเกิดประโยชน์สูงสุด-คุ้มค่า
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้เผยแพร่รายงานการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินงานการพัฒนาศักยภาพระบบบริการสุขภาพ เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งมีข้อตรวจพบสำคัญคือ การเตรียมความพร้อมด้านครุภัณฑ์ทางการแพทย์ และสิ่งก่อสร้างของหน่วยบริการสุขภาพไม่ทันกาลกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด - 19 นอกจากนี้ การดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพหน่วยบริการสังกัด สำนักงานปลัด กระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) เพื่อขยายการรองรับการดูแลผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด - 19 ที่มีอาการจนถึงระยะวิกฤต ไม่สอดคล้องกับมาตรการการคัดแยก การส่งต่อ และการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด - 19 ตามสถานการณ์การระบาดฯ ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย
ในรายงาน สตง. ระบุว่า ประเทศไทยมีการแบ่งระลอกการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด- 19 ออกเป็น 4 ระลอกตามสายพันธุ์ที่พบการแพร่ระบาดและความรุนแรงของโรค โดยแนวทางการเตรียมความพร้อมด้านทรัพยากรสุขภาพเพื่อรองรับผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด -19 มีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาขึ้นอยู่กับคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ในการกำหนดมาตรการการคัดแยกและส่งต่อผู้ป่วยเพื่อทำการรักษา โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งมีปัจจัยสำคัญในการพิจารณา คือ แนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อ อัตราการเสียชีวิตอัตราการครองเตียงสำหรับผู้ป่วยอาการหนัก และการกระจายของโรคตามลักษณะทางระบาดวิทยาการจัดสรรทรัพยากรสุขภาพ (Health Resources Allocation) นับเป็นกระบวนการสำคัญของการวางแผนที่จะทำให้แผนงานหรือโครงการบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ เป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่จะทำให้การจัดสรรทรัพยากรสุขภาพที่เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ
โดยการจัดสรรทรัพยากรทางการแพทย์ให้แก่หน่วยบริการสุขภาพเพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องมีการพิจารณาถึงปัจจัยสำคัญหลายอย่าง เช่น มาตรการการคัดแยกและส่งต่อผู้ป่วยเพื่อทำการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด- 19 การคาดการณ์การระบาดของโรคในแต่ละช่วงเวลา สถิติจำนวนผู้ป่วยที่ผ่านมาของหน่วยบริการสุขภาพ ภารกิจบทบาทในการรักษาผู้ป่วยของหน่วยบริการสุขภาพบุคลากรด้านสุขภาพของหน่วยบริการสุขภาพ ศักยภาพของหน่วยบริการสุขภาพในการรักษาผู้ป่วย ระยะทางระหว่างหน่วยบริการเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สุขภาพสำหรับการส่งต่อผู้ป่วย รายการและจำนวนเครื่องมือทางการแพทย์ของหน่วยบริการสุขภาพ เป็นต้น
ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกันระหว่างกลไกของความต้องการ (Demand) กับการจัดหา (Supply) อีกทั้ง การจัดสรรครุภัณฑ์ทางการแพทย์ในภาวการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินและคาดการณ์สถานการณ์ในอนาคตที่ยังไม่คลี่คลาย โดยต้องมีความชัดเจนของงบประมาณที่ได้รับหรือรายการและจำนวนของเครื่องมือ ระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการรวมไปถึงกระบวนการขั้นตอนในการจัดสรร เพื่อให้หน่วยบริการสุขภาพมีการเตรียมความพร้อม ต่อการรองรับกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่เกิดขึ้นได้อย่างเพียงพอและทันกาล
จากการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพระบบบริการสุขภาพ เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พบว่า การเตรียมความพร้อมด้านครุภัณฑ์ทางการแพทย์และสิ่งก่อสร้างของหน่วยบริการสุขภาพไม่ทันกาลกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด - 19

โดยการดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพระบบบริการสุขภาพ เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของหน่วยงานส่วนภูมิภาค ตาม พ.ร.ก. กู้เงินฯ พ.ศ. 2563 บางส่วนไม่เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้โครงการพัฒนาศักยภาพระบบบริการสุขภาพ เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของหน่วยงานส่วนภูมิภาค วัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมด้านสถานพยาบาลให้มีศักยภาพในการรักษาพยาบาล ควบคุม ป้องกัน ฟื้นฟูสภาพของประชาชนจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ
มีการจัดสรรงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 7,851.30 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ และปรับปรุงสิ่งก่อสร้างให้แก่หน่วยบริการสุขภาพ โดยมีกรอบระยะเวลาการดำเนินงาน 1 ปีงบประมาณ
จากการตรวจสอบ พบข้อสังเกตดังนี้
1. การจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์มีความล่าช้า และไม่เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ สป.สธ. ได้มีการจัดสรรงบประมาณจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์และครุภัณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้แก่หน่วยบริการสุขภาพภายใต้โครงการตาม พ.ร.ก. กู้เงินฯ พ.ศ. 2563 จำนวน 2 ครั้ง ในการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ จำนวน 42,437 รายการ งบประมาณรวม 6,219.70 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเตรียมความพร้อมในการรักษาพยาบาล ควบคุม ป้องกัน ฟื้นฟูสภาพของประชาชนจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด - 19 พบว่า สามารถดำเนินการจัดซื้อและส่งมอบได้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด (เดือนกันยายน พ.ศ. 2564) จำนวน 8,349 รายการ หรือคิดเป็นร้อยละ 25.72 ของรายการครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ได้รับจัดสรรทั้งหมด และส่วนใหญ่ร้อยละ 72.78 มีผลดำเนินงานในการเตรียมความพร้อมด้านครุภัณฑ์ทางการแพทย์เพื่อรับมือโรคติดเชื้อโควิด - 19 ภายใต้โครงการฯ แล้วเสร็จหลังเดือนกันยายน พ.ศ. 2564
สำหรับส่วนที่เหลือไม่สามารถดำเนินการได้และมีการคืนงบประมาณ โดยสภาพปัญหาสำคัญที่ทำให้การดำเนินงานของหน่วยบริการสุขภาพในระดับพื้นที่ ไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้จากสถานการณ์ทำให้ครุภัณฑ์ทางการแพทย์หลายรายการมีความต้องการทั่วโลกสูงขึ้น ประเทศไทยจำเป็นต้องนำเข้าเพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครุภัณฑ์จากต่างประเทศ ส่งผลให้การส่งมอบครุภัณฑ์มีความล่าช้า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกที่ 3 มีแนวโน้มการระบาดอย่างต่อเนื่อง การพิจารณาอนุมัติงบประมาณเงินกู้ต้องผ่านกระบวนการพิจารณาหลายขั้นตอน และใช้ระยะเวลานานในการอนุมัติจัดสรรงบประมาณ
2. นอกจากนี้ จากการจัดเก็บข้อมูลของหน่วยบริการสุขภาพที่สุ่มตรวจสอบ พบว่าหน่วยบริการสุขภาพ จำนวน 24 แห่ง มีการเตรียมความพร้อม จากแหล่งงบประมาณอื่นนอกเหนือจากงบประมาณตาม พ.ร.ก. กู้เงินฯ เพื่อจัดหาครุภัณฑ์ จำนวน 2,405 รายการ งบประมาณรวม 346.01 ล้านบาท โดยหน่วยบริการสุขภาพส่วนใหญ่ สามารถเตรียมความพร้อมครุภัณฑ์ทางการแพทย์จากแหล่ง งบประมาณอื่น ๆ (นอกเหนือโครงการฯ) แล้วเสร็จ ในช่วงการระบาดระลอกที่ 3 เดือนกรกฎาคม - เดือนกันยายน พ.ศ. 2564 ซึ่งมีความวิกฤตรุนแรงสูงที่สุด (Pandemic in Progress) นับตั้งแต่มีการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด –19 จนถึงปัจจุบัน (เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565)
ทั้งนี้ หากวิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด - 19 ของประเทศไทย ร่วมกับผลการดำเนินงานในการจัดสรรครุภัณฑ์ทางการแพทย์ภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงินฯ พ.ศ. 2563 ครั้งที่ 1 - ครั้งที่ 2 รายการครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่หน่วยบริการสุขภาพมีการเตรียมความพร้อมเพื่อใช้ในภารกิจการรับมือผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด - 19 นอกเหนือโครงการภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงินฯ ดังกล่าว
พบว่า การดำเนินงาน การจัดสรรครุภัณฑ์ทางการแพทย์ภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงินฯ พ.ศ. 2563 ทั้งในภาพรวมและที่สุ่มตรวจสอบมีบางส่วนไม่เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้
3. สตง. ยังพบปัญหาการปรับปรุงสิ่งก่อสร้างไม่เป็นไปตามกรอบระยะเวลาและแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ โดยหน่วยบริการสุขภาพได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุงสิ่งก่อสร้างภายใต้โครงการตาม พ.ร.ก. กู้เงินฯ พ.ศ. 2563 จำนวน 2 ครั้ง จำนวนทั้งสิ้น 4,219 รายการ งบประมาณทั้งสิ้น 1,631.60 ล้านบาท จากการตรวจสอบผลการดำเนินงานภายใต้โครงการฯ พบว่า มีหน่วยบริการสุขภาพที่ไม่สามารถดำเนินการปรับปรุงสิ่งก่อสร้างและต้องคืนงบประมาณ เป็นจำนวนมากรวมไปถึงมีผลการดำเนินงานล่าช้ากว่ากรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
ขณะที่ การดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพหน่วยบริการสังกัด สป.สธ. เพื่อขยายการรองรับการดูแลผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด- 19 ที่มีอาการจนถึงระยะวิกฤต ไม่สอดคล้องกับมาตรการการคัดแยก การส่งต่อ และการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อโควิด - 19 ตามสถานการณ์การระบาดฯ ที่เปลี่ยนแปลงไป
เบื้องต้น ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน มีข้อเสนอแนะ ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาดำเนินการสำรวจและทบทวนความเหมาะสมของรายการครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่หน่วยบริการสุขภาพแต่ละแห่งได้รับการจัดสรร ภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงินฯ พ.ศ. 2563 และ พ.ร.ก. กู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 แล้วจัดทำแผนการบริหารจัดการหรือแผนการจัดสรรให้เหมาะสมกับศักยภาพและความจำเป็นที่หน่วยบริการสุขภาพต้องใช้อย่างสมเหตุสมผล และมีการจัดเก็บบันทึกทำฐานข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วนเป็นปัจจุบัน เพื่อประโยชน์การจัดสรรทรัพยากรสุขภาพในโอกาสต่อไป
พร้อมให้พิจารณาถอดบทเรียนจากการดำเนินงานที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สถานการณ์การระบาดของโรครุนแรงและไม่ปกติ จัดทำเป็นข้อเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายนอกและภายในได้พิจารณาทบทวนโครงสร้างของหน่วยงานที่รับผิดชอบภารกิจด้านสาธารณสุขโดยตรงและที่เกี่ยวข้อง และพัฒนากลไกการบริหารจัดการแผนการบูรณาการ ทั้งบุคลากรเทคนิควิธีการปฏิบัติงาน เครื่องมือ อุปกรณ์ ทรัพยากรต่าง ๆ ต้องสร้างหรือพัฒนาอย่างไร
รวมทั้งกระบวนการปฏิบัติงานในขั้นตอนต่าง ๆ ตลอดจนกฎหมายระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อเป็นเครื่องมือและกลไกดำเนินกิจกรรมต่างๆ ทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขเฉพาะในสภานการณ์วิกฤตฉุกเฉินที่ไม่ปกติอันเป็นการเตรียมการรองรับสถานการณ์ที่ไม่ปกติซึ่งอาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล อันจะส่งผลให้การใช้จ่ายเงินไม่ว่าจากแหล่งที่มาใดเกิดประโยชน์สูงสุดและมีความคุ้มค่าด้วย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา