
‘คลัง-แบงก์ชาติ-สถาบันการเงิน’ นัดแถลงมาตรการแก้หนี้ฯ 11 ธ.ค.นี้ ดึงเงิน FIDF ปีละ 3.5 หมื่นล้าน ตั้ง ‘กองทุน’ ชดเชยดอกเบี้ยแทน ‘ลูกหนี้’ เป็นเวลา 3 ปี คาดช่วยเหลือลูกหนี้ได้ 1 ล้านราย
.........................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสถาบันการเงิน จะร่วมกันลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) และแถลงข่าวมาตรการแก้หนี้ โครงการ ‘คุณสู้ เราช่วย’ โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าว เช่น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ,นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. และผู้บริหารสถาบันการเงินต่างๆ
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวกับสำนักข่าวอิศราถึงหลักการและแนวทางของมาตรการแก้หนี้ฯในครั้งนี้ ว่า จะมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือลูกหนี้ฯ 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.ลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง และ 2.ลูกหนี้ SMEs ส่วนประเภทหนี้ที่จะมีการเข้าไปช่วยเหลือ จะประกอบไปด้วย หนี้ 3 ประเภท ได้แก่ 1.หนี้ที่อยู่อาศัย 2.หนี้ที่เกี่ยวกับเครื่องมือทำมาหากิน เช่น มอเตอร์ไซค์ และรถยนต์กระบะ และ 3.หนี้ของธุรกิจ SMEs
ขณะเดียวกัน หนี้ดังกล่าวจะต้องเป็นหนี้ที่มีการค้างชำระระหว่าง 1-3 เดือน (Special Mention Loan : SM) หรือหากเป็นหนี้เสีย (NPL) จะต้องไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น และต้องเป็นหนี้เงินกู้ครั้งแรก ที่มีวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท
“มาตรการแก้หนี้ฯในครั้งนี้ จะเน้นไปที่ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางและกลุ่ม SMEs ที่เป็นเงินกู้ครั้งแรก และวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยหนี้ที่จะเข้าไปช่วยเหลือมี 3 ประเภท คือ หนี้ที่อยู่อาศัยหรือเงินกู้ซื้อบ้าน ,หนี้ที่เกี่ยวกับการทำมาหากิน เช่น หนี้เช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ และรถกระบะ และหนี้ SMEs รวมทั้งมีเงื่อนไขอีกว่า ลูกหนี้ที่แบงก์จะเข้าช่วยเหลือภายใต้มาตรการฯ แบงก์จะต้องพิจารณาเลือกลูกหนี้รายที่คิดว่าเมื่อช่วยเหลือไปแล้วต้องรอดด้วย” แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือลูกหนี้ฯภายใต้มาตรการแก้หนี้ฯ ธปท. จะเปิดให้ลูกหนี้ที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือแสดงเจตนาฯ โดยเข้ามาลงทะเบียนกับ ธปท. จากนั้น ธปท.จะส่งรายชื่อลูกหนี้ไปให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้ช่วยเหลือภายใต้มาตรการฯ คือ การพักชำระดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ที่เข้าโครงการฯเป็นเวลา 3 ปี และให้ลูกหนี้จ่ายเฉพาะเงินต้นเท่านั้น ทั้งนี้ หากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ เมื่อครบ 3 ปีแล้ว ก็จะยกดอกเบี้ยที่พักไว้ทั้งหมดให้แก่ลูกหนี้
“ลูกหนี้ที่เข้าโครงการ จะได้รับการพักชำระหนี้เป็นเวลา 3 ปี แต่ระหว่างนี้ลูกหนี้ยังต้องผ่อนเงินต้นอยู่ และถ้าลูกหนี้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ได้ครบ 3 ปี ก็จะมียกดอกเบี้ยที่พักไว้ทั้งหมดให้ลูกหนี้ แต่หากลูกหนี้ทำไม่ได้ ลูกหนี้ก็ต้องกลับมาชำระดอกเบี้ยที่พักไว้ทั้งหมด” แหล่งข่าว กล่าว
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการผ่อนภาระของลูกหนี้ที่เข้าโครงการในระยะแรก ในช่วงต้นของการชำระหนี้เงินต้น อาจผ่อนผันให้ลูกหนี้ไม่ต้องชำระเงินต้นเต็ม 100% ของค่างวด ในแต่ละเดือน แต่อาจให้ผ่อนชำระแค่ 70% ก่อน แล้วค่อยๆขยับขึ้นไปจนกระทั่งผ่อนชำระเต็มจำนวนตามงวด
แหล่งข่าวระบุว่า ในการดำเนินมาตรการแก้หนี้ฯครั้งนี้ มีแหล่งเงินมาจากเงินที่สถาบันการเงินนำส่งเงินสมทบกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF Fee) ในอัตรา 0.46% จากฐานเงินฝาก โดยจะหักเงิน FIDF ครึ่งหนึ่ง หรือ 0.23% คิดเป็นเงินประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท/ปี นำมาเก็บไว้ที่กองทุนกลางที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ก่อนจะนำไปใช้ในการดำเนินการมาตรการฯ
“โดยหลักการแล้ว เงิน FIDF ที่มีการเรียกเก็บจากสถาบันการเงิน 0.46% หรือปีละ 7 หมื่นล้านบาท นั้น เงิน FIDF ครึ่งหนึ่ง หรือ 0.23% ซึ่งคิดเป็นประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท/ปี จะนำมาไว้ที่กองทุนกลาง เพื่อนำไปช่วยเหลือลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการแก้หนี้ฯ ทั้งนี้ ภายใต้มาตรการแก้หนี้จะมีการหักเงิน FIDF มาเก็บไว้ที่กองทุนฯเป็นเวลา 2 ปี หรือรวมแล้ว 7 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะนำไปหมุนเวียนช่วยเหลือลูกหนี้ได้ 1 ล้านราย ยอดหนี้ 3 ล้านล้านบาท” แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ในการช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านมาตรการแก้หนี้ฯนั้น นอกจากสถาบันการเงินจะต้องเข้ามาร่วมรับภาระในการช่วยเหลือลูกหนี้แล้ว ทางสถาบันการเงินจะต้องมีการมาตรการแก้หนี้ฯที่ดำเนินการโดยสถาบันการเงินเองด้วย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา