กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา 'ชวาล พลเมืองดี' สส.พรรคประชาชน เขต 3 จังหวัดชลบุรี ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายเลือกตั้งเท็จ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2567 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา นายชวาล พลเมืองดี สส.พรรคประชาชน เขต 3 จังหวัดชลบุรี กรณีปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นายชวาลกระทำการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561 มาตรา 67 และมาตรา 155 เนื่องจากนายชวาลไม่ยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือจงใจยื่นเอกสารหรือหลักฐานไม่ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริง หรือจงใจยื่นเอกสารหรือหลักฐานเป็นเท็จ
โดยประเด็นที่วินิจฉัยได้ว่ากระทำความผิดแบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 ผู้ร้องกล่าวหาว่า ผู้ถูกร้องหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านช่องทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ชวาล พลเมืองดี" ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2566 ถึงวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 โดยมีค่าใช้จ่ายจากการโฆษณาทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ชวาล พลเมืองดี" จำนวน 11 แคมเปญ รวมเป็นเงินจำนวน 10,046 บาท แต่ผู้ถูกร้องมิได้นำค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งตั้งดังกล่าว มายื่นเป็นรายจ่ายต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงเป็นการยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายไม่ถูกต้องครบถ้วน อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรรมญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 67 และมาตรา 155
เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนรับฟังได้ว่า จากการตรวจสอบบัญชีรายรับและรายจ่ายจ่ายในการเลือกตั้งของผู้ถูกร้องพบว่า ผู้ถูกร้องระบุค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งผ่านช่องทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ชวาล พลเมืองดี" จำนวน 6,000 บาท ในหมวด "ค่าโฆษณาในสื่อต่างๆ" ซึ่งจากการไต่สวนได้ความว่า ผู้ถูกร้องมีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งซึ่งเป็นค่าโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งผ่านช่องทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ชวาล พลเมืองดี" เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 9,4347.51 บาท ซึ่งในกรณีดังกล่าวผู้ถูกร้องให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2566 ผู้ถูกร้องได้ยื่นบัญชีรายจ่าย (ส.ส./ข.6) ต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดชลบุรีโดยระบุค่าใช้จ่ายโฆษณาหาเสียงทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ชวาล พลเมืองดี" ในหมวด "ค่าโฆษณาในสื่อต่าง ๆ" จึงทำให้ไม่มีการระบุค่าใช้จ่ายในแบบรายงานรายรับและรายจ่าย (ส.ส./ข.9) ในส่วนรายจ่ายข้อที่ 2.1.6 รายการค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตามแบบบัญชีรายจ่าย (ส.ส./ช.6) ผู้ถูกร้องได้ระบุค่าใช้จ่ายโฆษณาหาเสียงทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวน 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2566 เลขที่เอกสาร ข4 6604-12 จ๋านวน 2,000 บาท ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 เลขที่เอกสาร ข4 6605-5 จำนวน 4,000 บาท รวมเป็นเงิน 6,000 บาท
แต่หลังจากที่ผู้ถูกร้องได้รับทราบข้อกล่าวหา จึงทำการตรวจสอบค่าใช้จ่ายโฆษณาหาเสียงทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ชวาล พลเมืองดี" ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2566 จนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 พบว่า มีจำนวน 8 แคมเปญ และมีข้อมูลการชำระเงินค่าโฆษณาหาเสียงทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ชวาล พลเมืองดี" ที่ยื่นต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดชลบุรีไม่ครบถ้วน ซึ่งในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งผ่านช่องทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ชวาล พลเมืองดี" ในช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 ผู้ถูกร้องได้มอบหมายให้พยานคนที่ 1 ของผู้ถูกร้อง ซึ่งเป็นอาสาสมัครและไม่ได้เป็นผู้ช่วยหาเสียงทำการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ชวาล พลเมืองดี" และมอบเงินค่าใช้จ่ายให้แก่พยานคนที่ 1 ของผู้ถูกร้องในการโฆษณาแต่ละครั้ง ต่อมาในช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2566 ผู้ถูกร้องได้มอบหมายให้พยานคนที่ 2 ของผู้ถูกร้องซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงของผู้ถูกร้องเป็นผู้โฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ชวาล พลเมืองดี" และในช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 ผู้ถูกร้องเป็นผู้โฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ชวาล พลเมืองดี" แต่พยานคนที่ 1 และคนที่ 2 ของผู้ถูกร้องไม่ได้แจ้งจำนวนเงินค่าใช้จ่ายตามใบเสร็จรับเงินค่าโฆษณาหาเสียงให้ผู้ถูกร้องทราบยอดค่าใช้จ่ายโฆษณาทางแอปพลิเคขันเฟซบุ๊กเป็นเงินจำนวน 9,347.51 บาท ส่วนพยานคนที่ 1 และคนที่ 2 ของผู้ถูกร้องให้ถ้อยคำถึงสาเหตุที่ไม่ได้แจ้งค่าใช้จ่ายดังกล่าวแก่ผู้ถูกร้องว่าเกิดจากความหลงลืม
พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 67 บัญญัติว่า ภายในกำหนดเก้าสิบวันวันจากวันเลือกตั้ง ผู้สมัครแต่ละคนและหัวหน้าพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อต้องยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายต่าอคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามแบบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ได้จ่ายไปแล้วและที่ยังค้างชำระรวมทั้งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริง โดยบทบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดระยะเวลาพอสมควรเพื่อที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งจะได้ตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของตนได้อย่างถูกต้องครบถ้วน และจากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ถูกร้องได้มอบหมายให้พยานคนที่ 1 และคนที่ 2ของผู้ถูกร้องเป็นผู้ทำการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ชวาล พลเมืองดี" แต่ไม่ปรากฏผู้ถูกร้องได้ติดตามทวงถามถึงค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งจากพยานคนที่ 1 และคนที่ 2 ของผู้ถูกร้องแต่อย่างใด ประกอบกับเมื่อเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดชลบุรีได้ติดติดต่อให้ผู้ถูกร้องดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขจำนวนค่าใช้จ่ายในรายการอื่น ๆ ตามข้อกล่าวหาที่ 1 ก็ไม่พบว่าผู้ถูกร้องได้แจ้งค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ชวาล พลเมืองดี" เพิ่มเติมจนกระทั่งผู้ถูกร้องถูกแจ้งข้อกล่าวหา อันแสดงให้เห็นว่าผู้ถูกร้องจงใจยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายไม่ถูกต้องครบถ้วน กรณีจึงปรากฎหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกร้องกระทำการอันเป็นการฝ้าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 67 และมาตรา 155
กรณีที่ 2 ผู้ร้องกล่าวหาว่า ผู้ถูกร้องหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านช่องทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "พรรคก้าวไกลชลบุรี - Move Forward Party Chonbur" โดยมีค่าโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "พรรคก้าวไกลซลบุรี - Move Forward Party Chonburi" จำนวน 5 แคมเปญ รวมเป็นเงินจำนวน 5,152บาท แต่ผู้ถูกร้องมิได้นำมายื่นเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้ถูกร้อง จึงเป็นการยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายไม่ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริง อันเป็นการฝ่าฝืนพระระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.ศ. 2561 มาตรา 67 และมาตรา 155
เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2566 ผู้ถูกร้อง ได้แจ้งการหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านช่องทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "พรรคก้าวไกลชลบุรี - Move Forward Party Chonbun" ต่อผู้อำนายกายการการเลือกตั้งประจำจังหวัดชลบุรี ซึ่งจากการไต่สวนได้ความว่า บัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "พรรคก้าวไกล ชลบุรี - Move Forward Party Chonbun" ได้จัดทำบัญชีโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทั้งสิ้น 5 แคมเปญ มีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหาเสียงเป็นเงินจำนวน 5,152.46 บาท แต่ผู้ถูกร้องไม่ได้นำค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มารวมคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง โดยผู้ถูกร้องอ้างว่าไม่ทราบถึงค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว ส่วนพยานคนที่ 1 ของผู้ถูกร้องก็ให้ถ้อยคำเพียงว่า สาเหตุที่ไม่ได้แจ้งค่าใช้จ่ายดังกล่าวแก่ผู้ถูกร้องเกิดจากความหลงลืม
พิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่อผู้ถูกร้องได้แจ้งบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "พรรคก้าวไกล ชลบุรี - Move Forward Party Chonbun" เป็นช่องทางในการหาเสียงเลือกตั้งของผู้ถูกร้อง เมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้น ผู้ถูกร้องมีหน้าที่ต้องติดตามทวงถามถึงค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหาเสียงเสียงเลือกตั้งผ่านช่องทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "พรรคก้าวไกล ชลบุรี - Move Forward Party Chonbun" รวมทั้งรวบรวบรวมเอกสารต่าง ๆ ที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของตนเพื่อยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.ศ. 2561 มาตรา 67 บัญญัติว่า ภายในกำหนดเก้าสิบวันนับจากวันเลือกตั้ง ผู้สมัครแต่ละคนและหัวหน้าพรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ต้องยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายจ่ายต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ตามแบบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด ซึ่งอย่างน้อยต้องประกอบด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ได้จ่ายไปแล้วและที่ยังค้างชำระรวมทั้งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริง โดยบทบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดระยะเวลาพอสมควรเพื่อที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งจะได้ตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของตนได้อย่างถูกต้องครบถ้วน
อีกทั้งจากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ถูกร้องทราบว่าพยานคนที่ 1 ของผู้ถูกร้องเป็นผู้ทำการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "พรรคก้าวโกล ชลบุรี - Move Forward Party Chonbun" แต่ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกร้องได้ติดตามทวงถามถึงค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งจากพยานคนที่ 1 ของผู้ถูกร้องแต่อย่างใด ประกอบกับเมื่อเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดชลบุรีได้ติดต่อให้ผู้ถูกร้องดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในรายการอื่น ๆ ตามข้อกล่าวหาที่ 1 ก็ไม่พบว่าผู้ถูกร้องได้แจ้งค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งทางบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "พรรคก้าวไกล ชลบุรี - Move Forward Party Chonbun" เพิ่มเติม จนกระทั่งผู้ถูกร้องถูกแจ้งข้อกล่าวหา อันแสดงให้เห็นว่าผู้ถูกร้องจงใจยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายไม่ถูกต้อง ครบถ้วนตามความเป็นจริง กรณีจึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกร้องกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 67 และมาตรา 155
ทั้งนี้พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. 2561 มาตรา 155 ผู้สมัครหรือหัวหน้าพรรคการเมืองผู้ใดไม่ยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายต่อคณะกรรมการภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือจงใจยืนเอกสารหรือหลักฐานไม่ถูกต้องครบถ้วนตามมาตรา 67 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนดห้าปี
ถ้าบัญชีรายรับและรายจ่ายที่ยื่นตามมาตรา 67 เป็นเท็จ ผู้สมัครหรือหัวหน้าพรรคการเมืองต้องระวางโทษจำคกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนดสิบปี