
ครม.เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ท่าเรือฉบับใหม่ เผยเนื้อหาปรับแก้เพิ่มภารกิจ-อำนาจหน้าที่ด้านการทำธุรกิจและเชิงพาณิชย์มากขึ้นโดยเฉพาะด้านการพัฒนาพื้นที่เชิงอสังหาริมทรัพย์ ปรับตำแหน่งผู้อำนวยการเป็น ผู้ว่าการฯ เป็นได้ไม่เกิน 2 วาระ พร้อมปรับลดวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการและประธานบลอร์ดเหลือ 3 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 22 มกราคม 2568 ในการคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (21 ม.ค. 68) ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตาม ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นการ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 โดยปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับรัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมาย เพิ่มเติมวัตถุประสงค์และอำนาจการดำเนินกิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจของคณะกรรมการ กทท. ให้มีความเหมาะสม ปรับปรุงคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของประธานกรรมการ กรรมการ และผู้ว่าการ กทท. ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับกิจการที่ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และเปลี่ยนแปลงชื่อตำแหน่งผู้บริหารองค์กรจากผู้อำนวยการเป็นผู้ว่าการ กทท.
ร่างพระราชบัญญัติมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม (ร่างมาตรา 3) คำว่า “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อของคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจอื่น (เดิม “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการของการท่าเรือ แห่งประเทศไทย) พร้อมยกเลิกคำว่า “ผู้อำนวยการ” ในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 และแก้ไขเป็นคำว่า “ผู้ว่าการ” ทุกแห่งเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนชื่อตำแหน่ง
2. แก้ไขเพิ่มเติมผู้รักษาการตามกฎหมาย (ร่างมาตรา 7) โดยกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ (เดิม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม) เนื่องจากการดำเนินกิจการของ กทท. อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม ส่วนกระทรวงการคลังได้เปลี่ยนไปกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจในภาพรวมผ่านทางกลไกสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
@เพิ่มวัตถุประสงค์ครอบคลุมทำธุรกิจ โดยเฉพาะอสังหาฯ
3. แก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของ กทท. โดยขยายวัตถุประสงค์ (ร่างมาตรา 8 (3) จากเดิม “ดำเนินกิจการอื่นที่เกี่ยวกับหรือต่อเนื่องกับการประกอบกิจการท่าเรือ” เป็นให้ “ดำเนินกิจการอื่นที่เกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่องในการประกอบกิจการท่าเรือเพื่อประโยชน์แก่ กทท.” เป็นการปรับปรุงถ้อยคำให้สอดคล้องกับบริบทและตรงตามอำนาจของ กทท. เนื่องจากบทบัญญัติดังกล่าวเกี่ยวกับอำนาจของ กทท. ซึ่งจะทำให้สามารถประกอบกิจการท่าเรือ ธุรกิจเกี่ยวกับท่าเรือ อู่เรือ และกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องหรือเป็นส่วนประกอบกับท่าเรือ รองรับการดำเนินกิจการที่เกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ กทท. ได้
@ปลดล็อก ‘ท่าเรือ’ ตั้งบริษัท-ออกพันธบัตร-ร่วมทุน-พัฒนาอสังหาฯได้
4. ให้ กทท. มีอำนาจกระทำกิจการต่าง ๆ ภายใต้ขอบวัตถุประสงค์ของ กทท. โดยแก้ไขเพิ่มเติมให้รวมถึงอำนาจกระทำกิจการดังต่อไปนี้ (ร่างมาตรา 9) เช่น
1) เพิ่มเติมให้ กทท. สามารถทำนิติกรรมในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง มีทรัพยสิทธิ หรือเป็นการก่อตั้งสิทธิหรือกระทำนิติกรรมเกี่ยวกับทรัพย์ได้
2)กำหนดให้ กทท. มีเฉพาะอำนาจเรียกเก็บค่าภาระการใช้ท่าเรือ บริการ และความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ และค่าภาระต่าง ๆ ภายในอาณาบริเวณ (เดิม ให้ กทท. มีอำนาจกำหนดอัตราค่าภาระการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ และออกระเบียบเกี่ยวกับวิธีชำระค่าภาระดังกล่าว เนื่องจากคณะกรรมการฯ จะเป็นผู้มีอำนาจกำหนดอัตราค่าภาระดังกล่าวภายในอัตราขั้นสูงและขั้นต่ำที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามมาตรา 29 (5) แห่งพระราชบัญญัติการท่าเรือฯ มีใช่ กทท.)
3) กำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยเกี่ยวกับการใช้ท่าเรือ การให้บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ รวมทั้ง การจัดการเกี่ยวกับการสาธารณสุขและคุณภาพสิ่งแวดล้อมภายในอาณาบริเวณ (เพิ่มเติมให้ครอบคลุมถึงการจัดการเกี่ยวกับการสาธารณสุขและคุณภาพสิ่งแวดล้อม เดิม กำหนดเพียงการจัดระเบียบว่าด้วยความปลอดภัย การใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ)
4) เพิ่มเติมให้ กทท. สามารถออกพันธบัตรหรือตราสารเพื่อใช้ในการดำเนินการที่เป็นประโยชน์แก่กิจการของ กทท. ได้ ดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าการทำกิจการในบางกรณีอาจมิใช่การลงทุน (ได้ปรับถ้อยคำเพิ่มเติม จาก เดิม ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใด เพื่อการลงทุนเท่านั้น เพื่อให้การดำเนินกิจการของการทำเรือฯ มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการมากยิ่งขึ้น และเพื่อให้สามารถรองรับการประกอบธุรกิจตามกรอบยุทธศาสตร์ของการท่าเรือฯ และรองรับการดำเนินกิจการที่เกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของการท่าเรือฯ เช่น โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยในชุมชนคลองเตย หรือ Smart Community)
5) เพิ่มเติมให้ กทท. สามารถจัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ทั้งในและนอกราชอาณาจักร เพื่อประกอบธุรกิจกับหรือเกี่ยวเนื่องในกิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่จัดตั้งในราชอาณาจักรจะมีคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 49 ของทุนจดทะเบียนของบริษัทนั้นไม่ได้ (เพิ่มเติมถ้อยคำ “ทั้งในและนอกราชอาณาจักร” เพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น จะได้ไม่ต้องมีการตีความ จากเดิม ให้ กทท. สามารถจัดตั้งบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด)
6) เพิ่มเติมให้ กทท. สามารถลงทุนหรือเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น หรือถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดทั้งในและนอกราชอาณาจักร เพื่อประโยชน์แก่กิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (เดิม กทท. สามารถเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น หรือถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด เพื่อประโยชน์แก่กิจการของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และเพิ่มเติมถ้อยคำ “ทั้งในและนอกราชอาณาจักร” เพื่อให้เกิดความชัดเจนยิ่งขึ้น จะได้ไม่ต้องมีการตีความ)
7) เพิ่มเติมให้ กทท. สามารถเช่าหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ กทท. ตามความจำเป็น โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะควบคู่ไปด้วย เนื่องจากปัจจุบันกรอบยุทธศาสตร์ของการท่าเรือฯ มีการกำหนด กลยุทธ์ในการจัดทำโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยในชุมชนคลองเตย หรือ Smart Community ที่ต้องมีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของการท่าเรือฯ จึงต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนนี้ (เดิม ไม่กำหนด)
8) เพิ่มเติมให้ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ของ กทท. ให้ กทท. จัดทำแผนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นแผนแม่บทสำหรับการดำเนินการ โดยแสดงถึงเป้าหมายและแนวทางในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ กทท. และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ (ร่างมาตรา 27)
9) เพิ่มเติมให้ กทท. สามารถกระทำการอย่างอื่นที่เกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่องในการจัดการให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการรองรับการดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ กทท. ที่อาจมีเพิ่มเติมได้ในอนาคต (เดิม ไม่ได้กำหนด)
5. แก้ไขเพิ่มเติมให้การกำหนดเงินสำรอง สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในการดำเนินการ และให้การจะนำเงินสำรองดังกล่าวออกมาใช้ได้ก็แต่โดยมติของคณะกรรมการ (ร่างมาตรา 10) (เป็นการกำหนดเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักการบัญชี และตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2548 ในการตั้งสำรองและเงินสำรองที่สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย เพื่อให้สามารถดำเนินการได้โดยคณะกรรมการการท่าเรือฯ เช่น เงินสำรองเพื่อขยายงานและลงทุน)
@ลดวาระปธ.-กรรมการบอร์ดเหลือ 3 ปี - เพิ่มคุณสมบัติกรรมการ
6. คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ร่างมาตรา 12-มาตรา 15)
1) ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย” ประกอบด้วย ประธานกรรมการ 1 คน และกรรมการอื่นอีกไม่น้อยกว่า 6 คนแต่ไม่เกิน 9 คน ให้ผู้ว่าการเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่น (เดิม คุณสมบัติของคณะกรรมอย่างน้อยจะต้องเป็นผู้มีความรู้และจัดเจนเกี่ยวกับการท่าเรือ 1 คน และเกี่ยวกับการเศรษฐกิจหรือการคลัง 1 คน)
2) แก้ไขเพิ่มเติมให้ประธานกรรมการและกรรมการที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการคลัง การบริหาร วิศวกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือกฎหมายด้วย ตามแนวทางของกระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) (เดิม ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการท่าเรือ การขนส่ง การเดินเรือ พาณิชยกรรม การเศรษฐกิจ หรือการเงิน)
3) แก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของประธานกรรมการและกรรมการที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งตามแนวทางของรัฐวิสาหกิจอื่น โดยต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจแล้ว ยังต้องไม่เป็นหนักงานหรือถูกจ้างของ กทท. ตัวย
4) ปรับปรุงระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของประธานกรรมการและกรรมการที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งให้อยู่ในตำแหน่งคราวละ 3 ปี (เดิมกำหนดไว้ 4 ปี)
7. แก้ไขเพิ่มเติมให้คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจออกข้อบังคับหรือระเบียบเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล และออกข้อบังคับว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์หรือการสงเคราะห์อื่น เพื่อสวัสดิการของพนักงานและลูกจ้างของการท่าเรือแห่งประเทศ (ร่างมาตรา 17) (เดิม ไม่ได้กำหนด)
8. ผู้ว่าการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (ร่างมาตรา 19-มาตรา 20)
1) กำหนดให้คณะกรรมการแต่งตั้งผู้ซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ว่าการ โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี และให้ผู้ว่าการได้รับเงินและผลประโยชน์ตอบแทนอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง (เดิม ไม่ได้กำหนด)
2) กำหนดให้ผู้ว่าการมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละไม่เกิน 4 ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ แต่ต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกัน (เดิม ไม่ได้กำหนด)
3)กำหนดให้เมื่อผู้ว่าการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ หรือเมื่อตำแหน่งผู้ว่าการว่างลงและยังมิได้แต่งตั้งผู้ว่าการ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งพนักงานในระดับรองผู้ว่าการคนหนึ่งเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการโดยในระหว่างที่คณะกรรมการยังไม่ได้แต่งตั้งเป็นผู้รักษาการแทน ให้รองผู้ว่าการการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่มีอาวุโสสูงสุดตามลำดับเป็นผู้รักษาการแทนผู้ว่าการไปพลางก่อน (เดิม ไม่ได้กำหนด)
4) แก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้ว่าการมีอำนาจในการบรรจุ แต่งตั้ง ถอดถอน เลื่อน ลด ตัดเงินเดือนหรือค่าจ้าง ลงโทษทางวินัยแก่พนักงานและลูกจ้างของ กทท. เว้นแต่ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายหรือเทียบเท่าขึ้นไป จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการก่อน (ร่างมาตรา 23) (เดิม เป็นอำนาจของคณะกรรมการ)
9. แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินกิจการที่ กทท. จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน ในกรณีดังต่อไปนี้ (ร่างมาตรา 26) เช่น
1) การกู้หรือยืมเงินเป็นจำนวนเกินคราวละ 100 ล้านบาท
2) การออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใด
3) การจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ราคาเกิน 10 ล้านบาท
4) การเช่าหรือให้สิทธิใด ๆ ไม่อสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสัญญาเกิน 1,000 ล้านบาท หรือที่มีกำหนดเวลาการให้เช่าหรือให้สิทธิใด ๆ เกิน 10 ปีและมีมูลค่าสัญญาเกิน 300 ล้านบาท เว้นแต่การให้เช่าหรือให้สิทธินั้นเป็นการให้แก่หน่วยงานของรัฐ
10. กำหนดบทเฉพาะกาล เช่น ให้กฎหมายเดิมยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติม จนกว่าจะมีกฎที่ออกตามกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมใช้บังคับ (ร่างมาตรา 33) และให้คณะกรรมการ กทท. ทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการ กทท. ตามกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมไปพลางก่อน จนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการ กทท. ตามกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติม (ร่างมาตรา 34)
กระทรวงคมนาคมได้เสนอแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาด้วยแล้ว จำนวน 6 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างข้อบังคับ จำนวน 3 ฉบับ และร่างระเบียบ จำนวน 3 ฉบับ


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา