
กต.สหรัฐฯยืนยันติดตามใกล้ชิด เหตุ 'พอล แชมเบอร์ส' ถูกจับคดี ม.112 จี้ทางการไทยเคารพสิทธิการแสดงออก ขณะพี่ชาย 'พอล แชมเบอร์ส' เผยเจ้าตัวโดนจับจากเนื้อหาที่ตัวเองไม่ได้เขียน หลังเข้าร่วมเสวนาเกี่ยวกับกองทัพไทยช่วง ต.ค.67 เตรียมประสาน รบ.สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความคืบหน้ากรณีการจับกุมนายพอล แชมเบอร์ส ในข้อหาความผิดตามมาตรา 112 หลังจากเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ระบุว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัว นายพอล ไปขอฝากขังต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก ศาลอนุญาตให้ฝากขัง ทนายความจึงยื่นคำร้องขอประกันตัว แต่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน ระบุเหตุผลว่า “คดีมีอัตราโทษสูง ผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติ ประกอบกับผู้ร้องคัดค้านการประกันตัว จึงไม่อนุญาต ยกคำร้อง”
ทนายความจึงยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวอีกเป็นครั้งที่ 2 โดยเพิ่มหลักทรัพย์เป็นเงินจำนวน 300,000 บาท และมีคณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นผู้วางหลักประกัน ทั้งขอให้ศาลตั้งผู้กำกับดูแลผู้ต้องหา แต่ศาลยกคำร้องอีกครั้ง โดยระบุว่า “ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม” ทำให้ในนายพอล ต้องถูกคุมขังที่เรือนจำจังหวัดพิษณุโลกทันทีแต่ศาลยกคำร้องอีกครั้ง โดยระบุว่า “ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม” ทำให้นายพอล ต้องถูกคุมขังที่เรือนจำจังหวัดพิษณุโลกทันที

จากกรณีดังกล่าวนั้นนางแทมมี่ บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ตามเวลาท้องถิ่นที่สหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐอเมริกา รู้สึกตกใจต่อการจับกุม นายพอล แชมเบอร์ส พลเมืองอเมริกัน ในประเทศไทย ด้วยข้อหาความผิดทางอาญาฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และเรากำลังติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือพลเมืองอเมริกันในต่างประเทศอย่างจริงจัง และเรากำลังติดต่อกับทางการไทยเกี่ยวกับกรณีนี้
กรณีนี้ตอกย้ำถึงความกังวลที่มีมาอย่างยาวนานของเราต่อการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในประเทศไทย เราขอเรียกร้องให้ทางการไทยเคารพเสรีภาพในการแสดงออก และให้แน่ใจว่ากฎหมายจะไม่ถูกใช้เพื่อปิดกั้นการแสดงออกที่ได้รับอนุญาต ในฐานะพันธมิตรของประเทศไทยตามสนธิสัญญา เราจะติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดและสนับสนุนการปฏิบัติที่เป็นธรรมต่อนายพอล แชมเบอร์ส
ขณะที่สำนักข่าว NBC 5ของสหรัฐอเมริกา รายงานข่าวเพิ่มเติมว่าเกี่ยวกับนายพอล แชมเบอร์สว่ามีพื้นเพจากรัฐโอกลาโฮมา แต่เขาใช้เวลาสามทศวรรษที่ผ่านมาในประเทศไทยในฐานะศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยโดยมุ่งเน้นการสอนไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างพลเรือนและทหารในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทางด้านของนายคิท แชมเบอร์ส พี่ชายของนายพอล แชมเบอร์ส และทนายความของนายพอล แชมเบอร์ส กล่าวว่านายพอล แชมเบอร์สได้เข้าร่วมการเสวนาผ่านเว็บไซต์หรือเว็บบินาร์พูดในประเด็นเรื่องกองทัพไทยเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
อนึ่งในประเด็นคำฟ้องจากกองทัพภาคที่ 3 ของไทย มุ่งเน้นไปที่คำโปรยที่เขียนเพื่อใช้สำหรับเชิญชวนให้เข้าร่วมการเสวนา ซึ่งพวกเขายืนยันว่านายพอล แชมเบอร์สไม่ได้เขียนคำเชิญนี้
“เราไม่รู้ว่าทําไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น เราแค่ไม่รู้” นายคิท แชมเบอร์สกล่าว โดยขณะนี้เป็นเวลานานกว่า 24 ชั่วโมงแล้วที่นายคิท แชมเบอร์สไม่ได้คุยกับน้องชาย
เช่นเดียวกับนายแชมเบอร์สที่ยืนยันว่าข้อหาเกี่ยวกับกฎหมายคอมพิวเตอร์และข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นเกิดขึ้นจากสิ่งที่นายพอล แชมเบอร์สไม่ได้เขียน
นายคิท แชมเบอร์สกล่าวว่าหลักฐานที่มีการใช้ฟ้องร้องนั้นเป็นหน้าเว็บจากกลุ่มที่ดำเนินการจัดประชุมสัมมนา และในหน้าชีวประวัติสำหรับบุคคลกลุ่มที่จัดเสวนา ซึ่งมาภาษาบางอย่างที่อาจตีความได้ว่าเป็นการใส่ร้ายสถาบัน แต่นายพอล แชมเบอร์สไม่ได้เขียนข้อความเช่นนั้น
โดยขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้ ทนายความเพื่อศูนย์สิทธิมนุษยชนจะเดินเรื่องเกี่ยวกับคดีในไทย ขณะที่นายคิทจะล็อบบี้รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อให้ความช่วยเหลือนายพอล
นายคิทกล่าวว่าน้องชายของเขาอาจต้องเผชิญกับโทษจำคุกถึง 15 ปี ซึ่งเขากลัวว่านายพอลจะไม่รอดโทษนี้
“เรากังวลมากเกี่ยวกับสภาพสุขภาพของเขาและสิ่งต่าง ๆ ที่นั่น สภาพในคุกเป็นอย่างไรเราไม่รู้” นายคิทกล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา