RFA เผยผู้ป่วยเมียนมาในไทยถูกเลือกปฏิบัติ เหตุชาวเมียนมาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ถูก รพ.เรียกเก็บเงิน 1.9 แสนเป็นค่ารักษาพยาบาล อ้างผลสำรวจองค์การเพื่อการย้ายถิ่นพบ 22% เจอปัญหาการเลือกปฏิบัติ ขณะอีก 45% เจอปัญหาค่าใช้จ่าย ขณะสังคมไทยเริ่มมองชาวเมียนมาเป็นคู่แข่งมากขึ้น ชี้ 1 ใน 3 ของชาวเมียนมาไม่มีประกันสุขภาพ เข้าถึงนโยบาย UCEP ไม่ได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวอ้างอิงสำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชียหรือ RFA ของสหรัฐอเมริกา รายงานข่าวกรณีที่ชาวเมียนมาคนหนึ่งไปหาหมอที่โรงพยาบาลในประเทศไทยหลังจากประสบอุบัติเหตุตกจากรถจักรยานยนต์ แต่ปรากฏว่าโรงพยาบาลเรียกร้องให้ชายคนนี้แสดงหนังสือเดินทางและจ่ายเงิน 5,800 ดอลลาร์สหรัฐฯ (194,323 บาท) ก่อนการรักษา แต่เนื่องจากต้องเผชิญกับความล่าช้าหลายครั้ง ในที่สุดชาวเมียนมารายนี้ก็เสียชีวิตจากการบาดเจ็บ
ขณะที่พี่ชายของชาวเมียนมารายนี้กล่าวว่าตัวเขาคิดตอนแรกว่าทุกคนควรมีสิทธิเท่ากัน แต่ว่าการกระทำของโรงพยาบาลนั้นเป็นการเลือกปฏิบัติ
RFA รายงานต่อไปว่าแม้ว่าตามรัฐธรรมนูญของไทยรับรองสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ป่วยในการรับการรักษาพยาบาลโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น สัญชาติ สถานะ สถานะทางสังคม หรือลักษณะของการเจ็บป่วย แต่ปรากฏข้อมูลจากผลสำรวจในปี 2567 โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการย้ายถิ่นฐาน หรือ IOM พบว่า 22% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าการเลือกปฏิบัติเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพในไทย ในขณะที่ 45% ตอบว่าค่าใช้จ่ายเป็นอุปสรรค
ปัจจุบันองค์การสหประชาชาติประมาณการว่าปัจจุบันมีชาวเมียนมามากกว่า 4 ล้านคนอาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่นักเคลื่อนไหวด้านแรงงานระบุว่ามีชาวเมียนมาจํานวนสูงถึง 7 ล้านคนอาศัยอยู่ในไทย ด้วยเหตุนี้ ผู้ป่วยจากเมียนมา แม้ว่าจะเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินจึงมักต้องวางเงินมัดจําก่อนเข้ารับการรักษาพยาบาลหากไม่สามารถแสดงเอกสารได้ ตามข้อมูลของนักวิจัย
นพ.เท็ต คาย มิน (Htet Khaing Min) แพทย์ที่กําลังค้นคว้าเกี่ยวกับการเข้าถึงการรักษาพยาบาลสําหรับผู้อพยพให้กับบริษัทที่ปรึกษา Shwetaungthagathu Reform Initiative Centre ซึ่งตั้งอยู่ในเมียนมากล่าวว่าในกรณีฉุกเฉิน หากคุณเป็นคนเมียนมาไม่มีหนังสือเดินทาง เกือบ 90% ให้มั่นใจได้เลยว่าคุณจะไม่ได้รับการสนับสนุนด้านการดูแลสุขภาพที่คุณอาจต้องการ ส่วนค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในไทยนั้นอาจมีตั้งแต่ไม่กี่พันบาทสำหรับผู้ป่วยนอกหรือมากไปจนถึง 3 แสนบาท สำหรับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน
“สําหรับสถานการณ์ที่ผู้ป่วยอาจต้องการการรักษาฉุกเฉินหรือการดูแลผู้ป่วยอย่างเข้มข้น คุณต้องวางเงินมัดจําอย่างแน่นอน หากไม่มีเงินมัดจํา คุณจะไม่ได้รับมัน” นพ.เท็ต คาย มิน
RFA ระบุว่าการหลั่งไหลของผู้อพยพในเมียนมายังกระตุ้นให้เกิดการเลือกปฏิบัติที่เพิ่มขึ้นจากคนไทยบางคนทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยสังคมไทยมองว่าชาวเมียนมาถูกมองว่าเป็นคู่แข่งในการหางานงานและทรัพยากรที่จําเป็น เช่น การดูแลสุขภาพ
การสํารวจของ IOM ยังพบว่าประมาณ 1 ใน 3 ของครัวเรือนผู้อพยพชาวเมียนมาในประเทศไทยไม่มีประกันสุขภาพทุกรูปแบบ สิ่งนี้ทําให้โรงพยาบาลต้องแบกรับภาระทางการเงินเมื่อผู้ป่วยที่ไม่มีเอกสารไม่สามารถจ่ายค่ารักษาได้ บางครั้งจึงทําให้โรงพยาบาลเพิกเฉยต่อการค้ำประกันทางกฎหมายและปฏิเสธการดูแล
ขณะที่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อเนื่องจากกลัวผลกระทบยืนยันว่าผู้ป่วยที่ไม่มีเอกสารมักถูกปฏิเสธไม่ให้เข้ารับการรักษา เว้นแต่จะมีเอกสารที่ถูกต้องและประกันสุขภาพ
“โรงพยาบาลรับผู้ป่วยภายใต้โปรแกรม สิทธิ การรักษาตามนโยบายรัฐ เพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต (Universal Coverage for Emergency Patients หรือ UCEP) แต่ก็ต่อเมื่อพวกเขามีเอกสารระบุตัวตนและไม่ผิดกฎหมายโดยสิ้นเชิง” เจ้าหน้าที่กล่าว
อนึ่งนโยบาย UCEP ของไทยนั้นมีผลบังคับใช้ปี 2560 โดยเป็นนโยบายการรับประกันการดูแลฉุกเฉินที่โรงพยาบาลของรัฐหรือเอกชนที่ใกล้ที่สุดในช่วง 72 ชั่วโมงแรก โดยไม่ต้องวางเงินมัดจํา
ถึงกระนั้น โรงพยาบาลที่รักษาผู้ป่วยที่ไม่มีประกันหรือไม่มีเอกสารจํานวนมากมักจะขาดทุน โรงพยาบาลชายแดนบางแห่งรายงานว่าผู้ป่วยในมากถึง 25% และผู้ป่วยนอก 50% ไม่สามารถชําระค่าใช้จ่ายได้
โรงพยาบาลบางแห่งขอให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องการความเข้มข้นในการรักษา เช่น โรคเอดส์ วัณโรค หรือไวรัสตับอักเสบ ให้ไปโรงพยาบาลอื่นหากไม่มีเอกสารและไม่มีประกัน ตามข้อมูลของนางเอ่ ลอนห์ หยิง (Nang Ei Lawnt Ying) ผู้จัดการโครงการประกันภัยระดับรากหญ้า หรือ M-FUND
โดยโครงการ M-FUND แม้จะดำเนินงานร่วมกับโรงพยาบาลและคลินิก 251 แห่งในประเทศไทย ให้ประกันรายเดือนต้นทุนต่ำ ซึ่งมีผู้อพยพประมาณ 90,000 คนลงทะเบียน ช่วยลดความขัดแย้งระหว่างโรงพยาบาลไทยและผู้ป่วยเมียนมา และมีโรงพยาบาลหลายแห่งแสดงความมุ่งมั่นที่จะให้การดูแลชาวเมียนมาโดยไม่คํานึงถึงความสามารถในการชําระค่าใช้จ่าย แต่การเลือกปฏิบัติและความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในระบบการรักษาพยาบาลของประเทศไทยยังคงก่อให้เกิดปัญหาระหว่างผู้ป่วยและโรงพยาบาลมากขึ้นตามไปด้วย
เรียบเรียงจาก:https://www.rfa.org/english/myanmar/2025/04/14/myanmar-thailand-health-care-migrants/