
‘แพทองธาร’ ชี้แจง เลื่อนเจรจา ‘ภาษีทรัมป์’ ลั่น พร้อมไปด้วยตัวเอง ยืนยัน นโยบายแจกเงินหมื่นบาท “ตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม” – ‘พิชัย’ รองนายกฯ-รมว.คลัง ยอมรับ ความไม่แน่นอนสูง เผย เตรียมปรับแผนเจรจา คู่ขนาน ช่วยเหลือ-ฟื้นฟู-ปฏิรูป ถก ‘สภาพัฒน์’ รับมือเศรษฐกิจตกต่ำ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 22 เมษายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเลื่อนเดินทางไปสหรัฐอเมริกาของทีมเจรจาที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังเป็นหัวหน้าทีมเจรจา โดยยอมรับว่า มีการเลื่อน เนื่องจากมีบางเรื่องที่เป็นสาระสำคัญที่ทางสหรัฐฯ ขอกลับมาให้ทบทวน และจะมีการนัดวันเดินทางอีกครั้ง ซึ่งพร้อมที่จะไปเจรจาด้วยตัวเอง ยืนยันไว้ไม่ได้ช้าเกินไป และยังมีคนที่อยู่นอกครม.ด้วย นักวิชาการต่าง ๆ ที่ได้ปรึกษา และรับฟังความคิดเห็นจากหลายภาคส่วน ทำดีที่สุดในสถานการณ์นี้ ไทยไม่ใช่ประเทศที่เล็กมาก ในการเจรจาเราคงไม่เทหมดหน้าตัก
“ตอนนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิมอยู่ รอดูว่า ในส่วนที่ปรับปรุงได้จะทำได้แค่ไหนบ้าง”นางสาวแพทองธารตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการทบทวนนโยบายการแจกเงิน 10,000 บาทหรือไม่
ด้านนายพิชัยกล่าวว่า มีการขอในบางเรื่องที่สหรัฐฯเป็นห่วง ทุกประเทศเจอ ซึ่งที่สหรัฐฯ เน้นย้ำ คือ สินค้าที่ไม่ได้ผลิตในเมืองไทยแล้วส่งออกจากไทย หรือ เรื่องแหล่งกำเนิดของสินค้า และเรื่องนโยบายการเงินของไทย
นายพิชัยกล่าวว่า จากสถานการณ์ที่ผ่านมา 10 วัน มีการเปลี่ยนแปลงตลอดแทบทุกวัน มีความไม่แน่นอนสูงขึ้น และสูงขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นกับทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง
“สิ่งเหล่านี้ นำมาซึ่งสิ่งที่เราคิดว่ามีความชัดเจน อาจจะไม่ชัดเจนมากเท่ากับที่เราคิด ดังนั้น เพื่อให้ชัดเจนและครอบคลุม คณะทำงานจึงคิดว่า เราควรขยับกำหนดเวลาการไปเยือน และหารือเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความชัดเจนในที่สุด”นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากำหนดการเยือนสหรัฐฯจะเลื่อนออกไป แต่ระดับปฏิบัติการยังทำงานกันอย่างต่อเนื่อง มี 2 ส่วน ส่วนที่อยู่ต่างประเทศ คือ สถานที่เอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐฯ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติของไทยที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน และระดับนโยบาย คือ รัฐบาล
“งานนี้ไม่ว่าจะจบอย่างไร ทุกประเทศในโลกนี้มีปัญหาเหมือนกันหมด มากน้อย เพราะระบบการค้าขายของโลกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทุกคนมีปัญหาต้องปรับตัว”นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า มาตรการภาษีของสหรัฐฯ เกิดผลกระทบแน่ ใครบอกไม่เกิดผลกระทบเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น จึงต้องเตรียมการคู่ขนานกันไป 3 เรื่อง คือ ช่วยเหลือ ฟื้นฟู และปฏิรูป โดยจะหารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒนา ว่า เมื่อเศรษฐกิจตกต่ำแล้ว มีทางเลือกอะไรบ้าง
นายพิชัยกล่าวว่า ส่วนเรื่องการฟื้นฟู หรือ เยียวยา ต้องคุยกับเจ้าของเงิน คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพราะเป็นผู้ดูแลสถาบันการเงิน แม้วันนี้เรายังคาดการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราจะต้องประเมินว่าจะเกิดอะไรขึ้น และมาตรการช่วยเหลือคืออะไร เพื่อเตรียมการไว้ อย่างน้อยต้องประเมินได้ว่าใครได้รับผลกระทบ กลุ่มเป้าหมายในการช่วยเหลือต้องมี ส่วนการปฏิรูปต้องมี เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นกับทุกคน ดังนั้น เงื่อนไขที่เสนอไปต้อง win-win ไม่มีใครเสียเปรียบ และเราได้ประโยชน์ด้วย คือ การปฏิรูปหลักเกณฑ์ต่าง ๆ
“ผมคุยกับสภาพัฒน์ ผมตั้งโจทย์ไว้กรณีเศรษฐกิจไม่ดี ก็ยังไม่รู้ว่าจีพีดีจะเป็นเท่าไหร่ แต่สำหรับผมแล้ว Q1 (ไตรมาสแรก) น่าจะยังดูได้อยู่ ยัง maintain ได้ หน้าตายังจะมีอยู่ ต้องมาดูไตรมาสสอง อย่างไรก็ดีก็ต้องเผื่อ กรณีไม่ดี ว่า ไม่ดีระดับไหน ไม่ดีเล็กน้อย ไม่ดีมาก ต้องมีมาตรการอะไร ถ้าไม่ดีมาก ๆ แสดงว่า การส่งออกมีปัญหา ซึ่งการผลิตก็จะมีปัญหา การจ้างงานก็จะน้อยลง ต้องหาอะไรมาชดเชยการจ้างงาน เป็นหน้าที่ของสภาพัฒน์ที่ต้องเอาโจทย์ไปคิด”นายพิชัยกล่าว
“เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน เราควรจะใช้จังหวะ เวลา และโอกาสที่เหมาะสม ซึ่งจะเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ และมีข้อมูลพร้อม เราก็อยากจะรู้ว่า ถ้าเราไปสหรัฐฯ นอกเหนือจากที่เราเสนอแล้ว เขาต้องการอะไรเพิ่มนอกจากที่เราเดา หรือไม่ได้คาดหรือไม่ ดังนั้นจึงต้องรอบคอบเพื่อให้ได้ตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม”นายพิชัยกล่าวว่า
นายพิชัยกล่าวว่า เท่าที่ดูจากการเปลี่ยนแปลง ซึ่งประเด็นการลงทุนของไทยในสหรัฐฯจะให้น้ำหนักน้อย เพราะไม่ใช่ประเทศใหญ่ มีการลงทุนไม่มาก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ตอบยากว่าสหรัฐฯต้องการอะไร

@ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง (เสื้อน้ำเงิน) @
“แต่เรื่องหนึ่งที่สหรัฐฯต้องการจะดูเพิ่มเติมขึ้นมา คือ การให้ความสำคัญในเรื่องการแทรกแซงค่าเงิน เราไม่แทรกแซง เราจึงต้องมาหยุดคิดว่า เรามีนโยบายอย่างไรในการถือเงินตราต่างประเทศ เราต้องมาดูเงื่อนไขที่ตรงกับเรา”นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า ส่วนมาตราการ 5 ข้อของไทยที่จะนำไปเจรจากับสหรัฐ ฯ ซึ่งมุ่งไปสู่ความสมดุลของการนำเข้าและส่งออกระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะมีข้อเสนออื่นที่สหรัฐฯเห็นว่า เพื่อให้ปฏิบัติได้ เพราะหลังจากทำ 5 ข้อนี้แล้ว ทั้งตลาดเงิน (financial market) โลกอาจได้รับผลกระทบ
“แผนก็คือแผน ข้อตกลงก็คือข้อตกลง แต่ต้องไม่เกิดผลกระทบกับทุกภาคส่วนของไทย และต้องดูภาคปฏิบัติว่าเข้าใจและปฏิบัติได้จริง ในทางปฏิบัติเวลาเจรจาธุรกิจ ครั้งนี้กึ่ง ๆ ธุรกิจ ต้องใช้ประสบการณ์ที่จะเดาก่อน ไม่อยากไปเจออะไรที่คาดไม่ถึงโดยไม่ได้เตรียมตัว”นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า ส่วนเรื่องการขยายเพดานหนี้สาธารณะนั้น ถ้าคิดว่าเศรษฐกิจจะลงจริง ๆ ต้องมีการลงทุน การจ้างงาน เพราะฉะนั้นการลงทุนที่ดี สามารถทำให้เศรษฐกิจทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ได้รับประโยชน์ ทำให้ขนาดของเศรษฐกิจไทยใหญ่ขึ้น นำมาซึ่งสัดส่วนหนี้สาธารณะที่เกิดขึ้นเล็กลง ดังนั้นจึงต้องคิด แต่ขณะนี้ยังไม่มีโจทย์
นายพิชัยกล่าวว่า อย่างไรก็ตามต้องมีการประเมินไว้ว่าจะต้องทำอะไรไว้บ้าง ส่วนการกู้เงินจะเกินเพดานหนี้สาธารณะที่ 70 % ต่อจีดีพีหรือไม่ เป็นกลไกปกติ และคำตอบอยู่ในตัวของมันเอง ว่าจะเกินหรือไม่เกินเพดานหนี้สาธารณะ หากสิ่งที่เราลงทุนไปนั้นเป็นผลดี

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา