
พี่ชายพอล แชมเบอร์ส จี้นำตัวน้องชายกลับประเทศ ก่อนเริ่มเจรจาภาษีระหว่างไทย-สหรัฐฯ เผยสถานภาพน้องชาย หลังได้ประกันตัวคดี112ปัจจุบันต้องติดกำไลอีเอ็ม ไม่มีวีซ่าหางานไม่ได้ เตือนรัฐบาลไทยไม่ควรวัดกับสหรัฐฯ ด้วยการจับตัวประกันชาวอเมริกัน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับนายพอล แชมเบอร์ส นักวิชาการจากสหรัฐอเมริกา ศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร และผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งได้รับการประกันตัวในชั้นศาลอุทธรณ์ โดยเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา นายคิท แชมเบอร์ส พี่ชายของนายพอล แชมเบอร์สได้เขียนบทความเกี่ยวกับการเจรจามาตรการภาษี ซึ่งมีตัวแทนไทยไปเจรจากับทางสหรัฐฯ โดยนายคิท แชมเบอร์สกล่าวตอนหนึ่งว่าถ้าหากจะพูดคุยกันเรื่องภาษี ประเด็นนี้จะไม่สามารถเริ่มต้นการสนทนาได้เลย ถ้าหากยังไม่คลี่คลายในเรื่องของการที่นายพอล แชมเบอร์สถูกดำเนินคดีเสียก่อน และนายพอลควรถูกส่งตัวกลับมายังสหรัฐฯ
“มันเป็นการอภิปรายที่ค่อนข้างง่าย: อนุญาตให้น้องชายของผม พอล แชมเบอร์ส กลับบ้านที่โอคลาโฮมาหรือเผชิญกับมาตรการภาษีที่สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” นายคิท แชมเบอร์สกล่าว
นายคิทกล่าวต่อไปว่านายพอลเป็นที่เคารพนับถืออย่างกว้างขวางในแวดวงการเมืองและการทหารของไทย ข้อมูลเชิงลึกของเขาเป็นที่รับรู้กันดีทั้งภายในประเทศและในหมู่ผู้กําหนดนโยบายของสหรัฐฯ น่าเสียดายที่กองทัพไทยเพิ่งตัดสินใจว่า มุมมองจากชาวอเมริกันดูจะเป็นสิ่งที่ขัดหูขัดตาพวกเขา การวิจัยและการเผยแพร่สิ่งพิมพ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญอเมริกันของนายพอล ดูจะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมากเกินไป จึงเป็นเหตุให้นายพอลถูกตั้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่มีโทษสูงสุดคือจำคุก 15 ปี ซึ่งอันที่จริงแล้วนายพอลรู้กฎเกณฑ์ที่ประเทศไทยดี เพราะว่าเขาใช้เวลาที่นั่นมานานกว่า 30 ปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงเคารพวัฒนธรรมไทยและจะไม่มีทางดูหมิ่นราชวงศ์ไทยเด็ดขาด
นายคิทกล่าวถึงที่ไปที่มาของการที่นายพอลถูกดำเนินคดีว่าย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม 2567 พอลได้รับการประกาศให้เป็นวิทยากรในการประชุมที่จัดขึ้นโดยสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาของสิงคโปร์ ดูเหมือนว่ามีคนในกองทัพไทยอ่านคําอธิบายหัวข้อของเขาและใช้เป็นข้อกล่าวหาทางอาญาต่อนายพอลเมื่อต้นเดือนเมษายน 2568 อย่างไรก็ตาม นายพอลไม่ได้เขียนบทสรุปหรือมีข้อมูลใด ๆ ในสิ่งที่เขียน หน่วยงานสิงคโปร์ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดงานเป็นผู้เขียนคำประกาศดังกล่าว
พี่ชายนายพอล แชมเบอร์สกล่าวต่อไปอีกว่าสถานภาพของนายพอลปัจจุบันหลังจากที่ศาลอุทธรณ์ให้ประกันตัวก็คือว่าตอนนี้นายพอลต้องถูกควบคุมตัวในประเทศไทยพร้อมกำไลอิเล็กทรอนิกส์ที่สวมใส่ข้อเท้า ไม่มีหนังสือเดินทาง ไม่มีวีซ่าทํางาน และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
“ตอนนี้ สิ่งที่พอลต้องการคือออกจากประเทศไทยซึ่งเป็นบ้านหลังที่สองของเขาในรอบสามทศวรรษและย้ายกลับไปโอคลาโฮมา” นายคิทกล่าวและกล่าวต่อว่า ณ เวลานี้ รัฐบาลไทยกําลังส่งคณะผู้แทนไปยังสหรัฐฯ เพื่อเจรจาเงื่อนไขทางการค้าที่ดีขึ้น ขณะที่พวกเขานั่งอยู่ที่โต๊ะเจรจา พลเมืองอเมริกันกําลังเผชิญกับข้อกล่าวหาเท็จและอาจสูญเสียอิสรภาพจากรัฐบาลไทยซึ่งเป็นรัฐบาลเดียวกับที่ส่งตัวแทนมา
นายคิทกล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการให้ชาวอเมริกันที่ถูกควบคุมตัวในต่างประเทศอย่างไม่ถูกต้อง จะต้องถูกส่งตัวกลับมายังสหรัฐฯ ดังนั้นรัฐบาลไทยไม่ควรจะวัดกับประธานาธิบดีของเราเกี่ยวกับภาษีศุลกากร
“รัฐบาลไทยไม่ควรวัดกับสหรัฐฯ ด้วยการจับตัวประกันชาวอเมริกัน สําหรับตัวแทนของเราที่เตรียมพร้อมที่จะเจรจาเรื่องภาษีศุลกากรกับรัฐบาลไทย คําแรกที่ตัวแทนไทยต้องพูดคือ นายพอล แชมเบอร์สกําลังเดินทางกลับบ้านแล้ว" นายคิทกล่าวทิ้งท้าย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา