
หน่วยงานต้านโกง ก.คลังอินเดียเผยขบวนการฉ้อโกงแชร์ลูกโซ่นับแสนล้าน นำเงินนับพันล้านไปซื้ออสังหาฯ 22 แห่งที่ไทย 6 แห่งที่ UAE 2 แห่งที่สหรัฐฯ ดำเนินการตั้งแต่ปี 2545-2557 พฤติการณ์บริษัทฉ้อโกงหลอกลงทุนแพคเกจพักผ่อน อ้างให้ผลตอบแทน ล่าสุดค้างเงินนักลงทุนเฉียด 2 แสนล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวคดีฉ้อโกงที่ประเทศอินเดีย ซึ่งมีส่วนเชื่อมโยงมาถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ประเทศไทยว่าเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการบังคับใช้กฎหมายของอินเดีย (ED) ซึ่งเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและข่าวกรองด้านเศรษฐกิจของกระทรวงการคลังอินเดียได้มีการแนบเอกสารทรัพย์สินในต่างแดนจำนวน 30 รายการ มูลค่ารวม 5.432 หมื่นล้านรูปีอินเดีย (20,967,297,288 บาท) ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงการลงทุน Pancard Clubs (คดีหลอกลงทุนในบริษัทที่สร้างรีสอร์ทในอินเดีย) และทรัพย์สินที่ว่านี้ถูกถือครองโดยบริษัทต่างประเทศ ซึ่งอยู่ในเครือของบริษัทในนครมุมไบชื่อว่าบริษัทพาโนรามิก ยูนิเวอร์แซล จํากัด หรือ Panoramic Universal Ltd (PUL) มีเจ้าของได้แก่นายสุธีร์ โมราเวการ (Sudhir Moravekar) ผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกง ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว
ตามข้อมูลเอกสารที่แนบมาด้วยนั้นมีการระบุถึงอสังหาริมทรัพย์ 22 แห่งในประเทศไทย อสังหาริมทรัพย์ 6 แห่งในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอสังหาริมทรัพย์อีก 2 แห่งในสหรัฐอเมริกา
อนึ่งการแนบเอกสารดังกล่าวนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนของ ED ที่ยังคงดำเนินการอยู่ โดยคดีนี้มีการกล่าวหาว่าได้มีการโยกเงินของผู้ลงทุนในบริษัท แพนการ์ด จํากัด หรือ Pan Card Ltd (PCL) ในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1997-2017
อนึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจมุมไบ ในหน่วยงานว่าด้วยการกระทำความผิดในคดีเศรษฐกิจหรือ Economic Offences Wing (EOW) ได้ยื่นฟ้องบริษัทในข้อหาระดมทุนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนักลงทุนประมาณ 5.1 ล้านรายทั่วอินเดีย โดยยังคงค้างชําระเงินนักลงทุนกว่า 5 แสนล้านรูปี (192,741,400,000 บาท)
หน่วยตำรวจ EOW ได้ยื่นฟ้องบริษัท PCL, PUL, บริษัทร่วม 44 แห่ง ยื่นฟ้องกรรมการ 6 คน และตัวแทนการตลาด 5 คน โดยเป็นการดำเนินการตามกฎหมายอาญาของอินเดียว่าด้วยการคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ฝากเงิน ค.ศ.1999
คดีนี้ถือว่าเป็นคดีฉ้อโกงแชร์ลูกโซ่ขนาดใหญ่ โดยมีการกล่าวหาว่าดำเนินการโดยบริษัท แพนการ์ด จํากัด ซึ่งได้รับการโปรโมตโดยนายโมราเวการและมีความเชื่อมโยงอย่าวใกล้ชิดกับบริษัท PUL
สำหรับพฤติการณ์ของบริษัทแพนการ์ดนั้นจะเป็นการเก็บเงินจำนวนหลายพันล้านรูปีจากนักลงทุนราย่อยหลายแสนคน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกลุ่มรายได้ต่ำและรายได้ปานกลาง ผ่านสิ่งที่เรียกว่า “แผนสำหรับสมาชิกช่วงวันหยุด” ซึ่งจะให้ข้อเสนอแพคเกจการเข้าพักโรงแรมและแพคเกจท่องเที่ยว และมีการให้คำสัญญาว่าแผนการลงทุนเหล่านี้จะให้ผลตอบแทนและผลประโยชน์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง
เจ้าหน้าที่ ED กล่าวว่า แผนการดังกล่าวดําเนินการมาตั้งแต่ต้น ค.ศ.2000 และดําเนินการโดยไม่ได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบที่ถูกต้องภายใต้กรอบโครงการการลงทุนรวม (CIS) ของคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งอินเดีย (SEBI) และธนาคารกลางอินเดีย (RBI)
การสืบสวนของ ED เผยให้เห็นว่าเงินที่ได้จากกิจกรรมอาชญากรรม (PoC) ประมาณ 9.9 ร้อยล้านรูปี (381,600,153 บาท) ถูกกล่าวหาว่าโอนจากบริษัทแพนการ์ดไปยังบริษัท PUL และยังมีเงินจำนวนอื่นๆถูกโอนไปยังบัญชีส่วนตัวของสมาชิกในครอบครัวของนายนายสุธีร์ โมราเวการ ผู้ต้องหาที่เสียชีวิตไปแล้ว
สำหรับบริษัท PUL นั้นก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.2002 โดยได้เข้าไปซื้อโรงแรมในประเทศนิวซีแลนด์ผ่านโครงการการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (ODI) ของอินเดีย และต่อมาทรัพย์สินของบริษัทแห่งนี้ก็ถูกขายออกในภายหลังและบริษัทในเครือที่ถือหุ้นทั้งหมดในนิวซีแลนด์ถูกปิดโดยไม่แจ้งให้ธนาคารกลางอินเดียหรือธนาคารที่ได้รับอนุญาตรับทราบ
นอกจากนี้บริษัท PUL ยังได้ใช้ การลงทุนผ่านโครงการ ODI ในรูปแบบเดียวกันนี้ เข้าไปลงทุนในทรัพย์สินที่สหรัฐอเมริกา,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์,ประเทศไทย และในสิงคโปร์ โดยการลงทุนดังกล่าวนั้นเกี่ยวข้องกับการโอนเงินเกือบ 1 หมื่นล้านรูปี (3,855,548,000) ในช่วงระหว่างปี ค.ศ.2002-2014

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา